Breaking News

ครบรอบ 10 ปี “Porsche Panamera” ยนตรกรรมสปอร์ตซาลูนสุดหรู

ข่าวสด รถยนต์ วันนี้ (29/05/19) ครบรอบ 10 ปี Porsche Panamera เกียรติยศแห่งความสำเร็จของยนตรกรรมหรู นับตั้งแต่ปี 2009 ผู้บุกเบิกขุมพลังไฮบริด

10 years of Porsche Panamera

ข่าวสด: ครบรอบ 10 ปี “Porsche Panamera” ยนตรกรรมสปอร์ตซาลูนสุดหรู

หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆ

เราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้

สตุ๊ทการ์ท. ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ปอร์เช่ได้เผยโฉมรถยนต์เพื่อรองรับตลาดกลุ่มใหม่ นั่นคือ Panamera บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำจากประเทศเยอรมนี นำเสนอยานยนต์แกรน ทัวริสโม่สายพันธุ์แรกเมื่อเดือนเมษายน 2009 นี่คือยานพาหนะสุดหรูที่ไม่มีคู่แข่งรายใดเทียบเคียงได้ ยนตรกรรมที่ผสมผสานระหว่างสมรรถนะชั้นเลิศที่ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้จากรถสปอร์ต

หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความหรูหรา และเปี่ยมด้วยอรรถประโยชน์ของรถยนต์ซาลูน ในช่วงแรก ปอร์เช่วางแผนกำลังการผลิตไว้เพียง 20,000 คันต่อปี หลังจากนั้นเป็นต้นมาความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายส่งผลให้ Panamera มียอดส่งมอบที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 235,000 คัน

ยานยนต์ที่เป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี และถ่ายทอดความเหนือชั้นต่อไปยังปอร์เช่รุ่นอื่น ๆ

10 years of Porsche Panamera

“ในฐานะของยานยนต์ที่เป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี และถ่ายทอดความเหนือชั้นต่อไปยังปอร์เช่รุ่นอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญยิ่งของPanamera ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประวัติศาสตร์ของแบรนด์ตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา” ข้างต้นคือ ความเห็นของ Michael Steiner อดีตรองประธานกรรมการส่วนงานการผลิต

ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการบริหารส่วนงานวิจัย และพัฒนา “จากความหลากหลายของขุมพลังขับเคลื่อนไฮบริดสมรรถนะสูง ถือได้ว่านี่คือการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าของปอร์เช่อย่างแท้จริง”

ปัจจุบันนี้ เจเนอเรชันที่ 2 ของสปอร์ตซาลูนจากปอร์เช่ ได้รับการผลิตขึ้นในโรงงาน Leipzig พร้อมตอบสนองทางเลือกที่ด้วยตัวถัง 3 สไตล์ โดยมี Thomas Friemuth รับหน้าที่เป็นรองประธานกรรมการส่วนงานการผลิตตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2018 เป็นต้นมา

รถต้นแบบ 4 ที่นั่งคันแรก พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของ Porsche 356

ประวัติความเป็นมาของรถสปอร์ต 4 ที่นั่งจากปอร์เช่ ย้อนกลับไปในภูมิหลังของบริษัทเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 70 ปี วิศวกรของปอร์เช่ได้เคยนำเสนอแนวคิดดังกล่าวในช่วงยุค 1950 โดยพวกเขาทำการพัฒนารถยนต์ 4 ที่นั่งอันแสนสะดวกสบาย ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก Porsche 356 นั่นคือรถยนต์ที่มีชื่อว่า Type 530

ซึ่งได้รับการขยายความยาวฐานล้อ เพิ่มขนาดของประตู รวมทั้งยกระดับความสูงของหลังคาห้องโดยสารตอนหลัง ก่อให้เกิดวิวัฒนาการอื่น ๆ ที่ตามมาอีกมากมาย อาทิ รถต้นแบบ 4 ประตูอันมีพื้นฐานมาจาก Porsche 911 ต่อมาในช่วงยุค 1980 ปอร์เช่ 928 ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น และ Ferry Porsche ได้เลือกใช้รถยนต์รุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถส่วนตัวของเขา

ในปี 1988 ความพยายามครั้งใหม่ของปอร์เช่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาด้วย Type 989 รถสปอร์ต 4 ประตูคูเป้ ที่มาพร้อมพื้นที่ตอนหลัง สำหรับผู้โดยสาร 2 ที่นั่งอย่างเต็มรูปแบบประจำการด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ติดตั้งใต้ฝากระโปรงหน้า ทั้งนี้งานออกแบบของรุ่น 989 ได้รับการถ่ายทอดมาถึง

Porsche 911 ในรุ่นรหัสตัวถัง 993 ที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับรถต้นแบบคันอื่นก่อนหน้า Porsche 989 ยังคงเป็นได้แค่เพียงรถยนต์ต้นแบบ ด้วยสาเหตุด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาต่อยอดรถยนต์รุ่นดังกล่าวจึงถูกยุติลงในช่วงต้นปี 1992

Mirage, Meteor และ Phantom: เปิดไฟเขียวอนุมัติการผลิต Panamera

เริ่มต้นยุคมิลเลเนี่ยม ปอร์เช่ศึกษาทิศทางของตลาดรถยนต์ และวิเคราะห์คู่แข่งอย่างจริงจัง ผลคือการตัดสินใจพัฒนา รถสปอร์ต 4 ประตูซาลูนทรง hatchback อีกครั้ง ก้าวย่างของการเจาะเข้าสู่ตลาดรถยนต์ระดับหรูไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เกินกว่าจะเพิกเฉยอีกต่อไป ดังนั้นแล้ว Wendelin Wiedeking ประธานกรรมการบริหารในขณะนั้น จึงวางกลยุทธ์การพัฒนาเอาไว้โดยมุ่งเน้นที่ความโดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ชั้นเลิศ

พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ตอบโจทย์การใช้งาน และเอกลักษณ์งานออกแบบอันเป็นบุคลิกเฉพาะตัวของปอร์เช่ Michael Mauer รองประธานผู้ดูแลส่วนงาน Style Porsche กล่าวเสริมไว้ว่า: “เราต้องการสร้างสรรค์รถสปอร์ต 4 ประตูที่มีแนวหลังคาสุดโฉบเฉี่ยว และมีประตูบานท้ายขนาดใหญ่สไตล์รถ hatchback”

ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบคำจำกัดความแนวคิด 3 รูปแบบได้ถูกนำมาคัดเลือก เพื่อใช้เป็นแนวทางหลักในการปฎิบัติงาน ประกอบด้วยคำว่า “Mirage” “Meteor” และ “Phantom” เพื่อให้รถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นจริงนั้น ถือกำเนิดด้วยความลงตัวแต่ยังรักษาไว้ซึ่งความกร้าวแกร่ง และดุดัน

ในท้ายที่สุดข้อดีของแนวคิดทั้ง 3 ประการได้ถูกนำมาใช้อย่างสมบูรณ์แบบ ตามมาด้วยการขนานนามใหม่ที่ได้รับเลือกเป็นชื่อรุ่น: Panamera โดยมีแรงบันดาลใจจากการแข่งขันระยะยาวสุดหฤโหด ซึ่งจัดขึ้นในประเทศเม็กซิโก “Carrera Panamericana”

10 years of Porsche Panamera

การเปิดตัวสุดอลังการกลางเมืองเซี่ยงไฮ้

พานาเมร่า (Panamera) ได้รับการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชนทั่วโลก เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2009 ด้วยวิธีการที่สร้างความอัศจรรย์ใจได้อย่างเหลือเชื่อ โดยปอร์เช่เชิญสื่อมวลชนสายรถยนต์จากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมเป็นสักขีพยานในงาน press conference

ซึ่งจัดขึ้นบนชั้นที่ 94 ของตึกระฟ้า World Financial Center กลางเมืองเซี่ยงไฮ้ Panamera ถูกส่งไปยังสถานที่จัดงานด้วยลิฟท์ภายในอาคารที่ถูกออกแบบขึ้นโดยเฉพาะเพื่อขนส่งเจ้าหน้าที่กว่า 60 ชีวิตต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง และสามารถเดินทางได้ด้วยความสูงถึง 400 เมตร ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น

ปอร์เช่ พานาเมร่า คันแรก หรือ ที่รู้จักด้วยรหัสเรียกขานภายในองค์กรว่า G1

ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) คันแรก หรือ ที่รู้จักด้วยรหัสเรียกขานภายในองค์กรว่า G1 ได้รับการพัฒนาให้เหนือล้ำกว่าคู่แข่ง โดยมีแนวคิดหลักที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ต และความสะดวกสบาย เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีเหนือชั้น นับเป็นครั้งแรกสำหรับการติดตั้งระบบ start-stop ในรถยนต์ระดับหรูจากสายการผลิตปกติ

นอกจากนี้ ในรุ่นเรือธง Porsche Turbo ยังได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลม หรือ air suspension ซึ่งสามารถปรับระดับปริมาตรอากาศภายในได้ตามความต้องการเป็นครั้งแรกของโลก เช่นเดียวกับสปอยเลอร์หลังที่ สามารถปรับระดับได้

ยิ่งไปกว่านั้น ยนตรกรรม Grand Turismo สุดหรูจากปอร์เช่ยังเป็นผู้กำหนดบรรทัดฐานใหม่ให้แก่รถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่กำลังจะตามมา ด้วยหน้าจอแสดงผลรูปแบบใหม่ และแนวคิดในการควบคุมฟังก์ชันการทำงานผ่านหน้าจอ

รองรับความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้งาน

Porsche Panamera รองรับความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้งานด้วยระดับของขุมพลังเครื่องยนต์ที่มีให้เลือกมากมาย ครอบคลุมสมรรถนะตั้งแต่ระดับเริ่มต้น 250 แรงม้า ถึงสูงสุดที่ 550 แรงม้า ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์ดีเซล และระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด

ผสานระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ 2 ล้อหลัง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ในช่วงแรกของการเปิดตัว เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ V6 และ V8 ไร้ระบบอัดอากาศ โดยสามารถเลือกใช้ระบบส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ

ตามความนิยมของลูกค้าส่วนใหญ่ที่เลือกใช้เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 7 จังหวะ Porsche dual clutch transmission PDK สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล และระบบขับเคลื่อนไฮบริด ที่ตามมาภายหลังได้รับการติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

เสริมทัพด้วยรุ่น Executive ซึ่งเป็นรุ่นที่มีฐานล้อยาวพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าในประเทศจีน

นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยรุ่น Executive ซึ่งเป็นรุ่นที่มีฐานล้อยาวพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าในประเทศจีน พร้อมกับการปรับโฉมในปี 2013 เครื่องยนต์ได้รับการเพิ่มพลังสูงสุดเป็น 570 แรงม้า ในขณะนั้น Panamera ได้กลายเป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งของปอร์เช่ที่ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

รถสปอร์ตแกรน ทัวริสโม่ (Gran Turismo) คันนี้ทำหน้าที่เจาะตลาดกลุ่มใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีบทบาทในการเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งในแง่ของอัตราการเติบโตของปอร์เช่ในตลาดประเทศจีน จนกระทั่งสามารถลงหลักปักฐานบนแผ่นดินมังกรได้อย่างยั่งยืน

รุ่นใหม่ล่าสุด: เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในปี 2016

กระบวนการพัฒนาปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชันที่ 2 (G2) เกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ที่หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ของยนตรกรรมสปอร์ตซาลูนแกรนทัวริ่งจากรุ่นปกติ และรุ่นฐานล้อยาว คือสไตล์ตัวถังที่ 3 ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่บนพื้นฐานเดียวกัน:

พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม (Sport Turismo) เปิดตัวในปี 2017 ด้วยงานออกแบบภายนอกที่เฉียบคม และแนวคิดในการออกแบบตัวถังที่เน้นรองรับความอเนกประสงค์บนรถยนต์ระดับหรู ทิศทางการพัฒนาด้วย “Concept Sport Turismo” ถูกนำเสนอเป็นครั้งแรกในงานแสดงมหกรรมยานยนต์ Paris Motor Show เมื่อปี 2012

และได้รับการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอีกมากมายหลังจากนั้น เพื่อให้ Porsche Panamera เจเนอเรชั่นที่ 2 ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำเมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ทันทีที่เปิดตัวครั้งแรกของโลกในวันที่ 28 มิถุนายน 2016

Panamera G2

Panamera G2 มีภาพลักษณ์ที่สปอร์ต และงามสง่ายิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ใช้งานเปี่ยมอรรถประโยชน์ เช่นเดิม: แนวหลังคาที่ทิ้งตัวลงในแนวดิ่งอย่างชัดเจน ตัวถังด้านหลังที่ถูกปรับให้โค้งมนกลมกลืนพร้อม แผงไฟท้ายคาดยาวตลอด บ่งบอกเอกลักษณ์ของยนตกรรมปอร์เช่ยุคใหม่ ภายใต้รูปทรงอันกร้าวแกร่งได้ถูกบรรจุนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยเอาไว้เต็มพิกัด

แน่นอนว่ารวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด อาทิ หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในตัวรถด้วยระบบสัมผัส

  • ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ three-chamber air suspension
  • ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ PDCC Sport electromechanical roll stabilization

ยิ่งไปกว่านั้น Panamera ยังถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นบนเส้นทางสาธารณะ หรือ แม้แต่ในสนามแข่งความเร็วสูง ด้วยประสิทธิภาพอันน่าตกตะลึงจากการวิ่งทำเวลาต่อรอบสนาม Nürburgring-Nordschleife ภายใน 7:38 นาที ภายใต้การบังคับควบคุมโดยนักขับทีมโรงงานปอร์เช่ Lars Kern

ด้วยรถ Panamera Turbo รุ่นมาตรฐานไร้การปรับแต่งใด ๆ ขุมพลังเครื่องยนต์ในรุ่นล่าสุด ได้รับการพัฒนาให้รองรับการใช้งานได้เหมาะสมยิ่งขึ้น พร้อมกับพละกำลังที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน: เครื่องยนต์บล๊อกใหม่ ถูกนำมาเสริมทัพอย่างลงตัว

ถ่ายทอดกำลังอย่างต่อเนื่องสมบูรณ์ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะ PDK ตอบสนองต่อความต้องการในทุกระดับความแรง เริ่มต้นตั้งแต่ 330 แรงม้า จนกระทั่งรุ่นสูงสุดปลั๊ก-อิน ไฮบริดพกพาพลังมหาศาลติดตัวมาถึง 680 แรงม้า

10 years of Porsche Panamera

ขุมพลังไฮบริดพร้อม boost strategy ที่ให้สมรรถนะเทียบเคียงซูเปอร์คาร์

ปอร์เช่กำหนดบรรทัดฐาน และเป้าหมายหลักในการพัฒนายานพาหนะพลังงานไฟฟ้าโดยอาศัย Panamera เป็นจุดเริ่มต้นในปี 2011 ด้วยการติดตั้งระบบ full hybrid แบบคู่ขนาน เป็นครั้งแรกของโลกในรถยนต์ซาลูนระดับหรู Panamera S Hybrid คือหนึ่งในรถยนต์ที่ให้ความประหยัดเชื้อเพลิงดีเยี่ยมที่สุดของปอร์เช่ แม้ว่าจะมีพละกำลังสูงสุดถึง 380 แรงม้าก็ตาม

หลังจากนั้นสองปี Panamera S E-Hybrid จึงได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะสปอร์ตซีดานขุมพลัง plug-in hybrid คันแรกของโลก ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 416 แรงม้า พร้อมพิสัยการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวสูงสุดถึง 36 กิโลเมตร สำหรับเจเนอเรชันล่าสุดของ Panamera

ปอร์เช่ได้บรรจุแหล่งกำเนิดพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสมรรถนะสูงหลากหลายระดับความแรง เอาไว้อย่างครบถ้วนในทุกรุ่น: ระบบ boost strategy ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากยนตรกรรมซูเปอร์สปอต์ 918 Spyder เสริมประสิทธิภาพการทำงานให้รถแกรนทัวริ่งสามารถกระทบไหล่กับสปอร์ตพันธุ์แท้ได้อย่างลงตัว

แต่ยังคงมีสิ่งที่เหนือกว่านั่นคือ อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ 462 แรงม้าใน Panamera 4 E-Hybrid และรุ่นเรือธง Panamera Turbo S E-Hybrid ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า

ศักยภาพอันล้ำเลิศของพานาเมร่า (Panamera) G2

“ด้วยศักยภาพอันล้ำเลิศของพานาเมร่า (Panamera) G2 ไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะสามารถยกเอาสมรรถนะสุดยอดเยี่ยม ของระบบขับเคลื่อนไฮบริด จาก 918 Spyder มาบรรจุลงในรถยนต์หรูได้อย่างเหมาะสมลงตัว” ข้างต้นคือคำกล่าวของ Gernot Döllner รองประธานกรรมการส่วนงานสายการผลิต ผู้รับหน้าที่ดูแลการผลิต Panamera ตั้งแต่ปี 2011 จนถึง 2018

ปัจจุบันรับผิดชอบส่วนงาน product concept development ให้แก่ปอร์เช่ กลยุทธ์การทำงานดังกล่าวได้ผ่านการพิสูจน์ด้วยเสียงตอบรับจากกลุ่มลูกค้า: ในปี 2018 ที่ผ่านมา กว่า 67 เปอร์เซ็นต์ของ Porsche Panamera ที่ถูกส่งมอบถึงมือผู้หลงใหลความแรงในทวีปยุโรป ล้วนแล้วแต่เป็นรุ่นที่ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด ทั้งสิ้น

  • Panamera Turbo: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.6 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 10.4 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 238 กรัมต่อกิโลเมตร
  • Panamera 4 E-Hybrid: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 37-38 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 2.7-2.6 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 16.1 – 16.0 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 62-60 กรัมต่อกิโลเมตร
  • Panamera Turbo S E-Hybrid: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 30 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 3.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 16.0 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 74 กรัมต่อกิโลเมตร

***อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยน และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้

เกี่ยวกับ AAS Auto Service

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ

สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Porsche Thailand

Check Also

Embrace the future with AVATR 11 2024

“อินฟินิท ออโตโมบิล” ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมี่ยมแบรนด์ “AVATR” ล็อตแรกถึงมือลูกค้า พร้อมบริการสุดไฮคลาสเต็มรูปแบบ!!

สร้างกระแสความตื่นเต้นให้วงการรถยนต์ไฟฟ้าหรูเป็นอย่างมาก เมื่อ บริษัท อินฟินิท ออโตโมบิล จำกัด บริษัทในเครือเอเอเอส กรุ๊ป จัดงานฉลองการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยมแบรนด์ AVATR ให้ลูกค้าล็อตแรก ภายใต้ชื่องาน “Embrace the future …