รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback e:HEV RS ที่มีมากกว่าความประหยัด ที่ปรับลุคให้สปอร์ตยิ่งกว่า

รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback e:HEV เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 27.8 กม./ลิตร 

รีวิว ลองขับ Honda City Hatchback e:HEV RS ราคา 799,000 บาท

Honda City Hatchback e:HEV RS

หากนับเฉพาะ เวอร์ชั่น e:HEV ในอนุกรม Honda City เราตอบให้สั้นๆ ว่า “ต่างสไตล์ แต่อรรถรสคล้ายกัน” … ส่วนจะรักชอบแบบไหน แนะนำให้ไปตัดสินใจ หลังจากได้สัมผัส

ต้องยอมรับ ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก “เรา” และ “Honda City Hatchback e:HEV RS” โคจรมาพบกัน ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งเดียวที่จะตีความการพบเจอกันซ้ำๆ ระหว่าง “เรา” และ “Honda City Hatchback e:HEV RS” ได้ ก็คือ “จุดดี” ที่มากพอจนทำให้เรา “คิดถึง” บ่อยครั้ง

เริ่มจากภายนอก อัพเกรดความสปอร์ตสู่สถานะรุ่นย่อย RS ด้วยชุดกันชนหน้า และกระจังหน้า ดีไซน์สปอร์ตแบบ RS เสริมด้วยชุดไฟหน้าแบบ LED ตามมาด้วยชุดสปอยเลอร์หลัง และกันชนหลัง ดีไซน์สปอร์ตแบบ RS ประกบด้วยชุดไฟท้ายแบบ LED

ต่อเนื่องด้วย ชุดสเกิร์ตข้าง ดีไซน์สปอร์ตแบบ RS ก่อนเก็บรายละเอียด ด้วยล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ และหลังคาโทนสีดำ เพิ่มความเร้าใจให้รูปลักษณ์มากขึ้นไปอีกระดับ

ภายในบอกเลยว่า “คุ้นหน้า คุ้นตา” กันดี ตั้งแต่งานดีไซน์ ไปจนถึงวัสดุ ตลอดจนการช่วยยกระดับอารมณ์ความสปอร์ต จากการนำโทนสีแดงเข้ามาเติมแต่ง และความ “คุ้นหน้า คุ้นตา” ดังกล่าวก็ยังรวมไปถึงเรื่อง “ออปชั่น” เช่นกัน ซึ่งในมุมมองของ “เรา” ถือว่า “ไม่มาก ไม่น้อย” แต่ “เพียงพอ” สำหรับการใช้งาน

อาทิ หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว สไตล์สปอร์ตแบบ RS ซึ่งดีไซน์ขึ้นมาเฉพาะรุ่น e:HEV RS เท่านั้น

ต่อเนื่องกับ พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น มาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ แล้วก็ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ที่หน้าตาเหมือนแป้นเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) , ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่มากับช่องปรับอากาศตอนหลัง

ส่วนต่อมาคือสิ่งที่เรายังคงชื่นชอบในความใส่ใจของ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เรื่องนั้นก็คือ ระบบความปลอดภัย ซึ่งแม้ Honda City จะเป็น Entry Level ในสารบบ แต่ก็สามารถพูดได้ว่าครบครัน ไม่แพ้พี่ๆ น้องๆ ในสังกัด เช่น

การเอาเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในการขับขี่ผ่าน 6 ฟังก์ชั่นหลักๆ ประกอบด้วย ระบบเตือนการชน พร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (LKAS), ระบบเตือน และช่วยควบคุม เมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW),

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (LSF) และ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)

ส่วนระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ก็จัดมาให้แน่นๆ เช่นกัน ไล่ลงมาตามหัวข้อ Equipment จะประกอบด้วย ระบบแสดงภาพมุมอับสายตา ขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), ระบบล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) (4), ถุงลมคู่หน้า, ถุงลมด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลมด้านข้าง,

ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า, ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA), สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS), กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ,

เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง, เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง, ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย, ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed), ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder), จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor), กุญแจแบบ Wave Key แล้วก็ไฟเบรกดวงที่ 3

ในเรื่องของขุมพลัง ยังคงเป็นบล็อกเดียวกันกับเวอร์ชั่น Sedan ซึ่งโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Full Hybrid e:HEV ผสมผสานการทำงาน ระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน แบบเบนซินชนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่ง 1 ตัว จะทำหน้าที่เป็น Generator ปั่นไฟ

และอีก 1 ตัว จะทำหน้าเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อน ให้กำลังแรงบิดรวมจากทั้ง 2 ระบบ ที่ดุเดือดไม่เบา คือ 253 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT โดยมีโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ 3 รูปแบบ คือ EV Drive Mode, Hybrid Drive Mode และ Engine Drive Mode

ส่วนอรรถรสการขับ ความรู้สึกหลักๆ ของ City e:HEV ไม่ว่าจะเป็น Sedan หรือ Hatchback ก็ตาม จะค่อนข้างมีความเหมือนกัน คือ สัมผัสที่รับรู้ได้มีความคล้ายกับกำลังขับขี่ ยนตรกรรมขนาดระดับ Accord ก็ว่าได้ เช่น ความรู้สึกจากช่วงล่างที่ปรับเซ็ทมานุ่ม หนึบ เพื่อรองรับน้ำหนักของระบบ Full Hybrid e:HEV ที่เพิ่มขึ้นมา

จุดต่อมา คือ การตอบสนองของพวงมาลัย และคันเร่ง ที่ดูเหมือน City e:HEV จะนิ่งกว่า ยิ่งถ้าใครเพิ่งลงจาก เวอร์ชั่น Vtec Turbo แล้วโดดขึ้นไปขับต่อ เวอร์ชั่น e:HEV ทันที น่าจะสัมผัสความต่างได้ไม่น้อย เพราะฉะนั้นใครที่ชอบอารมณ์การขับสไตล์สปอร์ต เวอร์ชั่น Vtec Turbo น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า

 และเหตุผลที่บุคลิกของ เวอร์ขั่น Vtec Turbo และ เวอร์ชั่น e:HEV มีความต่าง ก็เพราะจุดประสงค์ของเวอร์ชั่น e:HEV จะเน้นไปที่ “ความประหยัด” แบบชัดเจน ฉะนั้นอารมณ์การขับขี่ ที่คล้ายไปในลักษณะของรถพิกัดใหญ่ คือ

สิ่งที่จะทำให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้คันเร่งให้ “เนียน” ขึ้น เพื่อใช้แรงบิดระดับ 253 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที อย่างคุ้มค่า และประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด ซึ่งตัวเลขจากโรงงานเคลมเอาไว้ที่ 27.8 กม./ลิตร เลยทีเดียว

และหาก “เนียน” คันเร่งได้ดีพอ เราเชื่อว่าคุณจะพบ “ความสบาย” ที่แม้ว่า Honda City Hatchback e:HEV RS จะเป็นยนตรกรรมพิกัดเล็ก แต่เมื่อเริ่มได้ลอยลำนิ่งๆ บนความเร็วเดินทาง รับรองว่าคุณจะเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ไม่น้อยทีเดียว แถมด้วยแรงบิดที่มีมากถึง 253 นิวตันเมตร ก็สร้างความมั่นใจได้มากพอในการเร่งแซง

ส่วนการเร่งแซงของ เวอร์ชั่น e:HEV จะต่างจากเวอร์ชั่น Vtec Turbo ที่มาพร้อมรอบเครื่องคำราม เพราะในเวอร์ขั่น เวอร์ชั่น e:HEV จะเป็นไปแบบนิ่งๆ ด้วยแรงบิดแน่น สร้างแรงดึงให้สัมผัส แล้วก็ผ่านไปอย่างสบายๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ซึ่งด้วยพฤติกรรมแบบนั้นแหละครับที่เรา “ชอบ” ไปแบบนิ่งๆ เนียนๆ ไม่ต้องกระโชกโฮกฮากให้สิ้นเปลือง แต่ในทุกๆ พฤติกรรมการขับขี่ต้องมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ City Hatchback e:HEV RS แสดงศักยภาพออกมาได้มากที่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่เราชอบ อาจไม่ใช่สิ่งที่หลายๆ คนชอบ เพราะฉะนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุด คือ การทดลองขับด้วยตัวเอง น่าจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ดีที่สุด เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ว่าใน Honda City ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันนั้น

มีให้เลือกถึง 2 ไลน์อัพด้วยกัน คือ เวอร์ชั่นเครื่องยนต์ Vtec Turbo และเวอร์ชั่น Full Hybrid e:HEV ซึ่งมีอรรถรสการขับที่ค่อนข้างต่างกันไม่น้อยทีเดียว ฉะนั้นการจะตอบคำถามตัวเองได้ดีที่สุด คือ “ลองขับ” เท่านั้น

Specification: Honda City Hatchback eHEV RS

• Price: 799,000 BHT
• Engine: 1,498 CC / 4 Cylinder / 16 Valve 98 hp @ 5,600 – 6,400 rpm / 127 Nm @ 4,500 – 5,000 rpm 
• Electric Motor: 109 @ 3,500 – 8,000 rpm / 253 Nm @ 0 – 3,000 rpm 
• Transmission: E-CVT
• Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
• Weight: 1,237 Kg.