BMW 4-Series & Merc E-class Cabriolet
The Night of Memories
“มันอาจไม่ใช่ทั้ง AMG และ M โดยเนื้อแท้ก็จริง แต่ถ้าคุณมีโอกาสได้ “ซิ่ง” ทั้ง BMW 420d Coupe M Sport และ Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus ในเวลาที่จำกัดเพียงคืนเดียวล่ะก็ เชื่อเถอะว่าต่อให้ต้อง “อดหลับอดนอน” คุณก็คงยอมเหมือนผม”
นี่คือ 2 ยนตรกรรมที่มีความพิเศษ และยากนักหากจะหาโอกาสจับมาเจอกัน ต่อให้มาพร้อมนามสกุลพ่วงท้ายว่า AMG แต่มันก็ยังเป็น E – Class ที่เรียบร้อย แต่อะไรก็ยังไม่แน่นอน จนกว่าเราจะควบมันด้วยความเร็วสูง ลิ้มรสความเร็วสูงขณะเปิดหลังคาอย่างสะใจราวกับคนบ้า และกล้าเล่นกับโค้งได้อย่างอย่างไม่หวาดหวั่น การห้ำหั่นแบบเบาๆ ของ 2 แบรนด์เยอรมันจึงเกิดขึ้นบนทางหลวงในยามวิกาลของค่ำคืนนี้ แน่นอนว่า Merc นั่งสบาย ในขณะที่ 420d Coupe M Sport เน้นความสปอร์ตมากกว่าด้วยความ “แน่น” ของค็อกพิท
BMW 420d Coupe M Sport ดูจะเป็นรถที่ขับสนุกมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อคุณกระแทกคันเร่งหนักๆ ในขณะออกตัว ด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำเตี้ย เรี่ยพื้น ทำให้การซิ่งในครั้งนี้มันส์สะใจขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะในโค้ง 20 นาทีผ่านไป BMW 420d Coupe M Sport ก็ทะยานสู่ความเร็วสูงอีกครั้ง และผมเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องแปลก”
ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืนหนึ่งในขณะที่ชาวกรุงเทพฯ ต่างหลับใหล แต่ Torque Magazine กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นไม่ หากแต่ยังคงรอเวลาอันเหมาะสมเพื่อขับเคลื่อนความเร้าใจครั้งใหม่กับ 2 ยนตรกรรมจากเมืองเบียร์ผู้มากับสไตล์ที่ต่างกัน คือ BMW 420d Coupe M Sport และ Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus
เวลาเลยเที่ยงคืนนิดๆ คือ จุดเริ่มต้นของปฏิบัติการในครั้งนี้ พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ 2 สายพันธ์ที่ถูกสตาร์ทขึ้น นำโดยเสียงแหบต่ำของขุมพลังดีเซล 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ตามด้วยชุดไฟหน้า Xenon ดวงกลมที่สว่างขึ้น ในขณะที่ Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus มากับเสียงทุ้มนุ่มลึกจากขุมพลังเบนซิน 4 สูบ พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged พร้อมด้วยการสว่างวาบของชุดไฟหน้าแบบ LED Intelligent และความเหนือชั้นกว่าด้วยหลังคาเปิดผ้าใบเปิดประทุนที่ถูกเปิดออกรับสายลมยามดึกสงัดในเวลานี้
สำหรับคนอื่นมันอาจะเป็นเรื่องง่ายที่จะ “เลือก” ลิ้มรสเพียงคันใด คันหนึ่ง แต่สำหรับผม “ไม่” เพราะนี่คือ 2 ยนตรกรรมที่มีความพิเศษ และยากนักหากจะหาโอกาสจับมาเจอกัน เพราะฉะนั้นต่อให้ดึกดื่น และเสียเวลามากแค่ไหน ผมก็จะต้องลองขับมันเท่าๆ กันทั้ง 2 คันให้ได้ โดยงานนี้ผมขอเริ่มที่คันโดดเด่นที่สุดอย่าง Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus ซึ่งเปิดหลังคารอผมอยู่แล้ว ณ ตอนนี้
Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus ที่มากับความโดดเด่นจากพื้นฐานของ E – Class ซึ่งผ่านการยกระดับด้วยหลังคาเปิดประทุน Cabriolet และชุดพาร์ทรอบคันจากสำนักคุ่ญอย่าง AMG Plus ประกอบไปด้วย สปอยเลอร์หลังชิ้นเล็กสีเดียวกับตัวรถ ตามด้วยความหล่อเหลาจากล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว แบบ 7 ก้านคู่ สี High Gloss Black ประกอบกับหลังคาผ้าใบเปิดประทุนแบบ Cabriolet และเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วสำหรับการสร้างความโดดเด่นบนท้องถนน ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นยังคงเป็นอารมณ์ของ E- Class เช่นกัน เพียงแต่เพิ่มอารมร์ความสปอร์ตเข้าไปอีกระดับด้วยโทนสีดำ-แดง ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมอย่างหนัง ARTICO และ DINAMICA Microfiber ส่วนอุปกรณ์อำนวยควาสะดวกต่างๆ ภายในห้องโดยสารนั้นคุ้นหน้า คุ้นตากันดีอยู่แล้ว ฉะนั้นผมจึงไม่มาอธิบายให้เสียเวลา และเปลืองหน้ากระดาษดีกว่า เอาเป็นว่าใส่เกียร์แล้วเดินคันเร่งให้เต็มที่บนถนนสายนี้ ที่ว่างราวกับเราเป็นเจ้าของดีกว่า
เครื่องยนต์ 2 ลิตร เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พละกำลัง 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 1,200 – 4,000 รอบต่อนาที กำลังส่งเสียงทุ้มต่ำ รอรับการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ไปที่ D จากก้านเล็กๆ ที่คอพวงมาลัย และด้วยบุคลิคจากม้าศึกที่วางตำแหน่งเน้นความเรียบร้อย หรูหรา ฉะนั้นต่อให้คุณยกเท้าออกจากแป้นเบรก เจ้า Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus ก็ยังไม่พรวดพราดราวกับม้าดีดกะโหลกในทันที หากแต่ค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างงามสง่า และนุ่มนวลในรอบเดินเบา ต่อเนื่องด้วยความเร็วที่ขยับขึ้นตามสั่งจากน้ำหนักของเท้าขวาที่กดลึกลงเรื่อยๆ
ใช่ครับ!!! … ต่อให้มาพร้อมนามสกุลพ่วงท้ายว่า AMG แต่มันก็ยังเป็น E – Class ที่เรียบร้อย แต่อะไรก็ยังไม่แน่นอนจนกว่าเราจะควบมันด้วยความเร็วสูง เพราะสิ่งที่เป็นเงื่อนไขหลักของความสปอร์ตดูท่าจะเป็นเบื้องล่างมากกว่า ตั้งแต่ระบบช่วงล่างแบบ AGILITY CONTROL SPORT ผสมผสานกับล้ออัลลอยด์จาก AMG ที่อัพไซส์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 19 นิ้วที่มากับยางสปอร์ตขนาด 235/35 R19 ในด้านหน้า และ 255/30 R19 ในด้านหลัง ซึ่งนั่นคือที่มาของอารมณ์การขับขี่ที่ต่างออกไปจากเดิมอย่างชัดเจน กับสไตล์ที่หนักแน่นเจือปนด้วยความนุ่มหนึบ ตลอดจนการทรงตัว และการยึดเกาะถนนที่มั่นใจจากยางหน้ากว้าง
ในโหมดการขับขี่จากตำแหน่งเกียร์ D สัมผัสจากช่วงล่างสำหรับคนที่โอนเอียงไปทางอารมณ์ความสปอร์ตดูน่าจะถูกใจมากขึ้นกับฟฟิลลิ่งในสไตล์นี้ เพราะไม่ว่าจะคุณจะปรับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก 3 แบบ คือ “E” (สำหรับการขับขี่แบบประหยัด), “S”(สำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต) ตลอดจน “M”(สำหรับการขับขี่แบบเกียร์ธรรมดา) ความรู้สึกของช่วงล่างที่สื่อสารจากยางขึ้นมาถึงตัวผู้ขับขี่ก็ยังมีความสปอร์ตเจือปนอยู่ด้วยเสมอ และมันก็ถูกใจเราไม่น้อยทีเดียว และจะยิ่งสะใจมากขึ้นไปอีกระดับ โดยเฉพาะกับการขับขี่ในโหมด S และ M
ซึ่งขณะลอยลำหากปรับเปลี่ยนมาใช้โหมด S คุณจะรู้สึกได้ถึงความกระปรี้ กระเปร่า ด้วยพลังที่พร้อมจะพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าในทันทีเพียงแค่กระแทกเท้าขวาลงไปบนแป้นคันเร่ง ในขณะที่โหมด M สาวกเกียร์ Manual คงถูกใจเพราะมันสามารถลากราบได้อย่างสะใจในแต่ละเกียร์ พร้อมกับการกลืนกินถนนเบื้องหน้าด้วยเกียร์ถัดไปง่ายๆ จากการกระดิวนิ้วเบาใส่แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัยแบบเดียวกับที่เรากำลังทำมันอยู่ในขณะนี้กับระดับความเร็วบนมาตรวัดที่ 140-150 กม./ชม. และแน่นอนหลังคาเราก็ยังเปิดอยู่ด้วยเช่นกัน
ผมพา Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus คันสีดำซิ่งฝ่าความมืดยามวิกาลด้วยเร็วที่เวลากลางวันคงไม่สามารถทำได้ ลิ้มรสความเร็วสูงขณะเปิดหลังคาอย่างสะใจราวกับคนบ้า และกล้าเล่นกับโค้งได้อย่างอย่างไม่หวาดหวั่นด้วยแรงสนับสนุนจากสมรรถนะอันแตกต่างจาก E – Class ที่เคยสัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ จนกระทั่งมีแสงกระพริบจากไฟหน้า Xenon ของรถที่ไล่กวดมาด้วยความเร็วพอๆ กันจากด้านหลัง จนกระทั่งมาตีขนาบด้านข้าง จึงได้รู้ว่าเสือร้ายจากเยอรมันอีกลำที่จอดรออยู่คงเกิดอาการรอไม่ไหว และอยากรู้ว่า Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus จะยอดเยี่ยมแค่ไหนบนความเร็วสูง
และท้ายที่สุดสงครามก็เริ่มขึ้น การห้ำหั่นแบบเบาๆ ของ 2 แบรนด์เยอรมันจึงเกิดขึ้นบนทางหลวงในยามวิกาลของค่ำคืนนี้ โดยมี Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus นำ และ BMW 420d Coupe M Sport ไล่ตามขนาบข้างมาติดๆ จากมุมมองของผม BMW 420d Coupe M Sport นั้นทรวดทรงองค์เอวเต็มเปี่ยมด้วยความสปอร์ต และปราดเปรียวเอาเรื่องทีเดียว ในขณะที่ Merc ยังคงพื้นฐานของความหรูหรา และเติมความสปอร์ตด้วยทรงเครื่องเล็กๆ จาก AMG แต่ BMW 420d Coupe M Sport นั้นดูจัดเต็มมากกว่า ตั้งแต่กระจังหน้าทรงไตคู่ที่ดุดัน และชุดไฟหน้าทรงเฉี่ยว ยกระดับรูปลักษณ์สู่สายพันธ์ M ด้วยชุดพาร์ทรอบคัน, ล้ออัลลอยด์จาก M ขนาด 19 นิ้วกับยาง 225/40 R19 ด้านหน้า และ 255/35 R19 ด้านหลัง และโลโก้สัญลักษณ์จาก M ติดตั้งหลังซุ้มล้อหน้า ตลอดจนขอบหน้าต่างสีดำเงา ซึ่งมันดูยั่วยวนใจเป็นอย่างมาก จนผมต้องคว้าวิทยุสื่อสารไปติดต่อหาจุดในสถานีบริการน้ำมันข้างหน้าเพื่อเปลี่ยนรถ และหาเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อเติมพลังให้ตัวเอง
พนักงานที่สถานีบริการน้ำมันดูท่าจะแปลกใจไม่น้อย เมื่ออยู่ๆ ก็มี Benz เปิดประทุนเลี้ยวเข้ามาจอดหน้ามินิมาร์ท ตามด้วย BMW สปอร์ตอีกคัน โดยหลังพักซักครู่ ผมก็คว้ากุญแจ BMW 420d Coupe M Sport ที่ตกแต่งด้วยแถบสีฟ้า สั่งปลดล็อคประตู และหย่อนตัวเองลงสู่ตำแหน่งคนขับและรู้สึกว่ามันแน่นกระชับกว่า Merc เมื่อซักครู่ เพราะฉะนั้นถ้าถามถึงความสบายในการขับขี่ แน่นอนว่า Merc นั่งสบาย ในขณะที่ 420d Coupe M Sport เน้นความสปอร์ตมากกว่าด้วยความ “แน่น” ของค็อกพิท ซึ่งก็ไม่อยู่ในระดับที่อึดอัด แต่คิดว่าระดับผู้หลัก ผู้ใหญ่ คงไม่ถูกใจนัก แต่สำหรับเรามันรู้สึกยอดเยี่ยมมากๆ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ใน Pure Sport Car หรือ Roadster สุดเจ๋งอย่างตระกูล Z ของ BMW เลยทีเดียว
ขุมพลังดีเซล 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ถูกปลุกขึ้น โดยมีพละกำลัง 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาทีพลุ่งพล่านอยู่ใต้เท้าขวา แต่นั่นไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้เราได้มากนักเมื่อเทียบกับแรงบิดระดับ 400 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบส่งกำลังนั้น BMW มากับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic ในขณะที่ Merc มากับเกียร์ 7 สปีด 7G – Tronic ที่ส่งกำลังได้อย่างนุ่มนวล และต่อเนื่องอย่างน่าประทับใจ จนเราแอบเก็บมาเปรียบเทียบกับ 420d เป็นอย่างแรกทันทีที่ลงสู่ถนน และผลสรุปก็คือเกียร์ทั้ง 2 ลูกจากทั้ง 2 คันต่างก็ส่งถ่ายกำลังได้อย่างเรียบลื่นไม่แพ้กัน แต่เกียร์ 8 สปีดของ BMW น่าจะมากับอัตราทดที่ชิดกว่า ทำให้รู้สึกได้ถึงอัตราความเร็วที่ติดเท้ามากกว่า อีกทั้งการใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ซึ่งมีแรงบิดสูงในรอบต่ำก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ BMW 420d Coupe M Sport ดูจะเป็นรถที่ขับสนุกมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อคุณกระแทกคันเร่งหนักๆ ในขณะออกตัว เพราะมันจะสร้างแรงดึงอย่างสะใจในเสี้ยววินาทีเลยทีเดียว
ส่วนโหมดการขับขี่นั้น BMW 420d Coupe M Sport ก็มากับทางเลือกที่มากกว่า ตั้งแต่ Eco Pro ที่เน้นความประหยัด, Comfort ที่เน้นความนุ่มนวลมากขึ้น, Sport ชื่อนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก และ Sport+ ซึ่งยกระดับความสปอร์ตขึ้นอีกขั้น โดยทั้ง 2 โหมดนี้จะทำการปรับแต่งทั้งชุดช่วงล่าง ระบบส่งกำลัง และการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้คุณได้ลิ้มลองสมรรถนะของ BMW 420d Coupe M Sport ได้อย่างเต็มพิกัด อีกทั้งมันคือโหมดโปรดของเราในทุกๆ ครั้งที่นั่งหลังพวงมาลัยของยนตรกรรมจากค่ายนี้เช่นกัน และนอกจากความเฟิร์มในทุกๆ สัมผัสแล้ว การปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่มาใช้แบบ Manual ไม่ว่าจะเป็นการขยับคันเกียร์ หรือกระดิกนิ้วใส่แป้น Paddle Shift ก็ยังเป็นอีกหนึ่งจานโปรดของเราด้วยเช่นกัน
ฟังค์ชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกของ BMW 420d Coupe M Sport ยังเป็นอะไรที่คุ้นเคยทำให้ผมขับไป และสามารถเปิดสถานีวิทยุที่ชื่นชอบได้อย่างง่ายดายจาก iDrive บนคอนโซลเกียร์ ที่มีลักษณะการควบคุมเช่นเดียวกับ Merc ที่ทำเพียงแค่หมุนๆ กดๆ ซึ่งในเวลาไม่นานเสียงเพลงก็กระหึ่มห้องโดยสาร ช่วยเพิ่มอรรถรสการขับขี่มันส์ได้มากขึ้นไปอีกระดับ แต่กับ Merc เราซิ่งขณะเปิดหลังคาซะเป็นส่วนใหญ่ เลยทำให้มีเสียงภายนอกสอดแทรกอยู่ด้วย แต่เราก็เชื่อว่าถ้าปิดหลังคาชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมของ Merc ก็คงมีประสิทธิภาพได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่
ผมพา BMW 420d Coupe M Sport ส่งเสียงสนั่นบนความมืดมิดของถนนเบื้องหน้า เพื่อกลับสู่จุดหมายปลายทาง และด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำเตี้ย เรี่ยพื้น ทำให้การซิ่งในครั้งนี้มันส์สะใจขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะในโค้งกับความสามารถในการเกาะติดถนน และไหลลื่นไปตามองศาโค้งได้อย่างกับรถราง ก่อนจะเติมคันเร่งที่ปลายโค้งส่งรถออกสู่ทางตรงอย่างเนียน โดยมี Merc ที่ยังคงเปิดหลังคาไล่ตามมาด้านหลังในไลน์การขับขี่เดียวกัน แต่ประมาณการจากท่าคนขับแล้วดูเหมือน Merc จะขับขี่ได้ค่อนข้างสบายกว่า ในขณะที่ผมต้องเพ่งสมาธิในการขับขี่ 420d Coupe M Sport เพิ่มขึ้น เพราะด้วยอาการของรถที่มีความเป็นสปอร์ตมากว่า และเป็นที่ขับสนุกกว่าจากแรงบิดรอบต่ำของเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ที่ตอบสนองได้สะใจ
ถ้าเทียบกันผมชอบเสียงคำรามของเครื่องยนต์เบนซินจาก Merc มากกว่าเสียงเครื่องยนต์ดีเซลของ BMW โดยเฉพาะในรอบเดินเบา แต่ถ้าถามถึงอรรถรสการขับขี่ อันนี้ต้องบอกว่าตามสไตล์ความชอบ เพราะเราบอกได้เพียง Merc มีความเป็นกลางมากกว่า นั่นหมายถึงมันสามารถเป็นได้ทั้งรถสปอร์ตแสนเฉี่ยวเมื่อเปิดหลังคา และจะกลายเป็นความหรูหราในตระกูล E – Class ได้ในทันทีเมื่อทำการปิดหลังคา ในขณะที่สมรรถนะโดยรวมนั้นก็ยังคงยึดความสบายในการขับขี่เป็นแนวทางหลัก และดึงความสปอร์ตเข้ามาเป็นทัพเสริม ดังที่สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของช่วงล่าง น้ำหนักพวงมาลัยที่ยังคงรู้สึกเบาไปบ้างแม้จะขยับสู่ความเร็วสูงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถให้ความมั่นใจได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นการยากที่ Merc จะกลายเป็นรถที่สามารถใช้งานได้ในทุกๆ วันแบบไม่ต้องคิดมาก
ส่วน BMW 420d Coupe M Sport ที่ดูเหมือนรถ Coupe ทั่วๆ ไป คือ ตัวแทนยนตรกรรมสปอร์ตเต็มขั้นตามสไตล์ของ BMW ที่เน้นความกระชับทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ และอรรถรสการขับขี่ที่สาวกความสปอร์ตจะต้องชื่นชอบ ตั้งแต่ตำแหน่งการนั่ง, พวงมาลัยวงอวบที่จับได้แน่นกระชับ, แรงตอบสนองของพละกำลังเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ และการแข็งขันตึงตังของระบบช่วงล่างที่บางคนอาจจะว่าแข็งไปซักนิด แต่นั่นแหละครับคือ “เสน่ห์” หรือพูดง่ายๆ ว่า BMW ยังคงเอกลักษณ์ของยนตรกรรมในสังกัดเอาไว้อย่างครบถ้วน ที่เหล่าสาวกน่าจะเข้าใจ และชื่นชอบ
เพราะฉะนั้นผมถึงกล้าพูดได้เต็มปากว่า Merc ยังคงเป็นยนตรกรรมที่มีความเป็นกลาง และสามารถเข้าถึงได้ในทุกวัย และทุกสไตล์การขับขี่ ในขณะที่ BMW นั้นน่าจะเหมาะสมกับผู้ที่ชื่นชอบ และหลงใหล ในสิ่งที่เป็นจิตวิญญาณของยนตรกรรมจากค่ายใบพัดฟ้า-ขาวมากกว่า
หลังจากผ่านศึกความเร็วสูงกับ 2 ยนตรกรรรม เราก็กลับมาแวะจอดพักอีกครั้ง และทั้งๆ ที่เหลือเพียงอีกไม่กี่ชั่วโมง อรุณรุ่งแห่งวันใหม่ก็จะมาเยือน แต่… ณ เวลาที่ถนนโล่งสนิทเช่นนี้ “ความเสียดาย” กลับกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้า แน่นอนว่าใสความเสียดายนั้นมันเจือปนด้วย “ความไม่อิ่มเอม” ในรสสัมผัส เพราะฉะนั้นก่อนที่ค่ำคืนนี้จะหมดลงอย่างจริงจัง ผมจึงขอใช้เวลาที่เหลือกับทั้ง 2 ยนตรกรรมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมขอ “ละเลียด” ในความเร็วแบบปกติทั่วไป
โดย BMW 420d Coupe M Sport คือ ตัวเลือกแรกในรอบนี้ กับความเร็วเดินทางปกติตามกฏหมายเมืองไทย ซึ่งข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ว่าคุณจะใช้ความเร็วในระดับไหนก็ตาม BMW 420d Coupe M Sport มันก็ยังเป็นยนตรกรรมที่เลือกนำเสนอความสปอร์ตเป็นหลักอย่างชัดเจน จากองค์ประกอบทางด้านไดนามิคทั้งหมด แถมเหมือนมันยังมีนัยยะเล็กๆ ที่ราวกับจะบอกเราว่า BMW 420d Coupe M Sport ไม่ชอบเลยที่จะอัดอั้นพลัง และคืบคลานอย่างเชื่องช้าในความเร็วต่ำ เพราะทุกครั้งที่กดน้ำหนักเท้าขวาเพียงเล็กน้อย มันก็ดิ้นพรวดพราดไปทะยานสู่เบื้องหน้า ในขณะที่ผมเองก็พยายามอดทนที่จะขับในความเร็วปกติ แต่ 20 นาทีผ่านไป BMW 420d Coupe M Sport ก็ทะยานสู่ความเร็วสูงอีกครั้ง และผมเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะต่อให้ใครขับก็คงอดใจได้ยากหากประจำการอยู่หลังพวงมาลัยของ BMW 420d Coupe M Sport แม้จะต้องเพิ่มสมาธิในการขับมากขึ้นก็ตาม เพราะด้วยความสปอร์ตของระบบช่วงล่าง Adaptive M การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วันจะทำให้คุณรู้สึกราวกับขี่หัวคลื่นแม้ถนนไม่เรียบ … ใช่ครับผมหมายถึงมันจะได้ความรู้สึกเนียน และลื่นไหลกว่าปล่อยให้หน้ายาง และช่วงล่างเก็บรายละเอียดของพื้นถนนทั้งหมด โดยมันหมายถึงคุณจะรู้สึกถึงความแข็งที่น้อยกว่านั่นเอง ซึ่งผมอธิบายให้ทีมงานซึ่งกำลัง “งง” ว่าทำไมผมวนกลับมาเร็วกว่าที่ควรจะเป็นทันทีที่กลับมาถึง และย้ายตัวเองมาประจำการใน Merc กับโหมดปิดหลังคา
สำหรับ Merc ยนตรกรรมที่ผมกล้าบอกว่ามันสามารถเข้าถึงง่ายกว่า และเหมาะกับทุกวัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดความเร็วสูง หรือความเร็วปกติ มันก็ยังคงให้ความสบายในการขับขี่เช่นเดิม และดูเหมือนในการขับขี่แบบปกติจะเป็นอะไรที่สบายมากกว่าซะด้วย เพราะด้วยพื้นฐานของช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลตามสไตล์ E – Class แม้จะเพิ่มขนาดของล้อเป็น 19 นิ้วเพื่อความเฟิร์มขึ้นอีกระดับ แต่ระบบช่วงล่างก็ยังคงซึมซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ในความเร็วสูงจะยังไม่ประทับใจกับความสปอร์ตมากเท่ากับ BMW แต่กับเมืองไทยที่ต่อให้มีรถแรงแค่ไหนก็ไปไม่รอด เพราะรถติดยาวเหยียดสุดลูกหู ลูกตา แถมยังมีกฏหมายบังคับความเร็วที่พร้อมจะเอาผิดคุณได้ทุกเมื่ออีกด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เลยทำให้ผมคิดว่า Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus ดูจะมีภาษีเหนือกว่าไม่น้อยทีเดียวจากมุมมองของคนทั่วๆ ไป โดยเฉพาะกับตัวถังเปิดประทุนแบบ Cabriolet ที่สร้างจุดสนใจได้ดี ทั้งยังสามารถขับสนุกๆ ได้ในความเร็วสูง และขับสบายๆ ได้ตั้งแต่ออกตัวจนถึงย่านความเร็วเดินทางปกติ และที่สำคัญก็คือคุณสามารถเปิดหลังคาวิ่งได้ในทุกย่านความเร็ว และไม่ว่าเวลาไหนมันก็ยังคงหล่อจนสาวเหลียวได้เสมอ
|
บทสรุปจากกลางดึกจนเกือบย่ำรุ่งของการทดลองขับทั้ง BMW 420d Coupe M Sport และ Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus สำหรับผมก็คือ ถ้าให้เลือกเพียงคันใดคันหนึ่งล่ะก็ มันคงเลือกยากพอๆ กับการหวังให้นักการเมืองไทยเลิกทุจริต เพราะทั้ง 2 คันต่างก็มีสไตล์ และอรรถรสการขับขี่อันโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าทำได้ผมเองก็คงอยากมีทั้ง 2 คันไว้ในครอบครอง เพราะทั้ง BMW 420d Coupe M Sport และ Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG Plus นั้นเรียกได้ว่าเป็นความหล่อเหลาที่ครบครัน และสามารถควงคู่ไปไหนก็ได้ในทุกวัน และทุกสถานการณ์
|
Specification BMW 420d Coupe M SportPrice : 3,699,000 BHT Engine : 1,995 CC / Diesel 4 Cylinder 16 Valve BMW TwinPower Turbo / 190 hp @ 4,000 rpm / 400 Nm @ 1,750 – 2,500 rpm Transmission : 8A/T Sport Tronic / Rear Wheel Drive Performance : 0 – 100 Km/h @ 7.1 Sec / Top Speed 232 Km/h Weight : 1,575 Kg. Specification Mercedes – Benz E 250 Cabriolet AMG PlusPrice : 4,690,000 BHT Engine : 1,991 CC / 4 Cylinder 16 Valve Turbo Intercooler / 211 hp @ 5,500 rpm / 350 Nm @ 1,200 – 4,000 rpm Transmission : 7G Tronic Plus / Rear Wheel Drive Performance : 0 – 100 Km/h @ 7.5 Sec / Top Speed 245 Km/h Weight : N/A |