รีวิว ลองขับ Toyota Fortuner GR Sport มาพร้อมกับระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซ็ทอัพขึ้นใหม่ ให้เฟิร์มขึ้นอีกราว 10% ด้วยมาตรฐาน GR Sport
รีวิว ลองขับ Toyota Fortuner GR Sport รถ PPV 204 แรงม้า ราคา 1,879,000 บาท
Toyota Fortuner GR Sport
“การมาของรหัส GR คือ สิ่งที่บอกว่า โตโยต้า ได้ก้าวไปอีกขั้นในการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า จากโปรดักส์ไลน์อัพที่หลากหลาย แม้จะไม่มีสาย High Performance ให้สัมผัสในกลุ่มรถอเนกประสงค์ แต่กับ Toyota Fortuner แค่ GR Sport ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากเกินพอทีเดียว”
นานมาแล้วผมเคยมีความ อยากให้หลายค่ายรถ มียนตรกรรมที่สามารถรองรับความต้องการผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย เพราะฝั่งแบรนด์เยอรมัน ก็มีให้เลือกกันถึง 3 เลเวล ไล่กันมาตั้งแต่ยอดสูงสุดของปิรามิด ไม่ว่าจะเป็น AMG หรือ M ซึ่งมอบความเร้าใจให้แบบครบเครื่องทั้งรูปลักษณ์ และสมรรถนะ …
แต่ถ้าใครที่อยากได้แค่ความ “เฟี้ยว” ของหน้าตา โดยไม่เน้นสมรรถนะ ทั้ง 2 แบรนด์ที่ว่า ก็มีให้เลือกทั้ง AMG Dynamic และ M Sport ส่วนถ้าใครไม่เน้นอะไรใดๆ เลยทั้งสิ้น รุ่นมาตรฐานก็ถือเป็นตัวเลือกที่เข้าท่า เข้าทาง
เพราะหากย้อนกลับไปในอดีต เราแทบจะไม่เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับแบรนด์ญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ริเริ่มเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับสาวกชาวไทย จากจุดเริ่มต้นด้วยรุ่นย่อย TRD ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันที่กลายเป็นชื่อ GR ซึ่งมีที่มาจากทีมแข่งระดับโลกอย่าง Toyota Gazoo Racing นั่นเอง
โดยในไลน์อัพของ GR ก็จะมีการแบ่งสัดส่วนออกเป็น 2 สไตล์ คือ ยนตรกรรมที่หยิบเอาเทคโนโลยี และประสบการณ์จากสนามแข่งมาใช้เต็มรูปแบบ ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีให้เลือก 3 รุ่น คือ Toyota GR 86, Toyota GR Supra และ Toyota GR Yaris แต่ด้วยราคาที่เกินเอื้อม และแนวทางในการพัฒนาที่ไม่ได้เอื้อต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันมากนัก เลยทำให้การพัฒนาอีกรูปแบบหนึ่งเกิดขึ้นมาในชื่อว่า GR Sport
ที่โดดเด่นด้วยชุดแต่งรอบคันที่ออกแบบมาเฉพาะ ตลอดจนมีการปรับแต่งระบบช่วงล่างใหม่ให้รู้สึกได้ว่าเฟิร์มมากขึ้นกว่ารุ่นพื้นฐาน เช่นเดียวกับ Toyota Fortuner GR Sport พระเอกของเราในวันนี้ที่บอกเลยว่า มันให้ความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์ต่างออกไปด้วย
เพราะในที่สุด สิ่งที่เราเคยคาดหวังไว้ในครั้งอดีตก็เกิดขึ้นกับแบรนด์ยนตรกรรมญี่ปุ่น ด้วยการที่ Toyota มีโปรดักส์ไลน์อัพให้ได้เลือกเป็นเจ้าของกันถึง 3 เลเวล เช่นเดียวกับยนตรกรรมฝั่งเยอรมัน
สำหรับ Toyota Fortuner GR Sport จุดเด่นหลักๆ ของความเปลี่ยนแปลง คือ รูปลักษณ์ที่มีการสวมชุดรบใหม่ของ GR Sport อันโดดเด้นด้วยเอกลักษณ์ตามแบบฉบับรถแข่งดับโลก Toyota Gazoo Racing ซึ่งประกอบด้วย
ชุดกระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ GR รับกับกันชนหน้าพร้อมชุดตกแต่งสีดำเงา ต่อเนื่องด้วยด้านข้างที่มากับมือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ และด้านท้ายที่มากับสปอยเลอร์หลังคาดีไซน์ใหม่ ก่อนปิดท้ายด้วยอัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว สีพิเศษ เฉพาะรุ่น GR Sport เท่านั้น
ทางด้านภายในห้องโดยสารยังคงมีความคุ้นเคย แต่ปรับอารมณ์ให้มีความสปอร์ตที่ชัดเจนขึ้นด้วยโทนสีดำสลับแดง เช่น เบาะนั่ง Suede แบบเจาะรู หุ้มหนังสังเคราะห์เดินด้ายตกแต่งสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR ที่ลงตัวกับพวงมาลัยหุ้มหนังแบบ Soft Touch เจาะรู ตกแต่ง Center mark สีแดง และเดินด้ายสีแดง สลับสี Smoke silver ตลอดจนการประทับสัญลักษณ์ GR
นอกจากนี้ในส่วนอื่นๆ อย่าง แผงคอนโซลหน้า ยังเพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งจากแถบสี Smoke silver บุหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้ายแดง เช่นเดียวกับกล่องเก็บ ขณะที่แผงข้างประตู มากับโทนสีดำบุหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยแถบสี Smoke silver เช่นเดียวกับช่องปรับอากาศด้านหน้า, หัวเกียร์หุ้มหนังที่ตั้งอยู่บนฐานเกียร์ลาย Carbon Fiber ตกแต่งด้วยแถบสี Smoke silver เช่นกัน
อีกทั้งยังเพิ่มอารมณ์ความเร้าใจด้วยแป้นคันเร่ง และเบรคแบบสปอร์ต ตลอดจนพรมรองพื้นห้องโดยสาร รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจอย่างเช่น กุญแจรีโมท Smart key ดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น GR Sport และปุ่มสตาร์ทอัจฉริยะสัญลักษณ์ GR อีกด้วย
ด้านขุมพลังแน่นอนว่ายังใช้พื้นเดิมโดยไม่มีการปรับแต่งใดๆ กับเครื่องยนต์ดีเซล พิกัด 2.8 ลิตร DOHC เสริมแรงด้วย VN Turbo และ Intercooler สร้างกำลังสูงสุดอยู่ที่ 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L
โดยไฮไลต์ที่แท้จริง คือ ระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซ็ทอัพขึ้นใหม่ ให้เฟิร์มขึ้นอีกราว 10% ด้วยมาตรฐาน GR Sport จากพื้นฐานของด้านหน้าแบบอิสระแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) และด้านหลังที่มากับช็คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber)
โฟร์ลิงค์ คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง เสริมด้วยความมั่นใจจากดิสก์เบรกหน้า-หลัง แบบมีครีบระบายความร้อนพร้อมคาลิปเปอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR
ส่วนอารมณ์ในการทดลองขับ บอกเลยว่าถ้าหากได้ลองรุ่นมาตรฐาน แล้วต่อเนื่องด้วย GR Sport คุณจะรู้สึกถึงการยกระดับความมั่นใจที่มากขึ้นอย่างชัดเจน จากการปรับแต่งช่วงล่างโดยเฉพาะเมื่อต้องใช้ความเร็วสูง ไม่ว่าจะทางตรงหรือในโค้ง Fortuner GR Sport
สามารถส่งมอบความเร้าใจในการขับขี่ได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ ชนิดที่ว่าอาการโคลงอันเกิดจากความสูงของตัวรถดูจะถูกลดทอนลงไปมาก ขณะเดียวกันการเปลี่ยนของช่วงล่างยังส่งผลให้การตอบสนองของพวงมาลัยมีความเฉียบคมขึ้น
ยิ่งในความเร็วต่ำ กับสถานการณ์ที่ต้องการใช้ความคล่องตัวสูง ยิ่งสามารถรับรู้ได้ถึงความสนุกของการควบคุมพวงมาลัยที่แปรผันอย่างลงตัวกับความเร็วที่ใช้ โดยส่วนหนึ่งต้องขอบคุณแรงบิดรอบต่ำระดับ 500 นิวตันเมตร ที่มีให้ใช้ตั้งแต่ 1,600 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนในการสร้างความกระฉับกระเฉงคล่องตัว
ส่วนการขับขี่บนความเร็วสูงนั้นบอกเลยว่ายังคงตอบโจทย์ได้ดีไม่มีตก กับเรี่ยวแรงถึง 204 แรงม้าจากโรงงาน ผสานด้วยการส่งกำลังของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่มีความต่อเนื่อง และยิ่งได้การปรับแต่งช่วงล่างให้เฟิร์มขึ้นอีก 10% ด้วยล่ะก็ ก็ยิ่งทำให้เรายอมรับว่า Fortuner GR Sport คือ รถอเนกประสงค์คันใหญ่ที่ขับสนุกอย่างคาดไม่ถึง
แต่หลักการง่ายๆ อย่างที่ทราบกันดี ว่า 10% ของความสปอร์ตที่มากขึ้น คือ สิ่งที่อาจจะต้องแลกมา ด้วยความกระด้างที่สัมผัสได้ชัดขึ้น เมื่อวิ่งบนถนนที่ไม่ราบเรียบ เป็นหลุมบ่อ แต่ถ้ามองในภาพรวม สำหรับเราเรื่องแค่นี้เป็นอะไรที่รับได้ เมื่อแลกกับสมรรถนะโดยรวมที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้ดีกว่า
บอกตรงๆ ว่ากับ Toyota Fortuner ส่วนตัวเราเองที่เคยขับเวอร์ชั่นมาตรฐานมาหลายครั้ง หลายหน ก็ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ได้ลองเวอร์ชั่น GR Sport ความคิดเราก็เปลี่ยนไปทันที ด้วยเพราะขีดขั้นของศักยภาพที่สูง เหมาะสมกับฐานะของผู้มากับนามสกุล GR Sport
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความประทับใจจากช่วงล่าง ไปจนถึงการตอบสนองต่อการควบคุม คือ สิ่งที่เราคาดเดาว่าน่าจะเป็นตัวแปรในการเปลี่ยนความคิดของทั้งเรา แล้วก็รวมถึงอีกหลายคนๆ ด้วยเช่นกัน
เราบอกเลยว่านี่เป็นแค่ตัวกระตุ้นให้คุณรู้สึก “อยาก” … เพราะเรา “อยาก” ที่ให้คุณไปสัมผัส หรือทดลองขับ Toyota Fortuner GR Sport ตัวจริงเสียงจริงดู แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่เราพูดไปให้อ่าน มันไม่เกินเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังรวมไปถึงการได้ตัดสินใจดูว่าค่า 1,879,000 บาท มัน “คุ้มค่า” พอหรือไม่…? อีกด้วย
Specification: Toyota Fortuner GR Sport
- Price: 1,879,000 BHT
- Engine: Diesel / VN Turbo / Intercooler 2,755 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / 204 hp @ 3,400 rpm / 500 Nm @ 1,600-2,800 rpm
- Transmission: 6A/T / Part-Time (All Wheel Drive)
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: N/A