Mitsubishi XPANDER ฉีกกฎของการออกแบบ ของรถอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่ และการใช้งาน อีกหนึ่งปรากฎการณ์ที่เป็นที่น่าสนใจ
ซึ่งทางบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดทดสอบรถอเนกประสงค์ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญมาตั้งแต่ปีที่แล้วกับ Mitsubishi XPANDER รถอเนกประสงค์สไตส์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่งอันโดดเด่นทั้งขนาด และประโยชน์ใช้สอย ประกอบกับรูปโฉมที่ใครเห็นก็ต้องหันมองด้วยขนาดความสูงมากกว่ารถยนต์ในเซ็กเม้นท์เดียวกัน โดยมีความสูงจากตัวรถถึงพื้น 205 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถไปกันได้ในตลาด B SUV และ MVP ได้อย่างไม่มีปัญหา สำหรับรถรุ่นนี้เปิดตัวที่อินโดนีเซียไปเรียบร้อยแล้ว และยังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
โดยการทดสอบในครั้งนี้ทางมิตซูบิชิ ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทดสอบ Mitsubishi XPANDER ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยใช้เส้นทางจากเหนือจรดใต้ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลาย ๆ เส้นทาง โดยทางทีมงานได้เป็นไม้ที่สองเส้นทาง สุโขทัย-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น บนเส้นทางที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเส้นทางในเมือง-นอกเมือง , ขึ้นเขา-ลงเขา ซึ่งเป็นการพิสูจน์สมรรถนะของรถได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ทางมิตซูบิชิ ได้นำรุ่นท็อปสุดมาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกัน เรามาดูกันว่าในรถ Mitsubishi XPANDER มีความโดดเด่นอย่างไร
สำหรับภายนอกดีไซน์โดดเด่น ด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยม triple-slat ประกบไฟหรี่แบบ Crystal LED ที่รูปทรงโฉบเฉี่ยวอยู่ด้านบนสุด ซึ่งจะทำงานเหมือนเปิดไฟหรี่เท่านั้น กันชนหน้าขนาดใหญ่ติดตั้งไฟหน้าดวงใหญ่แบบมัลติรีเฟลกเตอร์ โดยมีด้านล่างเป็นไฟเลี้ยว และบริเวณล่างสุดแนวกันชนจะเป็นไฟตัดหมอกให้ความรู้สึกแบบสไตล์รถออฟโรด และในส่วนด้านท้ายมาพร้อมไฟ LED รูปตัว L ขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับปาเจโร่ สปอร์ต ฝากระโปรงท้ายมาพร้อมสปอยเลอร์ และไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
ในด้านมิติของตัวรถถือว่ามีความกว้างขวางเอาการ ด้วยความยาว 4,475 มม. ความกว้าง 1,750 มม. ความสูง 1,700 มม. ฐานล้อ 2,775 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถ 205 มม. ถ้าเทียบกันในคู่แข่งถือว่าสูงที่สุด ทำให้เรื่องการลุยน้ำท่วมคงมิใช้ปัญญา โดยมีน้ำหนัก 1,290 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร รองรับเชื้อเพลิงได้ถึง E20 และในรุ่นท็อปจะเป็นล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/55 R16 และ ส่วนรุ่นล่างจะเป็นล้ออัลลอย 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15
เมื่อเข้ามาภายในสิ่งที่สัมผัสได้ ก็คงเป็นเรื่องของความกว้างขวาง และพื้นที่เหนือศีรษะที่มีมากพอสมควร ทำให้ภายในดูไม่อึดอัด วัสดุส่วนใหญ่เน้นตกแต่งด้วยโทนสีดำ เพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น แต่ที่ดูขัดใจคงเป็นแผงสีเงินทั้งแผงประตู และคอนโซลกลางที่ดูขัดตา อันที่จริงน่าจะทำเป็นสีดำเปียโนแบล็คจะดูเข้ากันมากกว่า
ตำแหน่งของเบาะทั้ง 3 ตอน 7 ที่นั่งถูกแบ่งสัดส่วนได้ลงตัว เบาะคู่หน้านั่งได้สบาย แม้จะไม่กระชับตัวมากนักเพราะอาจจะเน้นในเรื่องการนั่งที่สบาย แถวสองที่นั่งมีพื้นที่มากพอไม่อึดอัด และเมื่อไม่มีคนแถวหลัง ก็สามารถเลื่อนถอยให้มีพื้นที่ช่วงขามากเกินพอ ส่วนแถวที่สามสามารถนั่งได้ แต่ตอนสองต้องปรับให้พอดี และไม่เอนเบาะมากเกินไป โดยรวมนั่งได้โดยเฉพาะถ้าเป็นคนตัวเล็ก ๆ บอกเลยว่าสบายครับ นอกจากนั้นที่นั่งแถวสามยังสามารถเอนได้อีก และด้วยความเป็นรถ 7 ที่นั่งที่มีขนาดค่อนข้างยาว ในเรื่องของระบบปรับอากาศ Mitsubishi XPANDER มาพร้อมแอร์หลังที่ด้านบนบริเวณเพดานแถวสอง พร้อมปุ่มปรับแรงลมได้
ระบบความบันเทิง Mitsubishi XPANDER มีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน เครื่องเล่นวิทยุ DVD พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 6.2 นิ้ว ลำโพง 6 ตัว มาตรวัดเรืองแสง จอแสดงผลข้อมูลอัจฉริยะ กุญแจ KOS และในส่วนของที่เก็บสัมภาระเบาะนั่งตอน 2 สามารถพับได้แบบ 60:40 และตอน 3 พับได้แบบ 50:50 โดยทางมิตซูบิชิใส่ใจในเรื่องการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ซึ่งผลออกมาค่อนข้างน่าประทับใจ แต่อีกจุดที่อยากให้มีเพิ่มคงเป็นเรื่องของช่อง USB ที่มีน้อยมาก มีเพียงจุดเดียวบริเวณวิทยุ ที่เหลือจะเป็นช่องเสียบไฟ 12V ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับการใช้งานของคนทั่วไปนัก
ในส่วนของเครื่องยนต์ เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4G91 MIVEC 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 141 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า ที่ต้องบอกว่าถ้าดูสเปคอาจจะทำให้ผิดหวัง เพราะเกียร์ 4 สปีด มันดูโบราณไปสำหรับรถยุคนี้
แต่ความจริงแล้วด้วยขนาดของตัวรถ และเครื่องยนต์ ทำให้ทีมวิศวกรเลือกใช้เกียร์ลูกนี้ เพราะเกียร์ 4 สปีด จะตอบสนองการทำงาน และการบรรทุกได้ดีกว่าเกียร์แบบ CVT โดยอัตราสัมพันธ์ของรอบ และความเร็วจะอยู่ที่ 80 กิโลเมตร รอบจะใช้ที่ 2,000 รอบ/นาที และทุก ๆ 20 กิโลเมตรก็จะขึ้นไป 500 รอบ/นาที
จากการขับขี่เครื่องตัวนี้ อาจจะดูว่าตอบสนองได้ไม่เร็วมากนักในรอบต้น ซึ่งรอบอาจจะลากค่อนข้างสูง แต่ในช่วงของความเร็วกลางที่เกียร์ 3 หรือเกียร์ 4 กลับให้ความรู้สึกของการตอบสนองที่ดีเกินคาด อัตราตอบสนองค่อนข้างไหลลื่น แม้ตัวรถจะผู้นั่งถึง 4 ท่าน ทำให้การขับขี่สนุกกว่าในรอบต้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งความเร็วปลายสามารถทำได้ตามสเปคที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จากการขับขี่ที่ต้องเจอเส้นทางที่หลายหลากรูปแบบ ทั้งทางขึ้นเขาชัน ทางคดเคี้ยว หรือทางตรง ๆ ที่สามารถลองท็อปสปีดได้ โดยเราได้ใช้ความเร็วอยู่ที่ 80 -140 กิโลเมตร ตามสภาพถนนที่มีโอกาส เส้นทางที่เราใช้เป็นเส้นทางที่วิ่งจากสุโขทัย มาเพชรบูรณ์ และสิ้นสุดที่ขอนแก่น โดยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ทางบริษัทแจ้งอยู่ที่ 14.5 กิโลเมตรต่อลิตร ในคันที่เราขับได้อัตราอยู่ที่ 11-12 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าถามว่าโอเคไหม ตอบว่าถ้าขับรอบสูงแบบที่เราขับกัน ก็ถือว่าโอเคทีเดียวสำหรับอัตราสิ้นเปลือง
อีกจุดหนึ่งที่จะไม่พูดก็คงไม่ได้ เพราะเป็นอะไรที่ทุกคนที่มาร่วมทดสอบ จะเอ่ยปากชมก็คงเป็นเรื่องของช่วงล่างของ Mitsubishi XPANDER ซึ่งระบบช่วงล่างด้านหน้าจะเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม H-Shape ซึ่งในชุดโช๊คอัพได้มีการนำวาล์วโช๊คอัพมาจากในรุ่น Mitsubishi EVOLUTION X นำมาใส่ในรุ่นนี้ด้วย ทำให้การตอบสนองมีประสิทธิภาพสูง ตัวรถค่อนข้างยอดเยี่ยมเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
แต่ก็ยังคงเสถียรภาพของรถได้อย่างน่าประทับใจ สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวของถนนได้ดี นุ่มนวล และมั่นคงเมื่อขับขี่ทางตรงด้วยความเร็วสูง ซึ่งโดยปกติรถแบบนี้ช่วงล่างส่วนมากจะถูกเซตมาให้นิ่มจนมีอาการย้วย แต่ใน Mitsubishi XPANDER กลับแตกต่างไป
พวงมาลัยก็เช่นกัน ที่ค่อนข้างตอบสนองได้ดีในความเร็วสูงในเรื่องของน้ำหนัก แต่ในความเร็วต่ำรู้สึกว่าจะหนักมากไปหน่อย ผู้หญิงคงจะไม่ค่อยชอบเท่าไร นอกจากนี้ยังเพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัย INC (Idle Neutral Control) , ระบบควบคุม และตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก , ระบบควบคุมการทรงตัว , ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASTC , ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist System และพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS
Mitsubishi XPANDER รุ่นที่จำหน่ายในไทย มี 2 รุ่น
- รุ่น GLS-LTD
- รุ่นท็อป GT
มีทั้งหมด 4 สี ให้เลือก
- สีดำ (Jet Black Mica)
- สีเทา (Titanium Gray)
- สีบอรนซ์เงิน (Sterling Silver)
- สีขาวมุก (Quartz White Pearl)
Mitsubishi XPANDER นับเป็นอีกรถยนต์ที่น่าจับตาของปีนี้ ด้วยขนาด และประโยชน์ใช้สอยที่จะเป็นตัวดึงดูดผู้ซื้อได้ไม่ยาก แต่อีกปัจจัยที่ทุกคนต่างรอดูคงเป็นเรื่องของราคาที่ยังไม่เปิดเผย
โดยสื่อมวลชนคาดการณ์ราคาMitsubishi XPANDERน่าจะอยู่ที่ 750,000-850,000 บาท ซึ่งคงต้องรอลุ้นกันในงาน BIG MOTOR SHOW ในวันที่ 17 สิงหาคม 2561 นี้ เพราะถ้าราคาโดนใจ คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำตลาดของรถรุ่นนี้ของมิตูบิชิอย่างแน่นอน