รีวิว ลองขับ Toyota Yaris Hatchback 2023 รุ่น Premium เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 92 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร.
รีวิว ลองขับ Toyota Yaris Hatchback 2023 รุ่น Premium ราคา 679,000 บาท
Toyota Yaris Hatchback 2023 Premium
สำหรับเรา ส่วนต่างเรื่อง “ราคา และ ออปชั่น” ถือได้ว่าเป็นเรื่อง “เล็กน้อย” มากๆ … แต่ถ้าอยากมองหาเรื่องใหญ่ “สไตล์” นี่แหละสำคัญ เพราะมันบ่งบอกความเป็นตัวตนเจ้าของรถ … ฉะนั้นเลือกแบบไหน ไปลองพิจารณากัน”
อันดับแรกต้องชมก่อนเลยว่า Toyota Yaris ใหม่ MY23 มีความโดดเด่นอย่างมาก ในเรื่องของงานดีไซน์รูปลักษณ์ ภายใต้ธีม Refined & Energetic เพื่อสร้างอารมณ์ ความรู้สึกปราดเปรียวในการขับขี่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 ส่วนหลักของการพัฒนา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมองจากมุมด้านหน้า ที่คุมสไตล์ ด้วยเทรนด์การออกแบบใหม่ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Hammerhead Design ประกบชุดไฟหน้า Projector LED และ Daytime Running Light ด้วยแนวทางดีไซน์ Secondary Illumination สร้างความรู้สึกพุ่งทะยาน
ด้านหลัง ถือเป็นอีกจุดดึงดูสาย กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ แบบ “Diffuser Style” ตกแต่งด้วยลาย Carbon fiber และจะยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่ หากเลือกสีตัวถังเป็น สีเทา Cement Gray Metallic ซึ่งเป็นโทนสีใหม่ล่าสุด แต่สิ่งที่จะขาดไปคือ วัสดุตกแต่งสปอยเลอร์หลังคา และกระจกด้านหลัง เพราะรุ่นนี้เป็น Toyota Yaris เกรด Premium รองจากรุ่นท็อปสุด Premium S เท่านั้น
แล้วอีกสิ่งที่จะต่างจากรุ่นท็อป Premium S ก็คือ ภายในห้องโดยสาร ซึ่งมากับสไตล์ทูโทน สีน้ำตาล Orchid Brown สลับกับโทนสีดำ เดินด้ายสีน้ำตาลอ่อน Accent Ribbon ในรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงเบาะนั่งคู่หน้าที่เลือกใช้เป็นวัสดุหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีน้ำตาลอ่อน Accent ribbon ให้เข้าธีมเช่นกัน
ออปชั่นภายในแน่นๆ ระดับรุ่นท็อป Premium S ด้วยเพราะเค้าจัดมาให้แบบครบครันทุกการใช้งาน เพราะ “ขาดแค่กล้องมองภาพขณะถอยหลัง” (รุ่นท็อปก็ไม่มี) ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการระบบเชื่อมต่อระบบ Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth
ตลอดจน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ที่มากับสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง, รับโทรศัพท์ และควบคุมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ หรือแม้กระทั่งระบบปรับอากาศอัตโนมัติก็มีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัยในชื่อ Toyota Safety Sense มาตรฐานระดับโลก เช่น ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC,
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC และระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS เช้ามาช่วยเสริมนอกเหนือจากระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
ขุมพลังเรียกว่า “คุ้นเคย” เป็นอย่างดี กับรหัส 3NR-FKE แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-iE ขนาด 1.2 ลิตร มีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 92 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด แรงบิด 109 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock
พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง จับคู่กับด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง มากับล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว
เพราะฉะนั้นถ้าดูมาจนถึงส่วนนี้ เราคิดว่าหลายคนคงเดาออก ในเรื่องของอารมณ์การขับ ที่ค่อนไปในความประนี ประนอม มากกว่าจะเป็นความกระชาก กระชั้น ตามสไตล์ของยนตรกรรม Eco Car ที่เห็นๆ เลยก็เรื่องของระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่บุคลิกของเค้า ก็คือ การถ่ายทอดกำลังอย่างนุ่มนวล เน้นการใช้เชื้อเพลิงให้คุ้มค่าที่สุด ซึ่งแน่นอนว่ารองรับเชื้อเพลิงได้ถึงเกรด E20
จุดดีอีกอย่าง คือ ความที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้ง่าย ตอบโจทย์ทุกความต้อง ด้วยความเป็น Hatchback และมิติตัวถังที่ต้องยอมรับว่าใหญ่กว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน จนทำให้ส่วนตัวเราคิดว่าเหมาะสมที่จะใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งในเรื่องของการขนสัมภาระต่างๆ
ตลอดจนภาพรวมของสมรรถนะ เช่น น้ำหนักพวงมาลัยที่แปรผันให้เบาแรงในความเร็วต่ำ รับกับเรี่ยวแรงที่มีมาให้อย่างเหมาะสม สร้างความคล่องตัวให้ใช้งานในเมือง แม้ต้องเจอสภาวะรถติดมหาโหด ก็ยังไม่รู้สึกถึงความเหนื่อย หรืออึดอัด
รวมไปถึงอารมณ์ของช่วงล่าง ที่เน้นความเป็นกลาง ค่อนไปทางนุ่มนวล เพื่อรองรับกับถนนในเมือง และการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ซึ่งถ้าอ่านมาถึงจุดนี้ บอกเลยว่า คนชอบอารมณ์สปอร์ต อาจจะไม่โดนใจเท่าไหร่ แต่จะพูดไปก็ใช่ว่า Toyota Yaris จะไม่ใส่ความสปอร์ตมาให้ เพียงแต่ต้องบอกว่าอาจจะไม่เต็มเม็ด เต็มหน่วยอย่างที่คนชอบความสปอร์ตคาดหวัง เพราะเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว น้ำหนักพวงมาลัยจะแปรผันให้ตึงมือขึ้น แต่แค่พอประมาณให้รู้สึกมั่นใจเท่านั้น
ส่วนพละกำลังคุณอาจจะได้อารมณ์เล็กๆ จากการเลื่อนไปที่ตำแหน่ง “S” เพื่อสร้างความกระฉับกระเฉงขึ้นเล็กน้อย สร้างความเร้าใจด้วยเสียงเครื่องยนต์อีกหน่อย แต่ก็อย่างที่บอกไปว่า อาจจะไม่ได้เติมเต็มความคาดหวังเท่าไหร่ เพราะอย่างที่ทุกคนทราบกันว่า Toyota Yaris เครื่องยนต์ 1.2 ไร้ระบบอัดอากาศ ถือกำเนิดขึ้นมาในฐานะของ Eco Car
และนั่นก็หมายความว่า “สมรรถนะ” ที่มี ก็อยู่ในมาตรฐานของ Eco Car นั่นเอง ถึงจะตอบสนองความต้องการได้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลย คือ เรื่องของการประหยัดน้ำมัน ซึ่งเคลมมาจากโรงงานเลยว่าทำได้ถึง 23.3 กม./ลิตร เลยทีเดียว
โดยสรุปแล้ว Toyota Yaris ใหม่ MY23 คือ ยนตรกรรมที่มาพร้อมความดีงามเรื่องคุณค่าทางใจ ด้วยรูปลักษณ์ที่สดใหม่ และหล่อเหลาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหนือไปกว่านั้น คือ “ออปชั่น” ที่ “เกือบ” … ไม่สิจะบอกว่า “เทียบเท่า” ก็คงได้ เพราะต่างกันแค่หยิบมือเท่านั้น
ส่วนที่ต่างจริงๆ คงต้องยกให้เรื่องของ “สไตล์” มากกว่า เพราะในรุ่นย่อย Premium คุณจะได้การตกแต่งภายใน ค่อนไปทางเรียบหรู ดูผู้ใหญ่นิดๆ จากเรื่องของโทนสี ขณะที่รุ่นท็อป Premium S เอนไปในทางสปอร์ตเต็มขั้น ด้วยรายละเอียดภายนอกบางส่วน และภายในที่เร้าใจเต็มๆ ด้วยการตกแต่งโทนสีแดง
แล้วก็ที่แน่ๆ เลย คือ ราคา เพราะรุ่น Premium S จัดเต็มออปชั่น เปิดค่าตัวเอาไว้ที่ 694,000 บาท ขณะที่รุ่นรองอย่าง Premium มากับค่าตัว 679,000 บาท หรือต่างกันอยู่ราวๆ 15,000 บาท … จะเลือกไปทางไหน คงต้องยกให้คุณเป็นผู้ตัดสินใจดีกว่า
แต่ถ้าอยากให้แนะนำ เราขอบอกว่ามุ่งหน้าไปโชว์รูม โตโยต้า ใกล้บ้านเลยครับ รับรองว่า ครบถ้วนเรื่องความต่างระหว่างรุ่นท็อป Premium S และรุ่นรอง Premium ซึ่งอาจจะรวมถึงโปรโมชั่นที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน
สำคัญเลยคือ ได้ทดลองขับ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าในเรื่องของ “สมรรถนะ” ยังคงมากับพื้นฐานเดิมที่เราๆ ท่านๆ หลายคนรู้จัก ฉะนั้นจึงอาจ “ถูก” หรือ “ไม่ถูก” จริต ก็เป็นได้ ฉะนั้นทางเลือกดีที่สุด คือ ลองขับด้วยตัวเองครับ เพื่อการตอบคำถามได้ดีที่สุดว่า ความ “คุ้มค่า” ที่จัดมาให้ใน Toyota Yaris (Premium) โดนใจคุณมากแค่ไหน
Specification: Toyota Yaris Hatchback 2023 Premium
- Price: 679,000 BHT
- Engine: 1,197 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / 92 hp @ 6,000 rpm / 109 Nm @ 4,400 rpm
- Transmission: Super CVT-i / Front Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: N/A