Breaking News

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4×4  อีก SUV ที่ดุดันสไตล์อเมริกา ที่มาพร้อมความสะดวกสบาย และออปชั่นการลุยไม่แพ้พี่น้องในค่าย

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4×4 ยนตรกรรมเอนกประสงค์ PPV รุ่นล่าสุด มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายครบครัน ราคา 1.854 ลบ.

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4×4 10 AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

Next-Gen Ford Everest

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

“คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ณ เวลานี้ Next-Gen Ford Everest คือ ยนตรกรรมเอนกประสงค์ PPV ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบ้านเรา … โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นสูงสุด Titanium+ 4×4 ซึ่งเคาะราคาออกมาได้เร้าใจที่ 1,854,000 บาท … แต่อย่างอื่นล่ะ !!!”

หลังจาก Ford Everest ถูกจดจำในฐานะตัวสำรองในตลาด PPV ประเทศไทยอยู่นาน … ก็ถึงเวลาที่ ฟอร์ด ประเทศไทย จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าอย่างจริงจัง ด้วยการเผยโฉมรถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุด Next-Gen Ford Everest อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด Life is Yours to Master

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาทNext-Gen Ford Everest มากับรูปลักษณ์ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ เพื่อนำเสนอความแข็งแกร่ง ที่ผสมผสานเข้ากับความหรูหรา ผ่านเส้นสายที่เฉียบคมมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากความโค้งมนที่ถูกลดทอนลงไป พร้อมกับมีการเพิ่มรายละเอียดวัสดุตกแต่งในโทนสีโครเมี่ยมเพิ่มขึ้นมา

เสริมด้วยรายละเอียด “ออปชั่น” มาตรฐาน โดยเฉพาะรุ่นท็อปสุด ที่ประกอบด้วย ชุดไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงอัตโนมัติ, ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ จับคู่มากับ ชุดไฟวิ่งกลางวันแบบ LED ที่โดดเด่นด้วยรูปทรง C – Clamp

โดยมีด้านล่างเป็นชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ตามมาด้วยชุดไฟส่องสว่างข้างตัวรถ, ชุดไฟท้ายแบบ LED Signature ด้านหลัง พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า (Hands-Free Power Liftgate) และหลังคาแบบ Panoramic Moonroof แถมยังให้ล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/55 R20 มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

ด้านภายในห้องโดยสาร เรียกได้ว่าเสิร์ฟความหรูหรามาเต็มพิกัดผ่านงานดีไซน์ พร้อมด้วยออปชั่นอำนวยความสะดวกสบายสุดล้ำ ซึ่งที่สะดุดตาสุดก็ต้องยกให้กับชุดหน้าจอแสดงผลแบบสี สำหรับคนขับที่มีขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว มากับหน้าจอกลางแบบสี ระบบสัมผัส Multi – Touch ขนาด 12 นิ้ว

รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay® และ Android Auto™ ไปจนถึงระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A, ระบบ FordPass Connect และมีช่องต่อ USB มาให้ถึง 4 ตำแหน่ง พร้อมแท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charger

ส่วนอื่นๆ ก็มีเบาะนั่งคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ตามด้วยเบาะแถวที่ 3 พับไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา และสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ตลอดจนกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

สำหรับเรื่องขุมพลัง รอบนี้ Next-Gen Ford Everest จัดมาทำตลาดถึง 2 สไตล์จากทั้งหมด 4 รุ่นย่อย เริ่มด้วย รุ่น Trend และรุ่น Sport จะมากับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว 170 แรงม้า และแรงบิด 405 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ

ส่วนรุ่นท็อปสุด Titanium+ จะมีหัวใจหลักในการขับเคลื่อน คือ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร แยกเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ SelectShift 10 สปีด และขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ E-Shifter 10 สปีด พร้อมเขี้ยวเล็บครบเครื่อง ตั้งแต่โหมดการขับขี่ 2H, 4H และ 4L ไปจนถึงฟังก์ชัน Drive Modes ให้เลือกปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

ซึ่งจากที่เคยสัมผัส การขับสไตล์ Off Road ด้วยการได้รับเชิญจาก ฟอร์ด ประเทศไทย บอกเลยว่า “ดีงาม” เอามากๆ เพราะ Drive Modes ที่ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Electronic Shift-on-the-Fly นั้นสามารถเปลี่ยนจากขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็น 4 ล้อ (4H) ได้แบบไม่ต้องหยุดรถ

เช่น ถ้าขับขี่ใน “โหมดปกติ” ขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) อยู่ดีๆ แล้วเกิดเจอสภาพถนนที่เปียกลื่นไม่มั่นใจ สิ่งที่เราต้องทำก็แค่บิด Drive Modes ไปยัง “โหมดถนนลื่น” แค่นั้น ระบบขับเคลื่อนจะถูกสลับมาเป็นแบบ 4 ล้อ (4H) โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าสภาพการณ์ย้ำแย่ถึงขั้นต้องบิด Drive Modes ไปถึง “โหมดโคลน” ล่ะก็ นอกจากจะขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) อัตโนมัติแล้ว ระบบยังเพิ่ม Diff-Lock หลังไฟฟ้า มาให้อีกด้วยเลยทีเดียว

พูดง่ายๆ ว่าฟังก์ชัน Drive Modes จะทำหน้าที่มอบ “แพ็กเกจอาวุธ” ในการขับเคลื่อนผ่านอุปสรรคให้โดยอัตโนมัติตาม “โหมด” การขับขี่ที่เลือกใช้ ยกเว้นในกรณีเส้นทางยากๆ เช่น ลุยบ่อโคลน หรือลุยน้ำลึกซักราว 7-800  มม. ซึ่งจุดนั้นคงต้องเล่นอาวุธหนักระดับขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L) ที่ต้องมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย 

คือ หยุดรถ ใส่เกียร์ว่าง และกดปุ่ม 4L ก่อนจะเลือกเปลี่ยนฟังก์ชัน Drive Modes … เอาจริงมันก็ไม่ได้ “ยากลำบาก” อะไรหรอก ออกจะ “ง่าย” กว่าการใช้งานสมัยก่อนซะด้วยซ้ำ อีกทั้งมันยังทำให้ “การลุย” เส้นทาง Off Road กลายเป็นเรื่องง่าย และสนุกขึ้นได้ไม่ยากเลยทีเดียว

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงบททดสอบเพื่อให้เราได้เรียนรู้ และรู้จักกับขีดความสามารถในรูปแบบของการขับขี่สไตล์ Off Road เท่านั้น เพราะเอาจริงคงไม่มีใครควักเงิน 1,854,000 บาท ซื้อตัวท็อป Ford Everest Titanium+ 4×4 ไว้ลุยป่าหนักๆ แน่นอน มากสุดก็คงหยุดอยู่แค่ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) กับ Drive Mode “ถนนลื่น” ในการเพิ่มเสถียรภาพให้กับการขับขี่มากกว่า

เช่นเดียวกับในครั้งนี้ ที่เราเน้นวิถีชีวิตการใช้งานแบบ On-Road เป็นหลัก ฉะนั้นส่วนใหญ่จึงเป็นการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ และ Drive Mode ที่ตำแหน่ง “ปกติ” เป็นหลัก ซึ่งจะบอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกก็ “ถูก” แต่พอห่างมือไปนาน ความรู้สึกเกร็งๆ ก็แอบกลับมาบ้างเหมือนกัน

จากขนาดของตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ข้อดีก็คือเค้ามีกลิ่นอายความเป็นมิตรค่อนข้างสูง เลยทำให้การปรับตำแหน่ง เพื่อให้เกิดการควบคุมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นเรื่องง่ายขึ้น

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

โดยสัมผัสแรกที่รู้สึกก็คือ น้ำหนักพวงมาลัย ที่ดูเหมือนจะหนืดขึ้น แต่กลับให้สัมผัสการควบคุมที่ดี และคล่องมืออย่างน่าประหลาดใจ เหนืออื่นใดเลย คือ สร้างความคล่องตัวในการใช้งานในเมืองได้เกินคาด

ส่วนต่อมา คือ ระยะฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มม. พร้อมการอัพเกรดโช๊คอัพจากพื้นฐาน Twin-Tube ขึ้นใหม่ อารมณ์ที่ได้เท่ากับความแน่น และนุ่มหนึบ ชนิดที่ทำให้คุณอาจจะหลงผิด คิดว่านี่คือรถอเนกประสงค์ SUV แท้ๆ ก็เป็นได้

ท้ายสุด คือ ส่วนประกอบที่เกิดขึ้นจากแรงบิด 500 นิวตันเมตร ในรอบต่ำ ตั้งแต่ 1,750 – 2,000 รอบต่อนาที กับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ E-Shifter 10 สปีด ซึ่งช่วยถ่ายทอดเรี่ยวแรงได้อย่างทันใจ เปลี่ยนบุคลิกให้ PPV คันใหญ่ น้ำหนักตัวเดาๆ ว่ามากกว่า 2 ตัน

“ปลิว” ไปตามสภาพการจราจรได้อย่างสนุกสนาน และคล่องตัว ขณะที่สัมผัสจากช่วงล่างที่ไม่ว่าจะนั่ง หรือขับ ก็มากับความเป็นมิตร ชนิดกล้าพูดได้ว่า “เหนือกว่า” คู่แข่งในท้องตลาดอย่างชัดเจน

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

ส่วนปัญหาที่หลายคนกลัวกับการขับรถขนาดใหญ่ในเมือง คือ “การจอดรถ” จุดนี้หายห่วงได้เลย เพราะด้วยปุ่มเพียงปุ่มเดียวของระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Active Park Assist จาก Ford Everest Titanium+ 4×4 จะจัดการให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายขึ้น ทั้งการจอดเทียบข้าง หรือถอยเข้าซอง รวมไปถึงระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย

เช่น ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง Reverse Brake Assist ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยจอดรถได้มั่นใจยิ่งขึ้น จากการตรวจจับวัตถุบริเวณท้ายรถ และส่งเสียงเตือน ซึ่งหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนอง ระบบก็จะทำการเบรกจนรถหยุดนิ่งให้โดยอัตโนมัติ เพื่อเตือนสติ

เรียกได้ว่าการมาของ Next-Gen Ford Everest โดยเฉพาะรุ่นสูงสุดอย่าง Ford Everest Titanium+ 4×4 ได้ติดอาวุธมาให้อย่างครบเครื่องเลยทีเดียว สำหรับตอบโจทย์การใช้งานในเมืองให้เป็นเรื่องง่ายอย่างคาดไม่ถึง ส่วนนอกเมืองบอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่หายห่วง

เพราะทั้งแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมพละกำลังระดับ 210 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด E-Shifter สามารถสนองได้ทุกความต้องการ

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

ที่เราชอบมากสุดก็คือ การค่อยๆ เติมคันเร่ง เพื่อสัมผัสถึงเรี่ยวแรง ด้วยพฤติกรรมการถ่ายทอดที่ไม่ได้เป็นแบบพรวดพราด แต่เป็นสไตล์ที่คนขับสามารถรับรู้ได้ถึงแรงดึง ซึ่งมีออกมาให้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง เว้นแต่ถ้าต้องการความปราดเปรียวเพิ่มเติมโหมด Manual กับปุ่ม +/- บนหัวเกียร์ช่วยคุณได้

แต่เอาเข้าจริงแค่ คิ๊กดาวน์ ก็ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่เกินพอ เพราะขนาดตลอดเวลาที่ได้ลองขับ เรายังแทบไม่ได้ใช้ แถมคิ๊กดาวน์ก็ยังเป็นอะไรที่กระทำน้อยมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วเราค้นพบการขับ Ford Everest Titanium+ 4×4 แบบใช้คันเร่งเนียนๆ ไล่ระดับความเร็วไปเรื่อยๆ คือ อะไรที่ยอดเยี่ยมที่สุด สบายที่สุด แถมยังปลอดภัยที่สุดอีกด้วย

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

รีวิว ลองขับ Ford Everest Titanium+ 4x4 10AT รุ่นท็อปสุด ราคา 1,854,000 บาท

ท้ายสุดนี้ต้องบอกเลยว่าถ้าไม่นับเรื่อง “แบรนด์” แต่เน้น “ขีดความสามารถ” ล่ะก็ รถอเนกประสงค์ PPV อันดับต้นๆ ในใจเรา คงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก Ford Everest Titanium+ 4×4 แต่ลึกลงไปอีกนิดในใจเราก็คือ ความกังวล เพราะด้วยเทคโนโลยีต่างๆ

ที่ล้วนแล้วแต่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ซะส่วนใหญ่ จะมี “ราคาค่างวด” เท่าไหร่ หากต้องเข้าศูนย์บริการหลังจากวารันตีหมดลง …!!! โดยประเด็นนี้เราขอยกให้ผู้บริโภคเป็นคนพิจารณา

Specification: Ford Everest Titanium+ 4×4           

  • Price: 1,854,000 BHT
  • Engine: 1,996 CC / Diesel Turbo Intercooler / 4 Cylinder / 16 Valve 210 hp @ 3,750 rpm / 500 Nm @ 1,750 – 2,000 rpm 
  • Transmission: 10A/T E-Shifter / Part – Time Four Wheel Drive
  • Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
  • Weight: N/A

Check Also

ISUZU MU-X 4x2 3.0 RS 2024

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS ลุคใหม่ที่สปอร์ตยิ่งกว่าเดิม เสริมความปลอดภัย ที่ยังคงเด่นในสมรรถนะและความประหยัดเฉกเช่นเดิม

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS A/T เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า …