คุณพนัย ควรสถาพร ผู้หลงใหล Mini Classic “คันนี้เดิมเป็นรถ Demo ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้ จอดโชว์อยู่กว่า 10 ปีในโชว์รูม ก็มีรถรุ่นเดียวกันอีก 3 คันจอดอยู่ข้าง ๆ กัน แต่ทุกคัน มีรอยผุและร่องรอยความเสื่อมโทรมหลายแห่ง ตามสภาพการใช้งานมากว่า 20 ปี ถือได้ว่าคันนี้เป็นหนึ่งเดียวที่มีสภาพดีมากทั้งสภาพตัวถังภายใน และภายนอก”
ถ้าเรากล่าวถึง แบรนด์ Mini ในปัจจุบันเราจะเห็นรถยนต์ Mini ที่มีรูปร่างสวยงามสะดุดตา และมีรายละเอียดที่ดึงดูดให้คนหลายคนอยากเป็นเจ้าของด้วยคุณภาพของรถ รูปแบบการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร และอีกหลายเหตุผลในการใช้งาน ทำให้รถยนต์ Mini ในตอนนี้มีหลายรุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนมากขึ้น ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คนในปัจจุบันหรืออดีตต่างรู้จัก แบรนด์ Mini เพราะความเป็นรถที่มีขนาดเล็กแต่แฝงด้วยดีไซน์เฉพาะของการออกแบบ
ในครั้งนี้ ทางนิตยสาร Torque Magazine และ www.torquethailand.com ได้มีโอกาสรู้จักบุคคลที่มีความสนใจในรถยนต์ Mini Classic ซึ่งเป็นรถของทาง Rover Mini ซึ่งเป็น Mini Classic จากปี 1994 และเป็นรถที่มีระยะเวลาตั้งแต่ออกจากทางสายการผลิตมาถึงปัจจุบันอายุรวมแล้วประมาณ 20 กว่าปี โดยรถคันนี้ได้ถูกนำเข้าจากประเทศอังกฤษมาทั้งคันโดย
คุณพนัย ควรสถาพร ซึ่งเป็นผู้ที่มีความหลงใหลในรถแบบเปิดหลังคา ดังนั้นรถที่ทาง คุณพนัย ได้นำเข้ามานั้นเป็นรถ Rover Mini Cabriolet นั่นเอง โดยคุณพนัย กล่าวกับทางเราว่า “ชอบรถยนต์ที่สามารถมองเห็นท้องฟ้า หรือมีแสงส่องที่สัมผัสได้ถึงอากาศยามเช้ากับแสงแดดอ่อน ๆ และชอบเวลาที่ขับรถกลางคืนแล้วสามารถมองดูท้องฟ้าที่เห็นดาว ทำให้รู้สึกว่าเป็นอิสระ ไม่ถูกจำกัดขอบเขต”
ด้วยเป็นคนชอบความอิสระ รถยนต์ที่เคยขับมาเกือบทุกคันต้องมี Moon Roof, T-Bar Roof, ไม่ก็ Panormic Roof. โดยสมัยไปเรียนที่ญี่ปุ่น ประมาณปี 1984 ขับรถ “Nissan Fairlady Z T-Bar Roof” กลับมาไทยก็มาใช้ “Benz E Class W210 มี Moon Roof” , “E Class W212 Panoramic Roof”, “SL Class R129 ก็ Panoramic Roof” และมีความฝันอยากจะได้ “Porsche 911 Targa” หรือ Cabriolet สักคัน
ปัจจุบันสะสมรถ Mini Classic อยู่หลายคันโดยบางคันทำการ Modify เพื่อเพิ่มสมรรถนะ และเอาไปขับในสนามแข่งรถมาตรฐานเมื่อมีกิจกรรม Track Day, Mini Run, Mini Challange หรือ 1/4 Mile ของกลุ่มสมาชิกในคลับ ที่สนามพีระเซอร์กิต สนามแก่งกระจานเซอร์กิต ซึ่งจะสนุกสนานกันในกลุ่มเพื่อน ๆ ที่รักรถมินิด้วยกัน และยังสามารถคว้ารางวัลที่ 1 มาครองได้เกือบทุกครั้งที่มีการแข่งขัน ความภูมิใจอันยิ่งใหญ่อันหนึ่งคือในปี 2017 มีโอกาสได้ไปร่วมแข่งรถ Mini Classic ในงาน Classic Mini Festival 2017 ซึ่งจัดทุก ๆ 2 ปีและเป็นงานใหญ่ของประเทศที่รวมรถแข่ง Mini Classic จากทั่วประเทศญี่ปุ่นมาประลองความเร็วกันที่สนาม Fuji Speedway สนามในตำนานของญี่ปุ่น คุณพนัยเป็นนักแข่งต่างชาติเพียงคนเดียวในรายการนี้ ทำการ Qulify ได้ตำแหน่งที่ 1 และสามารถคว้าตำแหน่งที่ 1 มาครองในการแข่งขันรุ่น 998 Challenge ทั้งยังสร้างสถิติ Fastest Lap ในรุ่นได้อีกด้วย
ด้านประวัติของ “Rover Mini Cabriolet” คันนี้เป็นรุ่นปี 1994 โดยซื้อมาเมื่อปี 2014 ตอนที่ลูกสาวไปเรียนที่อังกฤษ และนำเข้ามาด้วยสิทธิ์นักเรียน โดยได้นำเข้ามาในประเทศไทยได้เมื่อปลายปี 2017 โดยสภาพรถคันนี้ ผ่านการใช้งานไปเพียงแค่ประมาณ 12,000 ไมล์เท่านั้น เป็นรถขนาดเล็ก กะทัดรัด ใช้งานได้คล่องตัว หาที่จอดได้ง่าย
โดยประวัติรถ Mini ที่นำเข้ามาได้รับการบอกเล่าว่า คันนี้เดิมเป็นรถ Demo ที่ช่วงก่อนหน้านี้ จอดโชว์อยู่กว่า 10 ปีในโชว์รูมทุก ๆ ปีก็จะขับออกไปตรวจสภาพและบำรุงรักษา เปลี่ยนอะไหล่ตามเวลา เพื่อต่อทะเบียนเท่านั้น มีประวัติการบำรุงรักษาเก็บไว้ตลอด โดยตอนที่ไปซื้อมา ก็มีรถรุ่นเดียวกันอีก 3 คันจอดอยู่ข้าง ๆ กัน แต่ทุกคัน มีรอยผุและร่องรอยความเสื่อมโทรมหลายแห่ง ตามสภาพการใช้งานมากว่า 20 ปี
ถือได้ว่าคันนี้เป็นหนึ่งเดียวที่มีสภาพดีมากทั้งสภาพตัวถังภายในและภายนอก และยังไม่ได้ผ่านการ Restoration มาก่อน ซึ่งเป็นรถสีเขียว British Racing Green เดิม ๆ ตั้งแต่ที่ผลิตมา อุปกรณ์ทุกอย่างตรงรุ่นและอยู่ครบถ้วน ผ้าหลังคายังคงสภาพดีมาก จึงได้ทำการซื้อและขออนุญาตนำเข้ามาในประเทศไทย โดยทำตามระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ และเสียภาษีอย่างถูกต้องทุกประการ โดยสิ่งที่แตกต่างจากรุ่นอื่นคือก่อนหน้าที่จะผลิตรุ่นนี้ “Rover” เคยทดลองให้บริษัทหนึ่งใน Germany นำรถแบบ Saloon ธรรมดาไปดัดแปลงใส่หลังคาผ้าใบ จำนวน 75 คัน เพื่อเป็นการทดลองและเก็บข้อมูล
หลังจากนั้นก็เอาข้อมูลมาปรับปรุงและผลิตขึ้นมาเอง รุ่นนี้จึงเป็นรุ่นพิเศษที่ “Rover Mini” ผลิตในโรงงานของตัวเองในปี 1993 – 1994 เท่านั้น จำนวนที่ผลิตไม่ทราบแน่นอน แต่ว่ากันว่า ผลิตเพียงประมาณ 300 คันและผลิตมาเพียง 3 สีเท่านั้น คือ สีแดง (Nightfire Red), สีน้ำเงิน (Caribbean Blue), และล่าสุดก็คือคันนี้ สีเขียว (British Racing Green) ซึ่งเป็นสีพิเศษสำหรับการผลิตในปี 1994 เท่านั้น
ว่ากันว่าในขณะนั้น Dealer ของ “Rover” ในอังกฤษซึ่งมีประมาณ 700 แห่ง Dealer บางแห่งยังไม่เคยได้เห็นรถรุ่น Cabriolet นี้เลย ใน Rover Mini Cabriolet คันนี้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1275 c.c. 4 สูบ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ควบคุมด้วย ECU ผลิตแรงม้าได้ 63 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์ธรรมดา 4 Speed 2 ประตูเหมือนรถ “Rover Mini” ทั่วไป แต่มีลักษณะพิเศษหรืออุปกรณ์ที่แตกต่างเฉพาะตัว คือจะมี Aero Parts รอบคัน ที่กันชนด้านหน้าและด้านหลัง
ภายใน-ภายนอก Mini Classic ปี 1994
ฝังไฟ Fog Lamp แบบ 4 เหลี่ยม จำนวน 2 ดวง ล้ออัลลอย “Revolution” ลาย 5 แฉกเฉพาะรุ่น ขนาด 12 นื้ว ภายในใช้เบาะกำมะหยี่แบบ Sport สีเทาผลิตโดย “Cobra” หลังคาผ้าใบสีเข้ากับตัวรถผลิตโดย “Tickford” ผู้มีชื่อเสียงด้านหลังคาผ้าใบของอังกฤษ มีเครื่องหมาย Cabriolet ที่ฝาท้ายและที่กาบบันได โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.roverminicabriolet.net
และเมื่อมาถึงประเทศไทย ทางคุณ พนัย ได้นำรถมาติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพิ่ม เนื่องจากประเทศอังกฤษสภาพอากาศค่อนข้างเย็น รถยนต์ส่วนใหญ่ไม่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทยมีอากาศร้อน เครื่องปรับอากาศจึงเป็นอุปกรณ์จำเป็น โดยนำอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศของแท้ทั้งหมดมาจากรถ “Rover Mini” รุ่นปี 1999 ที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นมาติดตั้ง โดยช่างผู้ชำนาญเฉพาะรถมินิทำการติดตั้งให้ แต่ยังคงรักษารูปแบบของอุปกรณ์เดิมไว้ให้มากที่สุด
ด้านการดูแลรักษาง่ายดาย เพราะปัจจุบัน อะไหล่ทั่วไปต่าง ๆ สามารถหาได้จากประเทศอังกฤษและญี่ปุ่น ซึ่งยังนิยมรถ Mini อยู่อย่างกว้างขวาง ยกเว้นอะไหล่เฉพาะของรุ่น Cabriolet อาจจะหาซื้อได้ค่อนข้างยาก เพราะไม่มีผลิตแล้ว จึงต้องคอยหาจากแหล่งขายอะไหล่ในประเทศอังกฤษและญี่ปุ่นมาสำรองไว้ ในประเทศไทย มีช่างที่ชำนาญการเกี่ยวกับ Mini Classic อยู่หลายคน สามารถทำการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษารถมินิให้คงสภาพดีได้ แต่ราคาอะไหล่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นทั่วไป ด้านการซ่อมแซมควรจะทำโดยช่างที่ชำนาญด้านรถมินิเฉพาะเท่านั้น อาจจะต้องรอคิวนานหรือต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า
ความ Classic และความ Rare ของ Rover Mini Cabriolet ในเมืองไทย อาจจะวัดได้จากจำนวนรถรุ่นนี้ โดยปกติไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไร แต่ไม่น่าจะมีเกิน 10 คัน และหลาย ๆ คันไม่น่าจะมีสภาพเดิม ๆ ครบถ้วนเหลืออยู่ เพราะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา บางคันต้องทำการบูรณะกันทั้งคัน ซึ่งก็น่าเสียดายว่าอาจจะไม่ได้คำนึงถึงการคงสภาพเดิมของอุปกรณ์และสี ตามของเดิมที่ผลิตมา จึงทำให้ใช้สีอื่น ๆ หรือดัดแปลงอุปกรณ์อื่นมาใช้ ทำให้สภาพหรือความเป็น Original เปลี่ยนไป
รถมินิรุ่นนี้จึงเป็นรุ่นที่หายากมากถึงมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งและเป็นที่ต้องการกันเป็นอย่างมาก และยิ่งประเทศไทยมีกฎหมายห้ามนำรถใช้แล้วเข้าประเทศ จึงทำให้ไม่มีโอกาสที่จะนำเข้ารถมือสองทั้งคันจากต่างประเทศมาได้อีก นอกจากผู้ที่มีสิทธิ์บางคนเท่านั้น และแม้จะมีสิทธิ์นำเข้าก็ตามประเทศอื่น ๆ ก็มีความต้องการเช่นกัน ทำให้การที่จะหารถแท้ ๆ เดิม ๆ มีความยากมากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
Mini Classic เป็นรถที่มีความน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยคุณ พนัย ได้รู้จักรถรุ่นนี้มานานและได้มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ เมื่อประมาณปี 2012 ได้มีโอกาสครอบครอง Mini Classic รุ่น 40th Anniversary เป็นมินิรุ่นสุดท้าย ก่อนที่ “Rover” จะขาย Mini ให้กับ “BMW” และทำการเปลี่ยนโฉมให้รถ Mini ใหม่หมด จึงทำให้รถ Mini Classic มีความเป็น Classic ร่วมสมัย รถ Mini รุ่นท้าย ๆ ปี 1997 – 2000 มี Technology ที่ทันสมัยในคราบของความ Classic ซึ่งแตกต่างกับรถมินิรุ่นแรกที่ผลิตในปี 1959
ทำให้คุณพนัย รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนที่เกิดปีเดียวกัน อายุเท่ากัน เหมือนเพื่อนนักเรียนที่เรียนมาชั้นเดียวกัน “ในปี 2019 นี้ Mini Classic ก็จะมีอายุครบ 60 ปีเท่า ๆ กับผม ผมชอบรถ Classic ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้ไม่มีปัญหา จึงเลือกปีท้าย ๆ เพราะมี Technology สมัยใหม่ เช่นเครื่องยนต์หัวฉีด มีเครื่องปรับอากาศ เกียร์ Automatic แต่ด้วยพื้นฐานของ Mini Classic นั้น มีระบบช่วงล่างและการทรงตัวที่ดีอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่มีปัญหาแม้จะขับด้วยความเร็วสูง และยังมีชื่อเสียงด้าน Motorsport มาตั้งแต่โบราณ จึงทำให้การขับรถ Mini Classic มีความสนุกสนานและให้อารมณ์ในการขับที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร”
รูปทรงก็ยังคงมีความ Classic แต่ไม่ล้าสมัย จึงทำให้สามารถครองใจคนหลาย ๆ คน สามารถทำให้คนหลงใหลได้จนได้รับความนิยม และมีการรวมตัวเป็นคลับที่มีสมาชิกมากกว่า 7 พันคน สำหรับคนที่มีความชอบในรถ Mini Classic ด้วยกัน มีกิจกรรมการพบปะสังสรรค์ ท่องเที่ยว กิจกรรมการกุศล หรือแม้กระทั่งกิจกรรม Motorsport ณ จุดนี้ทางคุณ พนัย ได้พูดให้เราฟังถึงประวัติรถ Rover Mini Classic ในประเทศไทยกับกลุ่มคนที่มีความชื่นชอบในรถสไตล์นี้จึงไม่แปลกใจเลยที่เวลาได้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องแต่กลุ่มคนที่มีความชอบในรถ Rover Mini Classic ไม่ได้ลดลงไปแต่น้อย แต่มีเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าถ้าได้รู้จักหรือเริ่มเข้าไปสัมผัส Mini Classic จะต้องตกหลุมรักรถสไตล์นี้แน่นอนอีกทั้งด้วยสังคมของคนรักรถ Mini Classic แล้วด้วยยิ่งเป็นการย้ำว่า Mini Classic จะไม่มีวันหายไปง่าย ๆ จากกลุ่มคนที่มีความรักและชื่นชอบ
ต้องขอขอบคุณ คุณพนัย ควรสถาพร ที่ให้โอกาสทางทีมงานถ่ายภาพ และให้เรารับรู้ถึงความเฉพาะของรถ Mini Classic รุ่น Cabriolet คันนี้ว่ามีประวัติที่น่าตื่นเต้น อีกทั้งตัวรถที่มีความ Original คงเดิมจากวันเริ่มผลิตจนมาถึงวันปัจจุบันซึ่งหาดูได้ยาก เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต นับเป็นโอกาสดีที่ทำให้เราสัมผัสช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ ของรถ Mini Classic