รีวิว ลองขับ Suzuki Ertiga Smart Hybrid เทคโนโลยี SMART HYBRID VEHICLE อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เคลมเอาไว้นั้นสามารถทำได้ถึง 17.9 กม./ลิตร
รีวิว ลองขับ Suzuki Ertiga Smart Hybrid รถ Mini MPV 7 ที่นั่ง สำหรับครอบครัว
Suzuki Ertiga Smart Hybrid
“แม้จะสัมผัสความต่างได้ไม่มากเท่าที่คาดหวัง แต่ Suzuki Ertiga Smart Hybrid ก็แสดงจุดยืนความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่เหนือกว่า ที่สำคัญเลย คือ แสดงให้เห็นถึงทิศทางที่จะก้าวต่อไปในอนาคตอีกด้วย”
มองเผินๆ หลายคนอาจไม่เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง Suzuki Ertiga รุ่นมาตรฐาน และ Suzuki Ertiga Smart Hybrid … ซึ่ง “ใช่ครับ เราก็เหมือนกัน” หากไม่ได้ใส่ใจลงไปในรายละเอียด เพราะการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหลักๆ ก็คือ ดีไซน์ใหม่ของชุดกระจังหน้า
ตามด้วยด้านหลังที่เสริมคววามสะดุดตาจากคิ้วโครเมียมบริเวณท้ายรถ พร้อมกับบ่งบอกความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี ผ่านโลโก้ Hybrid สีฟ้าที่แปะเอาไว้ใต้ป้ายชื่อรุ่น
ขณะที่ภายในห้องโดยสาร มากับอารมณ์ที่คุ้นเคยกันดี มีจุดเปลี่ยนให้เห็นในส่วนของงานตกแต่งต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย ชุด ลายไม้โทนสีใหม่, ผ้าหุ้มเบาะนั่งลายใหม่ ตามมาด้วยออปชั่นที่มากกว่ารุ่นเริ่มต้น
ซึ่งในส่วนนี้เราแนะนำให้ส่องรายละเอียดจากเว็ปไซต์ เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตอบคำถามในใจ หากโจทย์ใหญ่ของตัวคุณเอง คือ เรื่อง ความคุ้มค่า
อ้อ … ลืมบอกไปอย่างว่า Suzuki Ertiga Smart Hybrid เค้ามี “เซอร์ไพรส์” มาให้ที่กระจกมองข้างอีกด้วย เพราะทุกครั้งที่ “ดับเครื่อง” ระบบจะทำการพับโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ได้ “กาง” อัตโนมัติ เมื่อสตาร์ทเครื่อง เรียกได้ว่า “งง” อยู่พักใหญ่
ก่อนจะเข้าใจได้ว่า เวลา “สตาร์ท” ต้องกดปุ่ม Push Start ค้างเอาไว้อีกสักเล็กน้อย หลังจากเครื่องยนต์ติดแล้ว กระจกมองข้างถึงจะกางออกมาให้นั่นเอง
สาระสำคัญ คือ เทคโนโลยีการขับเคลื่อน ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันของ Suzuki Ertiga Smart Hybrid จากการติดตั้งมอเตอร์ Integrated Starter Generator (ISG) ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 6Ah 12V ใต้เบาะผู้โดยสารตอนหน้า
พร้อมระบบชาร์จกระแสไฟ (Regenerative) เข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ ช่วยเข้ามาเสริมการทำงานให้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร โดยมีเรี่ยวแรงสูงสุดให้ใช้ คือ 105 แรงม้า และแรงบิด 138 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดทำหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า
ขณะที่ส่วนประกอบอื่นๆ ยังคงสืบทอดมาจาก Suzuki Ertiga รุ่นมาตรฐาน เช่น ระบบพวงมาลัยแบบ แร็คแอนด์พิเนียน, ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง กับด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง ตามด้วยระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์ พร้อมช่องระบายความร้อน จับคู่กับด้านหลังแบบดรัม
และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าแตกต่างระหว่าง Suzuki Ertiga รุ่นมาตรฐาน และ Suzuki Ertiga Smart Hybrid อาจดูไม่มาก หากมองแค่รายละเอียด เว้นแต่จะได้มาลองสัมผัสอย่างจริงจังเช่นเรา เพื่อให้เข้าถึงความต่างอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ “จุดเด่น” ด้านการตอบสนองที่ดีขึ้น
โดยจุดที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ ช่วงจังหวะออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง หรือการเร่งแซง ที่รู้สึกได้ว่าไม่ต้องใช้คันเร่งเยอะ เหมือนรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตัวรถก็พร้อมจะมอบความกระฉับกระเฉงให้ในทันที แถมรอบเครื่องที่ใช้ก็ไม่สูง และเสียงเครื่องยนต์ก็ถือว่าลดความก่อกวนไปได้มากพอสมควรเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีอีกสิ่งที่น่าจะสร้างความประทับใจให้ผู้ใช้ได้ดี ก็คือ ความประหยัด
เพราะอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่มีการเคลมเอาไว้นั้นสามารถทำได้ถึง 17.9 กม./ลิตร ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม 15.9 กม./ลิตร แถมในเมืองยังทำตัวเลขได้อย่างสวยงามถึงระดับ 15.9 กม./ลิตร จากรุ่นเดิมที่เคลมไว้เพียงแค่ 12.7 กม./ลิตร เท่านั้น ซึ่งเห็นตัวเลขแบบนี้แล้ว คงพูดได้อย่างเต็มปาก เต็มคำว่า Suzuki Ertiga Smart Hybrid เหมาะสมกับการใช้งานรูปแบบไหน ?
ใช่ครับ … “ในเมือง” แน่นอน แล้วก็ต้องเป็นการขับแบบที่ไม่ใช่คันเร่งเยอะ หรือคันเร่งหนักเกินไป เอาง่ายๆ ก็ใช้ พฤติกรรมเหมือนขับ Eco Car นั่นแหละ เช่น ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักคันเร่งอย่างนุ่มนวล และต่อเนื่องดีกว่า
เพราะว่าการกระทำตรงข้าม จะทำให้มอเตอร์ ISG ยื่นมือเข้ามาช่วยแบบไม่เต็มเม็ด เต็มหน่วย จนต้องพึ่งเครื่องยนต์สันดาป 1.5 ลิตรเป็นหลัก และผลลัพธ์ก็คือ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่คุณอาจจะไม่ปลื้มซักเท่าไหร่
แล้วถ้าจะให้ดีกว่านั้นเรื่องอัตราสิ้นเปลือง ก็ต้องปล่อยให้ระบบ Idling Stop ทำงาน เพราะถ้าว่ากันตามเงื่อนไข ครั้งแรกของการสตาร์ทรถ เป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์ และตลอดช่วงการขับ หากระบบ Idling Stop สั่งดับเครื่องยนต์ ขณะติดไฟแดง หรืออะไรก็ตาม
หน้าที่การสตาร์ทครั้งต่อไป จะเป็นหน้าที่มอเตอร์ ISG ซึ่งจุดสังเกต และข้อดี ก็คือ จังหวะสตาร์ทจะมีความนุ่มนวลกว่า ทั้งยังมีเสียงที่เงียบกว่าการสตาร์ทด้วยเครื่องยนต์อีกด้วย
สำหรับอรรถรสของการขับขี่ เช่น อารมณ์ของน้ำหนักพวงมาลัย ไล่ไปจนถึงระบบช่วงล่าง ต้องบอกว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับ Suzuki Ertiga รุ่นมาตรฐานไม่น้อย ซึ่งข้อดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เคยผ่านมือรุ่นมาตรฐานมาแล้ว ก็คือ “เข้าถึงการใช้งาน” ได้ง่าย โดยไม่ต้องปรับตัวใดๆ เลย
ทั้ง การกะระยะ, น้ำหนักพวงมาลัย ไปจนถึงอารมณ์ของช่วงล่างที่มีทั้งความนุ่มสบาย และตอบโจทย์การใช้งานได้ดีในมาตรฐานของยนตรกรรมสำหรับครอบครัว ตลอดจนการมีเสถียรภาพที่ให้ความมั่นใจได้ดีในการขับขี่
ทั้งยังมีความมั่นใจจากระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่ต้องบอกว่า “เพียงพอ” สำหรับการใช้งาน ซึ่งก็คงต้องรวมไปถึงเรื่องของ “ออปชั่น” ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าไม่คาดหวัง หรือหยิบยกไปเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในระดับเดียวกัน เพราะนั่นหมายถึงคุณอาจจะรู้สึก “ด้อย” ขึ้นมาบ้าง
แต่จุดนี้ก็ “ว่ากันไม่ได้” เพราะเป็นเรื่องของนโยบายจากบริษัทผู้ผลิต ที่ต่างก็มีจุดเด่นอยากนำเสนอต่างกันออกไป ซึ่ง Suzuki Ertiga Smart Hybrid ก็เลือกที่จะหยิบยกเทคโนโลยีการขับเคลื่อนมาเป็นประเด็นน่าสนใจนั่นเอง เพราะฉะนั้นเราเลยต้องยกให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ Mini MPV สำหรับครอบครัว เป็นผู้ตัดสินใจดีกว่า
แล้วก็ขอแนะนำอีกซักนิด ว่าควรไปทดลองขับ ประกอบการตัดสินใจให้ชัวร์ จะเป็นอะไรที่ดีที่สุด ด้วยเพราะ “อรรถรส” การขับ ก็มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจ ไม่น้อยไปกว่า “ออปชั่น” ความสะดวกสบาย หรือความปลอดภัย ส่วนรูปลักษณ์งานดีไซน์ เราขอยกให้เป็นความชอบ และความคิดเห็นส่วนบุคคลดีกว่า
เช่นเดียวกับเรื่องบริการหลังการขาย หรืออะไรก็ตามที่ลึกกว่านั้น เพราะเราเชื่อว่าทุกแบรนด์ในตลาด ต่างก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับรับมือปัญหาอยู่แล้วแน่นอน
Specification: Suzuki Ertiga Smart Hybrid
- Price : 783,000 – 893,000 BHT
- Engine : 1,462 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / 105 hp @ 6,000 rpm / 138 Nm @ 4,400 rpm
- Transmission : 4A/T / Front Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : 1,150 – 1,160 Kg.