ฟอร์ดเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทุกรุ่นหลักและรุ่นย่อยพร้อมกันอย่างเป็นทางการวันนี้ พร้อมนำเสนอประสบการณ์ลูกค้าแบบพร้อมเสมอ หรือ ‘Always-On’ ด้วยบริการแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งประกอบไปด้วยนวัตกรรมบริการใหม่มากมายที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อสื่อสารกับรถฟอร์ดของตนเองได้ตลอดเวลา
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งหมด 20 รุ่น ได้แก่ เรนเจอร์ แร็พเตอร์, ไวลด์แทรค, สปอร์ต, XLT, XL+ และ XL พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานของลูกค้าได้อย่างเหนือชั้น ทั้งการขับขี่บนทางเรียบและออฟโรด รองรับการทำงาน การใช้ชีวิตกับครอบครัว หรือการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน
“เราตั้งใจที่จะพัฒนารถฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ให้เป็นเพื่อนร่วมทางที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ เป็นรถกระบะที่ชาญฉลาดที่สุด อเนกประสงค์ที่สุด และสมบุกสมบันที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมาในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ และเป็นรถกระบะที่คนทั่วโลกให้ความไว้วางใจว่าจะพร้อมลุยได้ในทุกสถานการณ์” นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
“นอกเหนือจากการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ฟอร์ดยังมาพร้อมประสบการณ์ลูกค้าด้วยบริการแบบ ‘พร้อมเสมอ’ หรือ ‘Always-On’ ให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับนวัตกรรมบริการในรูปแบบดิจิทัลและนวัตกรรมด้านบริการใหม่ๆ จากฟอร์ดอีกมากมาย”
รถคู่ใจสำหรับการทำงาน เป็นรถครอบครัว และเดินทางท่องเที่ยว
ฟอร์ดพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ให้มาพร้อมฟีเจอร์ที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้เป็นรถที่พร้อมด้วยความอเนกประสงค์รอบด้านและสมรรถนะดีเยี่ยม ให้ลูกค้าออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่แบบไม่มีขีดจำกัด
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 หรือ 6 สปีด และตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติ 6 หรือ 10 สปีด รุ่นย่อย XL เป็นรถกระบะรุ่นเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างแท้จริง มาพร้อมตัวถัง 4 แบบ ได้แก่ สแตนดาร์ดแชสซีส์แค็บ สแตนดาร์ดแค็บ โอเพนแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ ในราคาเริ่มต้นที่ 554,000 บาท
สำหรับการลุยงานสมบุกสมบัน ฟอร์ด เรนเจอร์ XL ยังมีรุ่นย่อย 4×4 ที่มากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มอบพละกำลังสูงสุด 170 PS และแรงบิด 405 นิวตันเมตร ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังที่จะช่วยพิชิตงานท้าทายอันหลากหลาย ฐานล้อที่กว้างขึ้นทำให้รถมีพื้นที่กระบะท้ายกว้างขึ้น จึงสามารถวางพาเลทขนาดมาตรฐานได้พอดี
ทั้งยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์มากมาย ที่ช่วยในการจัดวางสัมภาระและสิ่งของต่างๆ หรือเปลี่ยนกระบะท้ายให้เป็นพื้นที่ทำงานก็ได้ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่น XL สแตนดาร์ดแค็บ 4×4 ราคา 697,000 บาท
อีกหนึ่งรุ่นย่อยสำหรับผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ ฟอร์ด เรนเจอร์ XL+ ตอนครึ่ง มาพร้อมราคาที่เข้าถึงได้ 699,000 บาท ฟอร์ด เรนเจอร์ XL+ ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีรอบด้านที่ดีเยี่ยมในเซ็กเมนต์มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC4A® รุ่นล่าสุดของฟอร์ด ที่ไม่เพียงช่วยเชื่อมต่อการสื่อสารและความบันเทิง แต่ยังแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถได้อย่างชัดเจน
โดยมีตัวเลือกสีภายนอก 4 สี ได้แก่
- สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก
- สีดำ แอบโซลูท แบล็ก
- สีน้ำเงิน บลู ไลท์นิ่ง
- สีขาว อาร์กติก ไวท์
สำหรับรุ่นยอดนิยมอย่างรุ่น XLT ตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหารถกระบะสำหรับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มอบพละกำลัง 170 PS และแรงบิด 405 นิวตันเมตร โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมหรูหรา พร้อมไฟหน้าแอลอีดีรูปตัว C อันเป็นเอกลักษณ์ และไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน
ฟอร์ด เรนเจอร์ XLT เป็นรถกระบะอเนกประสงค์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้ชีวิตกับครอบครัวและเดินทางท่องเที่ยวได้ลงตัว พร้อมเป็นรถคู่ใจที่พาคุณไปยังทุกจุดหมาย ขณะที่ฟีเจอร์อัจฉริยะเพื่อการเชื่อมต่อ อาทิ แท่นชาร์จไฟไร้สาย กล้องมองหลัง และช่องต่อ USB บนกระจกมองหลัง ยังมอบความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ไปอีกขั้น
ฟอร์ด เรนเจอร์ XLT มาพร้อม 5 รุ่นย่อยและตัวเลือกสีภายนอก 5 สี ได้แก่
- สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก
- สีเทา เมทิออร์ เกรย์
- สีดำ แอบโซลูท แบล็ก
- สีน้ำเงิน บลู ไลท์นิ่ง
- สีขาว อาร์กติก ไวท์
ในราคาเริ่มต้นที่ 799,000 บาท
นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมีรุ่นที่เผยโฉมไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้แก่ รุ่นไวลด์แทรค และรุ่นสปอร์ต รถกระบะที่มาพร้อมการเชื่อมต่ออันชาญฉลาด สมรรถนะที่เหนือระดับ และความอเนกประสงค์เพื่อใช้ในการทำงาน เป็นรถสำหรับครอบครัว และการท่องเที่ยวผจญภัย
และยังมีรถกระบะสมรรถนะสูง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร EcoBoost V6 ส่งมอบพละกำลัง 397 PS และแรงบิด 583 นิวตันเมตร เพื่อการขับขี่อย่างเหนือชั้นทั้งบนทางเรียบและออฟโรด
ลูกค้าสามารถจองรถฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ฟอร์ด www.ford.co.th หรือที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ พร้อมทดลองขับและสัมผัสรถจริงได้ที่โชว์รูมฟอร์ด โดยฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทุกรุ่นยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่จากโรงงานนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรก
ฟอร์ดทราบดีว่าลูกค้าชาวไทยชื่นชอบการแต่งรถด้วยอุปกรณ์เสริมให้ตรงใจตามสไตล์และตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละบุคคล ฟอร์ดจึงนำเสนอแพคเกจและอุปกรณ์เสริม เช่น ชุดแผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถ เทคโนโลยีช่วยการขับขี่อัจฉริยะ และสติ๊กเกอร์ตกแต่งที่ได้รับการติดตั้งจากโรงงาน ในฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่เฉพาะรุ่น
อีกขั้นประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถฟอร์ด
นอกเหนือจากการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ฟอร์ดยังพร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลลูกค้าด้วยบริการหลังการขายที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดแบบ ‘พร้อมเสมอ’ หรือ ‘Always-On’ ด้วยนวัตกรรมบริการมากมาย
ด้วยแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับรถของตนได้ทุกที่ ช่วยให้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับรถได้จากระยะไกล ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำมัน จุดที่รถจอดอยู่ การล็อคและปลดล็อค ไปจนถึงการสตาร์ทรถ หรือปรับอุณหภูมิภายในรถล่วงหน้าผ่านสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้ ลูกค้ายังเชื่อมต่อกับบริการของฟอร์ดผ่านแอปพลิเคชันฟอร์ดพาสได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการนัดหมายผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อจองเวลาเข้ารับบริการที่ศูนย์ ใช้บริการรับ-ส่งรถนอกสถานที่ หรือหน่วยบริการเคลื่อนที่
ฟอร์ดยังนำเสนอบริการจากผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ฟอร์ด ที่พร้อมให้คำปรึกษา ในกรณีที่ลูกค้ามีคำถามในการเลือกซื้อรถฟอร์ด เรนเจอร์ ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตน หรือช่วยให้คำแนะนำแก่เจ้าของรถฟอร์ดเกี่ยวกับการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆ
โดยลูกค้ารับบริการจากผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ฟอร์ดได้ผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ www.ford.co.th หมายเลขคอลเซ็นเตอร์ โทร. 1383 และกล่องข้อความอัตโนมัติบนเฟซบุ๊กฟอร์ด
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ผลิตที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงาน ออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ในจังหวัดระยอง เพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั่วโลกกว่า 100 ประเทศ
ประสบการณ์การขับขี่แบบไร้ขีดจำกัด
ฟอร์ดเชิญชวนผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบไร้ขีดจำกัด Unlimit Driving Experience ที่ ‘Ranger Camp’ ณ จังหวัดนครนายก ระหว่างวันที่ 3-5 และ 10-12 มิถุนายน 2565 ทดลองขับฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ครบทุกรุ่น ในสนามออฟโรดจำลองสุดท้าทาย
และใช้ชีวิตกลางแจ้งตามแบบเรนเจอร์ พร้อมสัมผัสสมรรถนะดีเยี่ยมและความอเนกประสงค์รอบด้านของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
ตารางราคารถยนต์ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่
ลำดับ |
รุ่น |
ราคา |
ออปชั่นเพิ่มเติม |
สีพิเศษ |
1 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Standard Chassis Cab XL 2.0L Turbo LR 5MT |
554,000 |
|
|
2 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Standard Cab XL 2.0L Turbo LR 5MT |
589,000 |
|
|
3 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Standard Cab XL 2.0L Turbo 4×4 6MT |
697,000 |
|
|
4 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Open Cab XL 2.0L Turbo LR 5MT |
635,000 |
|
|
5 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab XL 2.0L Turbo LR 5MT |
732,000 |
|
|
6 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Open Cab XL+ 2.0L Turbo HR 6MT |
699,000 |
|
|
7 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab XL+ 2.0L Turbo HR 6MT |
792,000 |
|
|
8 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Open Cab XLT 2.0L Turbo HR 6MT |
799,000 |
เพิ่ม 40,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ A |
|
9 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Open Cab XLT 2.0L Turbo HR 6AT |
844,000 |
เพิ่ม 30,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ A |
|
10 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Open Cab XLT 2.0L Turbo 4×4 6MT |
859,000 |
เพิ่ม 40,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ A เพิ่ม 5,000 บาท สำหรับชุดแผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถ A |
|
11 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab XLT 2.0L Turbo HR 6MT |
889,000 |
เพิ่ม 40,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ A |
|
12 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab XLT 2.0L Turbo HR 6AT |
934,000 |
เพิ่ม 30,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ A |
|
13 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab Sport 2.0L Turbo HR 6MT |
929,000 |
เพิ่ม 30,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ A |
เพิ่ม 10,000 บาทสำหรับสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ |
14 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab Sport 2.0L Turbo HR 6AT |
964,000 |
เพิ่ม 30,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ A |
เพิ่ม 10,000 บาทสำหรับสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ |
15 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab Sport 2.0L Turbo 4×4 6AT |
1,049,000 |
เพิ่ม 30,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ A เพิ่ม 5,000 บาท สำหรับชุดแผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถ A |
เพิ่ม 10,000 บาทสำหรับสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ |
16 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6MT |
999,000 |
|
เพิ่ม 10,000 บาทสำหรับสีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล, สีเหลือง ลักซ์ เยลโลว์ และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ |
17 |
Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT |
1,049,000 |
เพิ่ม 50,000 บาท สำหรับเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง: ฟอร์ด เรนเจอร์ แพ็คเกจ B |
เพิ่ม 10,000 บาทสำหรับสีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล, สีเหลือง ลักซ์ เยลโลว์ และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ |
18 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT |
1,159,000 |
|
เพิ่ม 10,000 บาทสำหรับสีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล, สีเหลือง ลักซ์ เยลโลว์ และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ |
19 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ Double Cab Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4×4 10AT |
1,299,000 |
เพิ่ม 5,000 บาท สำหรับชุดแผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถ B |
เพิ่ม 10,000 บาทสำหรับสีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล, สีเหลือง ลักซ์ เยลโลว์ และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ |
20 |
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 3.0L V6 Twin-Turbo EcoBoost 4WD 10AT |
1,869,000 |
เพิ่ม 10,000 บาท สำหรับสติ๊กเกอร์ตกแต่ง |
เพิ่ม 10,000 บาทสำหรับสีส้ม โค้ด ออเรนจ์ และสีเทา คองเคอร์ เกรย์ |