รีวิว ลองขับ Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD อัพเกรดเพิ่มแรงม้า ดุดันมากที่สุดในรุ่น

รีวิว ลองขับ Toyota Fortuner 2.8 GR Sport เครื่องยนต์ดีเซล GD Super Power 2.8 ลิตร เสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศ VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 224 แรงม้า

รีวิว ลองขับ Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD ราคา 1,939,000 บาท

Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD

“การมาของ Innova Zenix ที่ลบภาพจำโครงการ IMV เป็นที่เรียบร้อย ทำให้เราคาดเดาว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้แน่ … โดยเฉพาะไลน์อัพของ Fortuner … แต่ก่อนจะไปถึงจุดเปลี่ยนนั้น มาตอกย้ำความยอดเยี่ยมอีกครั้งกับ Fortuner 2.8 GR Sport 4WD”

ใช่ครับ เรามีความรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นจริงๆ หลังจาก Toyota Innova Zenix ถูกเปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ พร้อมข้อมูลที่ย้ำชัดว่า ตัดขาดความสัมพันธ์ความเป็นยนตรกรรมจากโครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) เป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้กำเนิดยนตรกรรม MPV (Multi-Purpose Vehicle) แบบเต็มตัว

และนั่นทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ในฝั่งของ Toyota Fortuner อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามมา ด้วยความเป็นไปได้หลายทาง เช่น ง่ายๆ หน่อยก็การเปลี่ยนโมเดลใหม่ ที่ยังคงใช้พื้นฐานความเป็น PPV (Pick-Up Passanger Vehicle) เหมือนเดิม

หรือ เอาแบบยากหน่อย ก็อัพเกรดจากความเป็น PPV (Pick-Up Passanger Vehicle) ไปสู่ความเป็น SUV (Sport Utility Vehicle) เต็มระบบ เหมือนที่เปลี่ยนแปลงให้กับ Toyota Innova Zenix

แต่ก่อนจะไปถึงจุดเปลี่ยนแปลงนั้น เราเชื่อว่าหลายๆ คนก็ยังคงประทับใจกับจุดสูงสุดของ “ห่วงโซ่อาหาร” ในไลน์อัพของ Toyota Fortuner ที่เกิดขึ้นด้วยส่วนผสมระหว่างความเป็นรถอเนกประสงค์ ที่สอดแทรกแรงบันดาลใจจาก DNA แห่ง Toyota Gazoo Racing เข้าไปอย่างลงตัว …และนี่คือ Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD

ต้องแนะนำก่อน เผื่อใครหลายคนหลงลืม ว่าอักษร GR ในชื่อ Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD คือ Identity จาก Toyota Gazoo Racing ที่ได้นำแนวคิดมาพัฒนาในไลน์อัพของยนตรกรรม Production Car

ฉะนั้นความสปอร์ตส่วนใหญ่จึงเกิดจากรูปลักษณ์ เช่น ภายนอกที่มีกระจังหน้า และชุดตกแต่งกันชนหน้า โทนสีดำเงา พร้อมการประทับตราสัญลักษณ์ GR ตามด้วยสปอยเลอร์แบบสปอร์ต เฉพาะรุ่น GR Sport

เสริมหล่อด้วย ชุดไฟหน้าแบบ LED Dual Projector, ชุดไฟท้ายแบบ LED Light Guiding, ระบบไฟเลี้ยวหน้า – หลัง แบบ Sequential และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 265/50 R20 ซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษด้วยโทนสีที่ตัดกับชุดคาลิปเปอร์เบรกด้านใน ซึ่งให้โทนสีแดงมาเป็นมาตรฐาน

ภายในห้องโดยสารยังคงนำเสนอความสปอร์ตด้วยโทนดำ สลับการใช้โทนสีแดงในรายละเอียดการตัดเย็บ พร้อมด้วยการอัพเกรดความเร้าใจจากสไตล์ความเป็น GR Sport ซึ่งจะให้ยกมาพูดถึงทั้งหมดคงน่าจะเป็นเรื่องใหญ่พอดู ด้วย “ออปชั่น” ต่างๆ ที่จัดมาให้อย่างแน่นหนา

เพราะงั้นเราจึงขอพูดถึงบางอย่างที่สร้างความประทับใจดีกว่า เช่น ความสปอร์ตทั้งในส่วนของเบาะนั่ง ที่เลือกใช้วัสดุหนัง Suede แบบเจาะรู โทนสีดำ ด้ายแดง ประทับสัญลักษณ์ GR ที่ลงตัวกับพวงมาลัยหุ้มหนัง Soft Touch

ตกแต่ง Center mark และตะเข็บด้ายสีแดง พร้อมประทับตราสัญลักษณ์ GR เช่นกัน ต่อเนื่องที่มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron สีขาว ถึงพรมพื้นห้องโดยสาร ก็มากับงานดีไซน์ GR Sport

รวมถึงสิ่งที่ส่วนตัวเราชอบที่สุด คือ กุญแจรีโมท Smart Key ที่ดีไซน์มาให้เฉพาะรุ่น GR Sport ด้วยเพราะเรารู้สึก “อยากอวด” ก็ถ้าหากจ่ายเกือบ 2 ล้าน (1,939,000 บาท) เพื่อเป็นเจ้าของตัวท็อป Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD ไปแล้ว ด้วยฐานะความเป็นเจ้าของ เราจะมีความภูมิใจลึกๆ ให้ บางครั้ง

บางที “อยากอวด” แต่บางสถานการณ์ มันก็ไม่เอื้ออำนวยให้เราเอารถทั้งคันไปอวดหรอกครับ อย่างดีที่สุดสุดก็แค่พกกุญแจไปโชว์ด้วยความภูมิใจ ฉะนั้นนี่คือเรื่องดีงามที่สุด ถ้าดีไซน์มาให้กุญแจมีความพิเศษกว่ารุ่นมาตรฐาน … ซึ่งนั่นแหละ คือ วิธีที่จะทำให้เจ้าของรถภูมิใจที่สุด เมื่อต้องควักเงินซื้อตัวท็อปสุด หรือ รุ่นพิเศษ

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าความสปอร์ตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในส่วนของรูปลักษณ์ ขณะที่เรื่องสมรรถนะ คือ ส่วนน้อย ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นใหม่ ซึ่งพื้นฐานหลักๆ ยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซล GD Super Power ขนาด 2.8 ลิตร

เสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศ VN Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ แต่มีการปรับจูนใหม่จนได้เรี่ยวแรงเพิ่มเป็น 224 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที หน้าที่กำลังเป็นชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift

ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มากับการเลือกปรับเปลี่ยนโหมดได้ถึง 3 รูปแบบ ประกอบด้วย แบบขับเคลื่อน 2 ล้อความเร็วสูง (2H), แบบขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง (4H) และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L)

จุดเด่นของความเป็น GR Sport คือ ระบบช่วงล่าง ที่ผ่านการปรับแต่งขึ้นใหม่ ให้มี “ความเฟิร์ม” เพิ่มขึ้นราว 10% จากรุ่นปกติ บนพื้นฐานรูปแบบด้านหน้า คือ อิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง กับด้านหลัง แบบโฟร์ลิงค์

พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง รวมไปถึง โช๊คอัพทั้งด้านหน้า และด้านหลัง สำหรับรุ่น GR Sport ยังได้รับการอัพเกรดให้เป็นแบบ Monotube อีกด้วย

อารมณ์การขับ สามารถพูดได้ว่าค่อนข้างคล้ายกับเจเนอเรชั่นก่อน เวอร์ชั่น 204 แรงม้า 500 นิวตันเมตร โดยเฉพาะในเรื่องของการน้ำหนักพวงมาลัย ที่ส่งผลถึงการควบคุม ต่อเนื่องด้วยระบบช่วงล่างที่สปอร์ตขึ้น ซึ่งจุดนี้บอกได้เลยว่ามีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างความ “ชอบ” และ “ไม่ชอบ” อยู่

เช่น บนถนนที่ราบเรียบ ความยอดเยี่ยม ที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่ได้ดี เกิดขึ้นจากประสิทธิภาพการทรงตัว การยึดเกาะถนน แต่กับบนถนนที่พื้นผิวไม่เป็นใจ คุณอาจจะสัมผัสได้ถึงความ ตึงตัง หรือแรงสั่นสะเทือน ที่มากกว่ารุ่นมาตรฐาน

… ซึ่งนี่ไม่ใช่ข้อเสีย แต่เป็นผลข้างเคียงของความสปอร์ตที่เพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นทางที่ดี คือ ควรต้องลองไปสัมผัส เพื่อหาคำตอบด้วยตัวเอง

Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD มากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และเราเดาว่าทุกคนทราบดีว่าเส้นทางแบบไหนที่เหมาะสม เพราะหากใช้งานในชีวิตประจำวันหลายๆ ท่านคงมีโอกาสน้อยมาที่จะไปให้ถึงโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L)

ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง (4H) ที่เหมาะสมกับกรณีถนนลื่น หรือทางโค้ง คดเคี้ยว ถ้าให้เดาเราก็คิดว่า “น้อย” อีกเหมือนกัน ที่เจ้าของรถหลายๆ ท่านจะได้ใช้

เพราะงั้นในครั้งนี้ เราจึงสรุปให้ในเรื่องโหมดการขับเคลื่อน 2 ล้อความเร็วสูง (2H) แบบที่เราๆ ท่านๆ ใช้งานกันเป็นปกติทั่วไป และเรากล้าพูดได้ว่า “มั่นใจ” เพราะด้วยกำลังที่เพิ่มขึ้นเป็น 224 แรงม้า และ 550 นิวตันเมตร คือ ส่วนสำคัญ

ประกอบกับการตอบสนองของพวงมาลัย และความสูงของตัวรถที่สร้างทัศนวิสัยโปร่งโล่งสบาย ล้วนเป็นส่วนที่สร้างความคล่องตัวต่อการใช้งานในเมืองได้ดี แม้เป็นรถอเนกประสงค์ PPV ขนาดใหญ่ก็ตาม 

ส่วนการใช้งานทางไกล สไตล์รถเดินทาง ในเรื่องพละกำลังบอกเลยว่าหายห่วง เช่นเดียวกับการควบคุม ซึ่งมีทั้งวิสัยทัศน์ และการแปรผันน้ำหนักพวงมาลัย รับผิดชอบได้อย่างดีเยี่ยมอยู่แล้ว เว้นแต่เรื่องของช่วงล่างที่เราอยากให้ไปลองสัมผัสดูเองจริงๆ

เพราะ 10% ของ “ความเฟิร์ม” ที่เพิ่มขึ้น น่าจะทำให้ความรู้สึก “เปลี่ยน” ได้พอสมควรทีเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ชอบความนุ่มนวลในการเดินทางเป็นหลัก แต่กับผู้ที่รักความสปอร์ต เรารับประกันได้เลยว่าต้อง “ติดใจ”

Specification: Toyota Fortuner 2.8 GR Sport 4WD

• Price: 1,939,000 BHT
• Engine: Diesel / VN Turbo / Intercooler 2,755 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / 224 hp @ 3,400 rpm / 550 Nm @ 1,600-2,800 rpm 
• Transmission: 6A/T / Part-Time (All Wheel Drive)
• Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
• Weight: N/A