รีวิว ลองขับ Toyota Corolla Cross HEV Premium Luxury เครื่องยนต์ 2ZR-FXE 4 สูบ แถวเรียง เมื่อทำงานร่วมมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 122 แรงม้า
รีวิว ลองขับ Toyota Corolla Cross HEV Premium Luxury 2024
Toyota Corolla Cross HEV Premium Luxury 2024
“Toyota Corolla Cross เปิดตัวให้ชาวไทยได้รู้จักครั้งแรกปี 2020 กวาดยอดขายไปแบบถล่มทลายด้วย “ความคุ้มค่า” แม้ “หน้าตา” ดูจะไม่เป็นมิตร จนสงสัยในความคิด “ดีไซเนอร์” … แต่สำหรับ New Corolla Cross 2024 ครั้งนี้สมบูรณ์แบบเต็มขั้น เพราะไม่ใช่ “ของครบ” เท่านั้น แต่หน้าตายัง “หล่อจัด” อีกด้วย
อันดับแรกเลย ต้องสารภาพก่อนว่า “ลืม” ความรู้สึกส่วนใหญ่ จากครั้งได้สัมผัส Toyota Corolla Cross เจเนอเรชั่นแรก ปี 2020 ไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะว่าเคยจับ เคยขับ แบบที่ใช้นิ้วมือข้างเดียว “นับครั้ง” ก็พอ … เรียกว่า “น้อย” เอามากๆ เพราะอย่างแรกเลย ก็คือ “หน้าตา” น้องเค้าไม่ค่อยรับแขก เจอทีไรก็ “ปากคว่ำ” ตลอด เลยทำให้ขาดแรงจูงใจในการขับไปเยอะพอควร
แต่พอมาถึงเจเนอเรชั่นใหม่ 2024 ก็ต้องยอมรับเลยว่า New Corolla Cross โดดเด่นเกินคาด “หน้าตารับแขก” มากมาย จนแอบได้กลิ่นงานดีไซน์ของ Toyota bz4x และ Lexus บางรุ่น ติดมาบ้างเบาๆ เพื่อปลุกเร้าความน่าสนใจ ซึ่งสำหรับเรา นั่นเป็นเทคนิคที่ได้ผลดีเกินคาด จนทำให้เรารู้สึกไม่แปลกใจซักนิด ถ้า New Corolla Cross 2024 จะสร้างยอดจำหน่ายถล่มทลายแซงหน้าเวอร์ชั่นปี 2020
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของ New Corolla Cross 2024 ต้องบอกว่ามีการปรับอะไรหลายๆ อย่างมากมาย ตั้งแต่รุ่นย่อยที่ซอยออกมาน้อยลง โดยในเวอร์ชั่นปี 2024 จะเหลือเพียงแค่ 4 รุ่นย่อย ซึ่งยังคงมีรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียง 1 รุ่นเท่านั้น คือ รุ่น 1.8 Sport Plus ส่วนที่เหลือจะเป็นเวอร์ชั่น HEV หรือ Hybrid ล้วนๆ
นำโดย Entry Level รุ่น HEV Premium ตามด้วยพระเอกของเรารุ่น HEV Premium Luxury ก่อนปิดท้ายด้วยรุ่นสูงสุด คือ HEV GR-Sport ซึ่งมากับความเร้าใจของรูปลักษณ์เป็นประเด็นหลัก
โดย New Corolla Cross 2024 รุ่นย่อย HEV Premium Luxury พระเอกของเรา จะมากับรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่ประกอบด้วย กระจังหน้า และกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ประกบด้วยชุดไฟหน้า ดีไซน์ใหม่ แบบ LED Crystalized Head Lamp พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้า LED แบบ Sequential ตามด้วยชุดไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ รวมไปถึงล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทนขนาด 18 นิ้วลายใหม่
ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นด้วย เบาะภายในสี Dark Rose พร้อมไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED ตามด้วยการเสริมด้วยออฟชั่นล้ำๆ ทั้งในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย และสิ่งอำนวยความปลอดภัย เช่น หลังคา Panoramic Roof แบบ Frameless
พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger, หน้าจอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว จับคู่กับหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว แบบ HD รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย และช่องเชื่อมต่อ USB type C
ส่วนออฟชั่นเสริมความปลอดภัยที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ ก็มีตั้งแต่ ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH, กล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ ด้านหน้า และด้านหลัง, ระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ PKSB, กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor (PVM) 360° view ที่มากับสัญญาณเตือนกะระยะ หน้า-หลัง รวมทั้งหมด 8 ตำแหน่ง
ด้านขุมพลังยังคงใช้รายละเอียดเดิมที่คุ้ยเคย ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปรหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว แบบ VVT-i ขนาด 1.8 ลิตร มีกำลัง 72 กิโลวัตต์ (98 แรงม้า) ที่ 5,200 รอบต่อนาที และแรงบิด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร สร้างกำลังรวมทั้งหมดอยู่ที่ 90 กิโลวัตต์ (122 แรงม้า)
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก ทั้ง EV, Power, Normal และ Eco ควบคุมผ่านพวงมาลัยพาวเวอรไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) รองรับด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง จับคู่กับด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
หลายๆ คนอาจมองว่าตัวเลขกำลังรวม 90 กิโลวัตต์ (122 แรงม้า) ค่อนข้างจะเป็นตัวเลขที่ “น้อย” ไปนิด ไหนๆ ปรับโฉมทั้งที ก็น่าจะอัพเกรดพละกำลังเพิ่มเข้าไปหน่อย … ใช่ครับ ผมเองก็คิดแบบนั้น เพราะมันจะเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ดีมาก
แต่เอาจริงๆ หลังจากได้ลองสัมผัสแล้ว คือ เค้ามีการ “เพิ่ม” นะครับ แต่ไม่ได้ไปเพิ่มในเรื่องของตัวเลขพละกำลังแรงม้า หรือแรงบิด แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการถ่ายทอดพละกำลัง
เพราะในรายละเอียดองค์ประกอบเดิมที่คุ้นเคย มีข้อมูลเผยออกมา ว่ามีการปรับแต่งในส่วนสมองกล (ECU) และมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ซึ่งโดยสรุปในภาพรวมก็คือ
ยกระดับศักยภาพการถ่ายทอดกำลังมีความไหลลื่นต่อเนื่องขึ้น ซึ่งจากที่ได้ลองขับ ณ ความเร็วต่ำ หรือในช่วงออกตัว อาจจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงได้ยากหน่อย แต่เมื่อผ่านความเร็วซักราวๆ 80 กม./ชม. ไป และกดคันเร่งแบบต่อเนื่อง จะรู้สึกถึงความแตกต่างได้ชัดขึ้น
ซึ่งภายใต้ความราบเรียบของการส่งกำลังโดยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT จะสัมผัสได้ถึงความต่อเนื่อง และลื่นไหล เลย 80 กม./ชม. ขึ้นไป ถึง 100 กม./ชม. จนกระทั่งถึง 140 กม./ชม. หรือพูดง่ายๆ ว่า
ในขณะที่ใช้ความเร็วเดินทาง ความต่อเนื่องของพละกำลังที่ถ่ายทอดออกมาสู่พื้นถนน ทำได้ดีขึ้นกว่าเจเนอเรชั่นที่ผ่านมาแบบเห็นได้ชัด ซึ่งช่วยให้ขับขี่ได้สบายขึ้น แถมยังสร้างความมั่นใจในการเร่งแซงแบบที่ไม่ต้อง “ลุ้น” กันให้เหนื่อยอีกด้วย
และจากการปรับแต่งสมองกลที่ทำให้การถ่ายทอดพละกำลังเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ระบบช่วงล่าง ภายใต้พื้นฐานเดิม จึงได้รับการปรับแต่งด้วยเช่นเดียวกัน เพราะรู้สึกได้ถึงนุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ขณะเดียวกัน บนความเร็วเดินทาง ก็ให้ความรู้สึกที่แน่นหนึบ และนิ่ง ซึ่งเป็นต้นทุนเพื่อสร้างความมั่นใจ และความสนุกสนานในการขับขี่ได้ดี
โดยความสนุกสนานในการขับขี่ ส่วนหนึ่งมาจากพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ที่ปรับเซ็ทน้ำหนักออกมาได้ดี ทั้งในความเร็วต่ำ และความเร็วสูง แม่นยำ เฉียบคม … ไม่ได้ “คม” แบบอารมณ์สปอร์ต แต่ “คม” ในรูปแบบที่เหมาะสมกับความเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ ที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างกระชับ แล้วก็คล่องตัว ที่ดีขึ้นกว่ารุ่นที่ผ่านมา
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราชอบก็คือ ออฟชั่นล้ำๆ ที่มีมาให้ เพื่อเป็นตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะขับขี่ เพราะสำหรับ New Toyota Corolla Cross 2024 เรามองว่าเป็นยนตรกรรมเอนกประสงค์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายกว้างๆ ในแบบที่พ่อบ้าน หรือ แม่บ้าน ก็สามารถเป็นเจ้าของได้
ซึ่งในการเป็น “เจ้าของ” ไม่ว่าจะพ่อบ้าน หรือ แม่บ้านก็ดี ไม่ใช่สมรรถนะการขับขี่เท่านั้นที่จะเป็นเรื่องน่าสนใจ แต่ออปชั่นเสริม ด้านตัวช่วยในการขับขี่ มักจะเป็นสิ่งที่ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นในการพิจารณาด้วยเช่นกัน
ฉะนั้น New Toyota Corolla Cross 2024 จึงจัดมาให้ครบๆ เพื่อการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น ทั้งยังเพิ่มความคุ้มค่าให้มากขึ้น เช่น กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor (PVM) 360° view หรือ กล้องวิดีโอบันทึกภาพด้านหน้า และด้านหลัง ไปจนถึงสัญญาณเตือนกะระยะ หน้า – หลัง รวม 8 ตำแหน่ง และระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ PKSB
เพราะปัจจุบัน ออปชั่นที่ว่ามาข้างต้นที่เพิ่มขึ้นมาจากระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ถือได้ว่า “จำเป็น” ในการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถที่ขึ้นชื่อว่าเป็น รถอเนกประสงค์ หรือ รถครอบครัว ฉะนั้นบอกได้เลยว่า New Toyota Corolla Cross 2024 เดินมาถูกทาง และกำลังสานต่อความสำเร็จจากเจเนอเรชั่นแรกอย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
Specification: New Toyota Corolla Cross (HEV Premium Luxury) 2024
- Price : 1,204,000 BHT
- Engine : 1,798 CC / 4 Cylinder / 16 Valve 98 Ps @ 5,200 rpm / 142 Nm @ 4,600 rpm
- Electric Motor : 53 hp / 163 Nm
- Transmission : E-CVT / Front Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : N/A