นิสสัน ประเทศไทย จัดกิจกรรมทดสอบขับรถ พร้อมนำเสนอระบบเครื่องเสียงฟังก์ชั่นใหม่ในนิสสัน โน๊ต และนิสสัน อัลเมร่า ภายใต้กิจกรรม “เลทส์ มูฟ” (Let’s Move) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ณ จังหวัดเชียงใหม่
ระบบเครื่องเสียงใหม่หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ ทั้ง ระบบ iOS ผ่าน Apple CarPlay และ Android พร้อมการเชื่อมต่อแบบแฮนด์ฟรีเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ให้มากขึ้น รวมถึงการควบคุมการโทรออก รับส่งข้อความ เล่นเพลง วีดีโอ รวมถึง แอปพลิเคชันระบบนำทางเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัย และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
ในกิจกรรมทดสอบครั้งนี้แบ่งเป็นสองรูปแบบใหญ่ ๆ คือการขับในสถานีที่ถูกเนรมิตมาจากลานกว้าง ซึ่งในการทดสอบจะแบ่งย่อยเป็นการขับรถจอดในที่ที่กำหนด โดยมีการตั้งกรวยเป็นการบอกระยะ ถ้าชนไพลอนจะโดนปรับเพิ่ม 2 วินาที แต่ถ้าผิดเส้นทางก็ถูกปรับแพ้ ซึ่งในการขับขี่ก็ถือว่ายากพอสมควร เพราะคุณต้องถอยรถให้อยู่ในกรอบที่กว้างกว่ารถไม่มาก ซึ่งในนิสสัน โน๊ตจะมีระบบ เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (I-AVM) ที่ช่วยให้คุณเห็นไพลอนรอบ ๆ รถได้ ทำให้คุณกะระยะได้ง่ายขึ้น แล้วต้องขับออกมา พอมาอีกระยะ ต้องเข้าไปกลับรถออกมาจากพื้นที่ระยะ 2 เลนถนนโดยประมาณ ซึ่งเป็นการให้เห็นถึงระยะวงเลี้ยวของรถที่ค่อนข้างแคบ และสุดท้ายการวิ่งในเลี้ยวแคบ ๆ เพื่อดูความคล่องตัวของพวงมาลัยที่ทำงานได้สอดผสานกับตัวรถได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำเอาสื่อมวลชนหลงทางกันไปไม่น้อย เพราะว่าอยู่ในรถแล้วอาจจะงงกับไพลอนจำนวนมากทีตั้งอยู่ได้ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจทีเดียว
ในสถานีย่อยที่สองจะเป็นการขับแบบทำความเร็ว โดยผู้ขับขี่ต้องสลาลมผ่านไพลอน พอสุดจะเป็นโค้งหักศอกลึก โดยใช้ไพลอนเป็นตัวกำหนดเส้นทางเหมือนเช่นเคย ก่อนจะเป็นการเปลี่ยนเลนกะทันหันแล้วกดคันเร่งผ่านโค้งลึกเข้าสู่จุดเบรก ซึ่งเป็นการฝึกทักษะของผู้ขับขี่เวลาต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด
โดยเป็นการเน้นที่การทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน HR12DE 3 สูบ แถวเรียง DOHC ขนาด 1,198 ซีซี โดยให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที และยังมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันดียิ่งขึ้น พร้อมระบบเกียร์ใหม่แบบ XTRONIC CVT มาพร้อม D-Step Logic ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล แต่ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและทันใจ สามารถตอบสนองอัตราเร่งแซง เพิ่มความเร้าใจ และให้ความรู้สึกของการขับขี่ที่สปอร์ตมากขึ้น พร้อมด้วยช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็น ทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล ยึดเกาะถนน ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้ดี โดยหัวใจอยู่ที่การรักษาอัตราเร่งก่อนออกจากโค้งให้รอบไม่ตกได้ก็จะมีโอกาสทำเวลาได้ดีอย่างแน่นอน
หลังจากเสร็จภารกิจแรก ทางนิสสันก็ได้เชิญนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาเป็นไกด์ให้แต่ละทีม เพื่อไปทำกิจกรรมขับรถเที่ยวทั่วเชียงใหม่ โดยแบ่งเป็นหลากหลายเส้นทาง โดยรถที่ให้ใช้ก็จะมีทั้ง นิสสัน อัลเมร่า และ นิสสัน โน๊ต เป็นพาหนะในการท่องเที่ยวครั้งนี้ พร้อมทำวีดีโอสั้นให้แก่ละทีมอีกด้วย
นับเป็นอีกกิจกรรมที่ตอบสนองการใช้ชีวิต และยังได้ทดสอบสมรรถนะของตัวรถ พร้อมไปเจอกับเส้นทางใหม่ ๆ แม้ขณะเราจะมีโอกาสไปเชียงใหม่อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังมีที่สวยงามที่เราไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ที่นี่อีกมากมาย ต้องขอบคุณทางนิสสันประเทศไทยที่ให้โอกาสเชิญเรามาร่วมทริปดี ๆ ในครั้งนี้