รีวิว ลองขับ All-new Honda BR-V MPV 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 121 แรงม้า มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยครบครัน รุ่น EL ราคา 977,000 บาท
รีวิว ลองขับ All-new Honda BR-V รถพรีเมียม MPV รุ่น EL ราคา 977,000 บาท
All-new Honda BR-V
“เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่ “เอาเรื่อง” เลยทีเดียวในช่วงเปิดตัว โดยเฉพาะประเด็นการเปรียบเทียบ “ราคา” กับ “คู่แข่งสายตรง” … ฉะนั้นก่อนจะ “ตั้งแง่” มากไปกว่านี้ มาพิจารณาดูก่อนว่า All-new Honda BR-V เจเนอเรชันที่ 2 มีอะไรน่าสนใจบ้าง”
จะไม่พูดถึงเลยก็คงไม่ได้ กับประเด็นร้อนแรงเรื่อง “ราคา” จาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ทำ “เซอร์ไพรส์” คนไทย ด้วยค่าตัวของรถอเนกประสงค์ MPV ขนาด 7 ที่นั่ง All-new Honda BR-V เจเนอเรชันที่ 2 แบบ “สุดโต่ง” คือ
รุ่น E ราคา 915,000 – 921,000 บาท และรุ่นท็อปสุด EL ราคา 973,000 – 977,000 บาท… ซึ่งถ้าเปิดตัวมาด้วย “ราคา” ระดับนี้ เดาว่าทางต้นสังกัดต้อง “มั่นใจ” พอตัวว่า “มีดี” มากเลยทีเดียว เพราะงั้นวันนี้เราจะมาหา “คำตอบ” กัน
เริ่มจากมิติตัวถัง ที่จะเห็นว่ามีการปรับขยายเพิ่มขึ้นจากเจเนอเรชันแรก เดิมความยาวสุด 4,456 มม. ความกว้าง 1,735 มม. และความสูง 1,666 มม. บวกกับฐานล้อยาว 2,655 มม. ระยะห่างฐานล้อหน้า/หลัง ที่ 1,500 มม. และความสูงใต้ท้องรถ 201 มม.
มาสู่เจเนอเรชันล่าสุด All-new Honda BR-V คือ ความยาว 4,490 มม. ความกว้าง 1,780 มม. ความสูง 1,685 มม. บนฐานล้อยาว 2,695 มม. ที่มีระยะห่างฐานล้อหน้า/หลังมากขึ้นเป็น 1,548 มม. และ 1,540 มม. แถมยังมากับความสูงใต้ท้องรถที่ขยับขึ้นเป็น 209 มม.
ในเรื่องของงานดีไซน์มีการปรับลุคให้ดูแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เสริมด้วยรายละเอียดของออฟชั่นที่สะดุดตาในรุ่นท็อปสุด EL เช่น มุมมองด้านหน้าที่ดุดันขึ้น ทั้งจากชุดกระจังหน้าใหม่โทนสีดำ Piano Black เข้ากับชุดกันชนหน้า, กันชนหลัง และสเกิร์ตด้านข้างดีไซน์ใหม่
ด้านระบบไฟส่องสว่างมากับ LED ชุดใหญ่ ตั้งแต่ ไฟหน้า พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ, ไฟตัดหมอกคู่หน้า, ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน และไฟท้าย ทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วย กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และระบบพับเก็บอัตโนมัติ
ขณะที่อารมณ์ความสปอร์ตเกิดจาก เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยที่ติดตั้งขนาด 17 นิ้วมาให้ในรุ่นท็อปสุด EL ส่วนรุ่นรองจะได้ขนาด 16 นิ้ว
ต่อเนื่องด้วยภายในห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งรุ่นย่อยทั้ง 2 รุ่น มากับความต่างในรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น เช่น ในรุ่นท็อปสุด EL จะมากับ “สไตล์การตกแต่ง” โทนสีดำ (รุ่นรองสีทูโทนดำ / มอคค่าเกรย์) … ส่วน“ออฟชั่น” ของรุ่น EL ที่มากกว่ารุ่นรอง ประกอบด้วย
“ช่องจ่ายไฟสำรอง” ที่มีให้ถึง 3 ตำแหน่ง (รุ่นรอง 2 ตำแหน่ง), “แผงบังแดด พร้อมกระจกแต่งหน้า ฝั่งคนขับ และผู้โดยสารแบบมีฝาปิด และไฟส่องสว่าง ตามด้วย “ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคู่หน้า” ที่มีให้ทั้งฝั่งคนขับ และผู้โดยสาร ไปจนถึง “ราวมือจับ” ที่มีให้ 6 ตำแหน่ง (รุ่นรอง 3 ตำแหน่ง)
ทางฝั่งระบบความบันเทิงของทั้ง 2 รุ่นย่อยมีให้เหมือนๆ กัน ต่างกันที่จำนวนลำโพง ซึ่งรุ่นท็อปสุด EL มีให้ 6 ตำแหน่ง (รุ่นรอง 4 ตำแหน่ง) แล้วก็ท้ายสุดเรื่องของระบบความปลอดภัยที่มีให้เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น โดยรุ่นท็อปสุด EL ได้มีการเพิ่มม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) มาให้อีกหนึ่งอย่าง
สำหรับขุมพลังของทั้ง 2 รุ่นย่อย มากับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC พร้อมระบบ i-VTEC ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นมาจากเจเนอเรชันแรกแบบ SOHC โดยผลลัพธ์ คือ พละกำลังที่ขยับขึ้นมาเป็น 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที
(เดิม 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที) ส่วนแรงบิดถือว่าใกล้เคียงกัน คือ 145 นิวตันเมตร ที่เร็วขึ้นเป็น 4,300 รอบต่อนาที (เดิม 146 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที)
ส่วนระบบส่งกำลังก็ยังคงมากับชุดเกียร์อัตโนมัติ CVT (Continuously Variable Transmission) พร้อมระบบ Shifting Control of Cornering Gravity & G Design Shift ที่มีการเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ และอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ เช่นเดียวกับอัตราทดพวงมาลัยแบบ แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS)
ขณะที่ระบบช่วงล่างของทั้ง 2 เจเนอเรชัน ยังยึดพื้นฐานด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม H-Shape จับคู่กับระบบเบรกที่ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์ พร้อมช่องระบายความร้อน และด้านหลังแบบดรัม
และหลังจากที่เราได้ทำการทดลองขับอย่างจริงจัง บอกเลยว่าไม่ใช่แค่เรื่อง “ราคา” เท่านั้นที่ “เซอร์ไพรส์” แต่รวมถึง “สมรรถนะ” ที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ราวกับเป็นการพัฒนาบุคลิกภาพให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังมีรายละเอียดอะไรบางอย่างที่เราเชื่อว่าสาวก Honda สามารถสัมผัสได้ เพื่อให้คนขับปรับตัวให้เข้ากับ All-new Honda BR-V ได้อย่างไม่ยากเย็น
พฤติกรรมของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังแบบ CVT เรียกได้ว่าต่างจากเจเนอเรชันที่แล้วค่อนข้างมาก รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงของการถ่ายทอดพละกำลังที่ตอบสนองรวดเร็ว และต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการปรับอัตราทดใหม่
แล้วก็น่าจะรวมถึงอัตราทดพวงมาลัยที่ถูกปรับ จนเกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม ทำให้ในความเร็วต่ำ เบาแรง ควบคุมง่าย ให้ความคล่องตัวที่ดี เพื่อสร้างความสนุกสนานในการขับขี่
และจะหน่วงน้ำหนักไปตามความเร็วที่ใช้ ซึ่งลึกๆ แล้ว หนักขึ้นอีกสักนิดบนความเร็งสูงน่าจะดีกว่านี้ไม่น้อย ส่วนอีกสิ่งที่มีการพัฒนาก็คือ “การเก็บเสียง” ซึ่งรู้สึกได้ว่าน้อยกว่าเดิม แม้จะทำการคิกดาวน์ หรือ เล่นกับแป้น Paddle Shift ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ “เริ่ด” ขนาดนั้น
เอาเป็นว่าแค่สร้างความ “รำคาญ” น้อยลงจากเดิมหน่อย และเชื่อเถอะว่าหลายคนที่ได้ลองขับ All-new Honda BR-V คงไม่ค่อยมีใครใช้คันเร่ง หรือรอบเครื่องหนักหน่วงเท่าไหร่
เพราะเรามั่นใจว่าสไตล์การขับขี่ที่น่าจะเหมาะสมกับกับ All-new Honda BR-V ควรเป็นแบบ “เรื่อยๆ” มากกว่า ด้วยเพราะสถานะของความเป็นรถอเนกประสงค์ ตลอดจนพละกำลังที่พอมีให้ “สนุก” แต่ไม่ได้มีไว้ตอบโจทย์ความเกรี้ยวกราด ฉะนั้นมันอาจจะไม่เต็มเม็ด เต็มหน่วยนัก หากคาดหวังเรื่องความสปอร์ต
มาถึงในเรื่องของช่วงล่าง บอกเลยว่าประเสิรฐกว่าเจเนอเรชันแรกอย่างชัดเจน โดยพื้นฐานด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม H-Shape ที่ได้มีการปรับเซ็ทใหม่ ที่สัมผัสได้ว่ามีคุณสมบัติความเป็นรถครอบครัวมากขึ้น
ซึ่งมีทั้งความนุ่ม และแน่นหนึบ แม้เราจะใช้ความเร็วที่สูงกว่าปกติในการเข้าโค้ง แต่อาการโคลงตัวที่เกิดขึ้นก็น้อยมาก จนต้องบอกว่ายกระดับความมั่นใจในการขับขี่ได้ดีเลยทีเดียว
แล้วที่มั่นใจได้มากกว่านั้น ก็คือ ระบบความปลอดภัยอย่างที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น ว่าทั้ง 2 รุ่นย่อย มีการติดตั้งมาให้อย่างแน่นหนา ซึ่งนอกเหนือจากระดับพื้นฐานแล้ว ยังรวมถึงพระเอกของงานอย่างเทคโนโลยี Honda SENSING ก็ถูกเสริมเข้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็น ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS), ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB), ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)
และท้ายสุด All-new Honda BR-V ยังเป็น MPV หนึ่งเดียวในตลาดที่ติดตั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC – Adaptive Cruise Control) ไปจนถึงระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมระบบปรับอากาศ ด้วยกุญแจรีโมท Remote Engine Start มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย
ถึงบรรทัดนี้ โดยส่วนตัวหลังจากที่ลองขับ เราคิดว่า All-new Honda BR-V เอง ก็ “มีดี” อยู่บ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะในเรื่องของ “การขับขี่” ที่มีเอกลักษณ์, อรรถรส รวมถึงมีความเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่ชัดเจนกว่า หากเทียบกับคู่แข่ง
แต่ปัญหา คือ ผู้บริโภคชาวไทยไม่ได้เลือกซื้อรถ เพียงเพราะแค่ “ขับดีกว่า” เพราะอย่างที่บอกล่ะครับว่า “ราคา” และ “ออฟชั่น” ยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่หลายคนให้ความสำคัญ และดูเหมือน คู่แข่งสายตรง เค้าถือไพ่เหนือกว่า ซึ่งนั่นล่ะ คือ โจทย์ยาก … เพราะทางเดียวที่เปลี่ยนจะใจผู้บริโภคให้กลับมาสนใจ All-new Honda BR-V ได้ ก็คงมีแต่ต้องให้เข้ามา “ลองขับ” กันเยอะๆ เท่านั้น
Specification: All-new Honda BR-V
- Price: 977,000 BHT
- Engine: 1,498 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / DOHC / i-VTEC 121 hp @ 6,600 rpm / 145 Nm @ 4,300 rpm
- Transmission: CVT / Front Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: 1,285 Kg.