รีวิว ลองขับ Toyota Altis HEV GR Sport เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบ VVT-i ให้พละกำลังรวมที่ 122 แรงม้า
รีวิว ลองขับ Toyota Altis HEV GR Sport ตัวท็อปสุดราคา 1,129,000 บาท
Toyota Altis HEV GR Sport
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความสนุกอย่างหนึ่ง จากฐานะของผู้บริโภคในตลาดรถเมืองไทย ก็คือ การเฝ้ารอดูทิศทางความเปลี่ยนแปลงของ “รุ่น” ที่ตัวเองชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์ใหญ่ ซึ่งล่าสุดต้องยกตำแหน่ง “เซอร์ไพรส์” ให้ Toyota Altis HEV GR Sport
เรียกได้ว่าทำตลาดอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว สำหรับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เพราะมี “ของใหม่” เข็นออกมาเสิร์ฟผู้บริโภคชาวไทยอย่าง “ครอบคลุม” ไม่หยุดหย่อน ให้เลือกสรรหามาเป็นเจ้าของได้สบายๆ ผ่านยนตรกรรมหลากหลายเซ็กเมนต์
โดยหนึ่งใน เซ็กเมนต์ ที่ต้องยอมรับว่าเป็น “เซอร์ไพรส์” เหมือนที่เราจั่วหัวไว้ข้างต้น ก็คือ Toyota Altis จากเหตุผลของการทำตลาดด้วยเครื่องยนต์ที่หลากหลาย แม้ล่าสุดจะผ่านการเปลี่ยนแปลงสู่เวอร์ชั่น MC (Minor Change) แล้วก็ตาม
แต่ Toyota Altis ก็ยังคงยืนยันเช่นเดิม กับ 4 รุ่นย่อยที่วางตำแหน่งทำตลาดต่างกันชัดเจน เริ่มต้นที่เครื่องยนต์เบนซินพิกัด 1.6 ลิตร ในรุ่น 1.6 G ราคาคุ้มสุดๆ ที่ 894,000 บาท ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร ในรุ่นย่อย 1.8 Sport ซึ่งค่าตัว ก็ถือว่ายังคุ้มอยู่นะ คือ 979,000 บาท
ขึ้นมาอีก 2 รุ่น โดดเด่นกว่า ด้วยความเหนือชั้น ด้านการขับเคลื่อนจากระบบ Hybrid ส่วนผสมระหว่างเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ประกอบด้วยรุ่น HEV Premium ราคา 1,009,000 บาท และสูงสุดกับรุ่น HEV GR Sport ค่าตัว 1,129,000 บาท
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นย่อยต่างกันที่ “ความสปอร์ต” อย่างชัดเจน … และ “ความสปอร์ต” ในสไตล์ของ GR Sport ก็ค่อนข้างถูกจริตกับเราซะด้วย เพราะฉะนั้นเดาไม่ยากว่าพระเอกของเราในเรื่องนี้คงเป็นอื่นใดไปไม่ได้ นอกจาก Toyota Altis HEV GR Sport ที่เราควรทำความรู้จักกันก่อนเหนือสิ่งอื่นใด
สำหรับในภาพรวมของ Toyota Altis เวอร์ชั่น MC (Minor Change) ทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ทำการยกระดับคุณสมบัติ QDR ขึ้นไปอีกขั้น ได้แก่ Quality “คุณภาพ” Durability “ความทนทาน” และ Reliability “ความน่าเชื่อถือ”
ทั้งยังกล่าวว่ามีการอัพเกรดความสนุกสนานในการขับขี่ และความสปอร์ตมากขึ้น …ซึ่งบอกตรงๆ นะว่า รุ่นอื่นไม่มั่นใจ แต่ถ้าจะเอาแบบรับประกันได้ก็ต้อง Toyota Altis HEV GR Sport นี่แหละ ด้วยเพราะมีนามสกุล GR Sport รับรองว่ามีอารมณ์ความสปอร์ต “ชัวร์ๆ” แน่นอน จากรายละเอียดความเป็น GR Sport ที่ถูกใส่เข้ามาตั้งแต่ภายนอก
ซึ่งประกอบด้วย ชุดกันชนหน้า และกระจังหน้าแบบ GR Sport ต่อเนื่องด้วยด้านข้างที่มากับกระจกมองข้างสีดำ, สเกิร์ตด้านข้าง และด้านหลังแบบ GR Sport ก่อนปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วจาก GR Sport เช่นกัน
รวมไปถึงภายในที่ตกแต่งได้อย่างเร้าใจไม่แพ้ภายนอก อาทิ เบาะหนังคู่หน้าสีดำ ตกแต่งด้วยสีแดงดีไซน์สปอร์ต พร้อมโลโก้ GR ตามด้วยปุ่ม Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR
นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งออปชันพิเศษ เพื่อเติมเต็มความสปอร์ตขึ้นไปอีกระดับ เช่น หน้าจอสี TFT แบบ Full Digital Meter พิเศษ สำหรับแสดงผลผู้ขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถเลือกปรับหน้าจอได้ถึง 4 สไตล์ คือ Casual, Smart, Tough และ Sporty ตามความชอบ โดยมีระบบ Head Up Display ที่สามารถแสดงผลข้อมูลบนกระจกหน้ารถได้
เสริมความสะดวกสบายมากขึ้นไปอีก จากระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติใหม่ แบบ Dual Zone A/C ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา มาพร้อมระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสารด้วยเทคโนโลยี nanoe™X, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และท้ายสุดกับระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง Tire Pressure Monitoring System ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในทุกการขับขี่
จุดเด่นที่เรายอมรับในความ “ถูกจริต” ก็คือ สมรรถนะโดยรวม ไล่เรียงมาตั้งแต่ขุมพลัง Hybrid ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบ VVT-i พิกัด 1.8 ลิตร มีกำลังสูงสุด 98 แรงม้า พร้อมแรงบิด 142 นิวตันเมตร ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์
พร้อมแรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร รวมเสร็จสรรพมีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ 4 รูปแบบ คือ EV, Eco, Normal และ Power
ทีเด็ดในความเป็น GR Sport คือ การปรับจูนใหม่ เพิ่มอารมณ์ความสปอร์ตเร้าใจในการขับขี่มากขึ้น เช่น การตอบสนองที่แม่นยำ ฉับไวของพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS Tuning, ปรับแต่ง Shock Absorber (โช้คอัพ) ให้มีความสามารถในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนสูง จับคู่กับ Coil Spring (คอยล์สปริง) ปรับแต่งพิเศษที่มีทั้งความนุ่มนวล และการยึดเกาะถนนที่ดี
ก่อนเสริมด้วย Rear Bar Stabilizer ติดตั้งเหล็กกันโคลงหลังเข้ามาช่วย ลดอาการโคลงขณะเข้าโค้ง สร้างแรงยึดเกาะถนนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกระดับ
ประเด็น คือ ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นส่วนผสมลงตัวในการสร้างสรรค์ความสนุกสนานแห่งการขับขี่ให้กับ Toyota Altis HEV GR Sport อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ซึ่งเราคาดเดาว่า “ความสนุก” ดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดออกมาแบบเต็มเม็ด เต็มหน่วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเส้นทางสายรองที่เต็มไปด้วยโค้งมากมาย ไว้รองรับการใช้ขีดความสามารถของทั้ง พวงมาลัย และช่วงล่างที่ปรับแต่งขึ้นมาใหม่ให้สมฐานะ GR Sport
ฉะนั้นเส้นทางสายรองที่ห่างไกลถนนหลัก คือ เป้าหมายที่เราต้องพยายามไปให้ถึงเพื่อค้นหาความสนุก โดยมีถนนบางช่วงระหว่างทางให้ได้ทำการปรับตัวเล็กๆ น้อยๆ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่า Toyota Altis HEV GR Sport มีอรรถรสโดยรวมที่ต่างออกไปจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินมาตรฐานไม่เบาทีเดียว
ใช่ครับ … อย่างแรกที่พบเจอเลย คือ อารมณ์ของช่วงล่างที่เกือบเข้าขั้นพี่ใหญ่ Mid-Size Sedan จากการปรับเซ็ทใหม่ จนได้มาซึ่งความนุ่ม แต่แน่นหนึบกว่า ขณะที่ระบบพวงมาลัย จะค่อนไปในทางที่ “กระชับ” กว่า จนอาจจะทำให้พาลคิดว่ามีน้ำหนักเพิ่ม
แต่ความเป็นจริง คือ “ระยะฟรี” ที่หดหายไปบางส่วน ทำให้อาการที่เกิดขึ้น คือ ความเฉียบคม และฉับไว ตอบสนองทันทีที่ผู้ขับขี่เริ่มสั่งงาน
เพราะงั้นกับการใช้งาน Toyota Altis HEV GR Sport ในเมือง จึงเหมือนการขับด้วยความเร็วต่ำในสนาม หรือในสถานีทดสอบ เพราะประเด็นสำคัญ ก็คือ ความสามารถในการเปลี่ยนความน่าเบื่อบนท้องถนนเมืองไทย ให้กลายเป็นความสนุก จนทำให้เราคิดถึงการ Slalom หรือ Lane Change ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ซะงั้น
ความสนุกท่ามกลางเมืองใหญ่ ผ่านไปไวเหมือนโกหก จนในที่สุดรถราร่วมท้องถนนก็บางตา กระทั่งเราเลี้ยวเข้าถนนสายรอง ทางหลวงชนบทใกล้เมืองกรุง ที่สวยงาม และเหมาะสม ทั้งความราบเรียบของพื้นผิว ทิวทัศน์ที่สวยงาม ไล่เรียงไปตามโค้งมากมาย ทำเอาเราอยากจะ “ลดความเร็ว” เข้าสู่โหมดการขับรถท่องเที่ยว มากกว่าจะลองของเรื่องสมรรถนะ
แต่สุดท้ายแล้ว “ความอยาก” ซึมซับการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นมาตรฐาน สู่ความเป็น GR Sport ที่มีมากกว่า ทำให้เท้าขวาเราเพิ่มน้ำหนักเองโดยอัตโนมัติ อีกเรื่องที่ขอสารภาพเลย คือ แว็บแรกเราลืมความเป็น Hybrid ไปชั่วขณะ เพราะดันใช้คันเร่งเต็มไปนิด รู้ตัวอีกที คือ ความเร็วขึ้นไม่ทัน สุ้มเสียง และรอบเครื่องยนต์
ฉะนั้นแล้ว เราจึงเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่กลับไปใช้คันเร่งแบบเนียนๆ ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนัก ให้ความเร็วขยับขึ้นจนได้ระดับ ที่เราสามารถรับรู้อารมณ์ความสปอร์ตได้ชัดเจน โดยเฉพาะการขับขี่ในโค้ง ที่ต้องบอกเลยว่าให้ความมั่นใจได้ดีงาม ทั้งการควบคุม และการยึดเกาะถนน พูดง่ายๆ ว่าอารมณ์โดยรวม ค่อนไปทางพี่ใหญ่ Mid-Size Sedan แต่สนุกกว่า
เพราะอารมณ์ที่ว่านั้นอยู่ในเรือนร่างพิกัดเล็กกว่า ซึ่งเอื้ออำนวยให้เราสามารถควบคุม “อำนาจ” ได้ง่าย และสนุกไปกับการขับขี่ได้อย่างเชื่องมือมากกว่า โดยเฉพาะอารมณ์ในส่วนของพวงมาลัย และช่วงล่าง
แต่ทางด้านขุมพลัง จุดนี้ต้องยอมรับในความเป็นยนตรกรรม Hybrid ฉะนั้น อารมณ์การขับ หรือแม้กระทั่งเสียงแบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่หลายคนคิดว่าเหมาะสมกว่า จึงไม่ได้ถูกเติมเต็มมากเท่าที่ควร ซึ่งนั่นคือเรื่องของอารมณ์ครับ เพราะถ้าเอาแค่ “สมรรถนะ” การทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ในช่วงความเร็วต่ำ, ช่วงออกตัว
หรือ แม้กระทั่งช่วงเร่งแซง จะกลายเป็นส่วนที่สร้างความประทับใจ จนคุณยอมรับส่วนที่ขาดหายไปของอารมณ์ความสปอร์ต แบบเครื่องยนต์สันดาปภายในได้แน่นอน
และจะสนุกได้มากกว่านี้ ถ้าหากคุณจับจังหวะการทำงานของขุมพลังได้คล่อง และสอดคล้องกับอารมณ์ของน้ำหนักพวงมาลัย และสไตล์ช่วงล่าง ซึ่งการันตีได้เลยว่า “เพลิดเพลิน” ในทุกอารมณ์การขับขี่แน่นอน ขณะเดียวกัน
การใช้งานขุมพลังอย่างเหมาะสม จะทำให้การประหยัดน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ทำให้คุณยิ้มได้อีกด้วยเช่นกันจากตัวเลขเคลมถึง 23.3 กม./ลิตร เลยทีเดียว
Specification: Toyota Altis HEV GR Sport
- Price: 1,129,000 BHT
- Engine: 1,798 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / VVT-I 98 hp @ 5,200 rpm / 142 Nm @ 3,600 rpm
- Electric Motor: 53 hp / 163 Nm
- Transmission: E-CVT
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: N/A