รีวิว ลองขับ MG4 Electric เทคโนโลยี Rubik’s Cube Battery ความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
รีวิว ลองขับ MG4 Electric รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
MG4 Electric
ในช่วงที่ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เริ่มปล่อยกระแสข่าวการมาของ MG4 Electric ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ICON” เพื่อสร้างนิยามของการเป็น “ต้นแบบ” และ “มาตรฐาน” ใหม่ของรถ EV ที่ขับสนุก
ผมสารภาพเลยว่ารู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นใดๆ ซักเท่าไหร่ ด้วยชุดความคิดฝังหัวเกี่ยวกับรถ EV ว่า “อรรถรส” การขับ น่าจะค่อนไปทางความจืดชืด ไม่เหมือนกับรถเครื่องยนต์สันดาปที่คุ้นเคย คุ้นมือกันมานาน จนกระทั่งมีโอกาสได้เห็น MG4 Electric ตัวเป็นๆ ความตื่นเต้นก็เริ่มเกิดขึ้นบ้าง จากงานดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา บนตัวถังลักษณะแบบ Hatchback
ก่อนจะมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในครั้งนี้ คือ หลังจากได้ลองขับก็สามารถพูดได้เต็มปาก เต็มคำเลยว่า “เกินคาด” ไปเยอะ แต่ก่อนที่เล่าความประทับใจให้ฟัง เราขอแนะนำสักเล็กน้อยก่อนว่า MG4 Electric เค้ามีจุดเด่นอะไรบ้าง
เริ่มจากความกระชับของมิติตัวถัง ซึ่งมีความยาว 4,287 มม. ความกว้าง 1,836 มม. และความสูง 1,516 มม. เสริมแต่งด้วยรายละเอียดที่สะดุดตา จากระบบส่องสว่าง เช่น ไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเบรกแบบ LED พร้อม Daytime Running Lights
ตามด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อม Aero Wheel Cover และหลังคาทูโทน ที่มากับสปอยเลอร์หลังแบบ Twin Arrow Wing ปิดท้ายด้วยภายในที่มากับการเลือกใช้สีแบบ 2 -Tone สำหรับรุ่นท็อปเท่านั้น
ไฮไลท์แท้จริงของ MG4 Electric ก็คือ แพลตฟอร์มใหม่ที่ชื่อว่า Nebula Pure Electric Platform ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถการนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลายเซกเมนต์ และรวมไปถึงการรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ
โดยใน MG4 Electric จะมากับ แบตเตอรี่แบบ Cell to Pack ขนาดความจุ 51 กิโลวัตต์ ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี Rubik’s Cube พร้อมการระบายความร้อน Liquid Cooling System
โดยจะมีความพิเศษเรื่องของตำแหน่งติดตั้งที่อยู่ในระนาบเดียวกับแชสซีรถ พร้อมด้วยการมีแผ่นปิดใต้ท้องรถมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และนั่นทำให้การกระจายน้ำหนักเป็นอย่างสมมาตรในระดับที่ 50:50 ตลอดจนมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ
ทำให้สัมผัสอรรถรสการขับขี่แบบสปอร์ตได้ชัดเจน จากเรี่ยวแรงที่มีมาให้ 170 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนโดยล้อคู่หลังแบบ Dynamic Rear Wheel Drive ผ่านชุดเกียร์ไฟฟ้า แถมด้วยโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกใช้ได้ถึง 5 รูปแบบ
ส่วนระบบช่วงล่างมาตรฐานจะมากับด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link เสริมความมั่นใจด้วยระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานแบบ Advanced Synchronized Protection System มากถึง 26 ระบบ เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจ ซึ่งรวมเรื่องของการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน
เพราะการชาร์จไฟเต็มพิกัดเพียง 1 ครั้ง จะสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 425 กิโลเมตร ทั้งยังรองรับการชาร์จได้ทั้งแบบ Quick Charge จาก 10% – 80% ได้ในเวลาประมาณ 35 นาทีเท่านั้น ขณะที่การชาร์จแบบ Normal ผ่าน MG Home Charger จาก 0% – 100% จะใช้เวลาราวๆ 8 ชั่วโมง 30 นาที
แต่ทั้งหมด ทั้งมวลของเทคโนโลยีต่างๆ ก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิดมาหลงรัก MG4 Electric หากแต่เป็นการประสานงานกันของเทคโนโลยีต่างๆ และสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น เกินคาดในความเป็นรถไฟฟ้า 100% ขึ้นไปอีกขั้น
เพราะอันดับแรกเลย การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งไม่มีรอบเครื่องมาเกี่ยวข้อง ฉะนั้นตัวเลขพละกำลัง 170 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่แม้จะดูไม่มาก แต่ก็เรียกออกมาใช้งานได้อย่างเต็มเม็ด เต็มหน่วย ลงไปที่ล้อคู่หลัง ชนิดที่เรียกได้ว่าการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งสามารถเกิดอาการ “ฟรีทิ้ง” เบาๆ ได้เลยทีเดียว แม้จะใช้โหมดการขับขี่แบบปกติก็ตาม
จุดที่ประทับใจสุด ต้องยกให้ช่วงการเติมคันเร่ง ระหว่างขับขี่ เพราะสามารถเรียกพละกำลังมาใช้งานได้อย่างทันใจ สร้างความต่อเนื่องได้ในทุกย่านความเร็ว จนทำให้การขับขี่ในเมืองที่ต้องใช้คันเร่งเยอะกว่าปกติ ทั้งในการออกตัว หรือการเร่งแซง ให้เป็นไปอย่างที่ใจต้องการ
อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี KERS (Kinetic Energy Recovery System) ช่วยทำหน้าที่ชาร์จพลังงานกลับสู่แบตเตอรี่ เมื่อยกคันเร่ง หรือเบรก ให้ปรับตั้งค่าได้ถึง 4 ระดับให้เลือกตามความเหมาะสม
อีกหนึ่งจุดที่ชอบ ก็คือ การปรับเซ็ทที่เหมาะสมระหว่างระบบช่วงล่าง และน้ำหนักพวงมาลัย ที่แม้จะมีน้ำหนักแปรผันไปตามโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้ แต่โดยรวมแล้วยังสามารถสื่อสารออกมาได้ในทิศทางเดียวกัน ผสมผสานเป็นความสปอร์ต และความสนุกในการขับขี่ ที่เรียกว่าเกินคาดหมาย จากฐานะความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า 100% อย่างปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว
ในส่วนบทสรุปของ MG4 Electric ต้องแยกเป็นประเด็นต่างๆ เริ่มจาก “การขับขี่” ที่ต้องยอมรับว่ามี “สมรรถนะ” ที่สร้างความประทับใจได้ดี และค่อนข้างจะดีกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายในเลยทีเดียว เพียงแต่ผู้ใช้อาจจะต้องมีการปรับตัว ปรับวิธีการขับให้เหมาะสม
เพราะการตอบสนองถือได้ว่าค่อนข้างไว ฉะนั้นการกดคันเร่งแบบพรวดพราด โดยเฉพาะในโค้ง อาจสร้างความตกใจขึ้นได้บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ยากเกินไปที่เรียนรู้ และทำความเข้าใจกับบุคลิกของตัวรถ
ประเด็นต่อมา คือ “การใช้งาน” ซึ่งผู้ที่คุ้นเคยกับรถเครื่องยนต์สันดาป อาจจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตเล็กน้อย เนื่องจากการใช้ตู้ชาร์จสาธารณะ Quick Charge นั้นค่อนข้างมีขั้นตอน และต้องใช้เวลา ซึ่งหากมีแอปพลิเคชัน MG คอยช่วยเหลือก็จะสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจองคิว หรือการหาตู้ชาร์จ
ส่วนใครที่ติดตั้งตู้ MG Home Charger ไว้ที่บ้าน อันนี้ก็จะสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวลาการชาร์จที่ค่อนข้างนาน เพราะงั้นการ “วางแผน” น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้ รถไฟฟ้า 100%
อีกประเด็นที่พบเจอ ก็คือ ความคิดส่วนใหญ่มักจะมองว่า รถไฟฟ้า 100% มีความสามารถ “เหนือกว่า” รถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป เลยทำให้ใช้งานอย่างกันอย่างสมบุกสมบัน ซึ่งเราอยากจะแนะนำว่าควรเปลี่ยนความคิดซะใหม่ แม้หลายค่าย หลายบริษัท จะการันตีว่ามีการทดสอบจากโรงงานมาแล้วมากมาย
แต่ผู้ใช้รถ ก็ควรใช้งานบนพื้นฐานเดียวกับรถเครื่องยนต์สันดาป เช่น การลุยน้ำท่วมที่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ก็ขับให้เหมือนปกติแบบขับรถเครื่องยนต์สันดาป ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย แล้วก็ยืดอายุการใช้งานมากขึ้น
ท้ายสุดเรื่องของ “ความคุ้มค่า” ซึ่งถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่สาย Gadget ที่ชื่นชอบในเทคโนโลยี หรือความล้ำสมัย บอกเลยว่าน่าจะถูกใจ เพราะค่าตัวของ MG4 Electric ถือว่าอยู่ในระดับที่จับต้องได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วย “ราคา” ส่วนต่างจากเรื่องบริการหลังการขาย เพราะเดาว่าหลายคนน่าจะเป็นห่วงเรื่อง “แบตเตอรี่” แต่ส่วนหนึ่งก็ถือว่าวางใจได้
ถ้าใช้งานปกติทั่วไป ไม่ได้พิสดารมาก เพราะเค้ามีวารันตีมาให้ถึง 8 ปี หรือ 180,000 กม. (แล้วแต่อย่างใด อย่างหนึ่งถึงก่อน) แต่ถ้าพิสดารเกินไป ใช้งานด้วยความคิดว่า รถไฟฟ้า 100% มีความทนทานเหนือกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปล่ะก็ เราแนะนำให้ท่องจำไว้ในใจว่า “ราคาแบตเตอรี่” คือ “ครึ่งหนึ่ง” ของราคารถนะครับ
Specification: MG4 Electric
- Price: 869,000 – 969,000 BHT
- Electric Motor: 170 hp / 250 Nm
- Transmission: Electric Transmission
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: N/A