รีวิว ทดสอบรถ: New MG HS ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST แบบ 7 สปีด ให้พละกำลังสูงสุด 162 แรงม้า
รีวิว ทดสอบรถ: New MG HS ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
New MG HS
New MG HS ถูกจับวางตำแหน่งให้แทนที่ MG GS ด้วยหน้าตาที่ดูลงตัวกว่าใน GS ที่ผ่านมา โดยได้รับการออกแบบเพื่อให้เป็นรถที่มีความสง่างาม ผสมผสานระหว่างความหรูหรากับความสปอร์ต โดดเด่นด้วยเส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line ที่เน้นเรื่องความโค้งมนของตัวรถ กระจังหน้าดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
ตามแนวคิด Stella Magnetic Field ที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ดึงดูดเข้าหากัน โดดเด่นด้วยระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันที่ทำงานผ่านเรดาร์ และกล้องที่ทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ ยังมีระบบเตือนการชนด้านหน้า,ระบบเบรกอัตโนมัติ มาให้อีกด้วย
ในส่วนของไฟหน้า ก็เป็นแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ และไฟหน้ายังสามารถปรับสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติอีกด้วย ไฟ Daytime Running Lights ด้านล่างสุดเป็นไฟตัดหมอก โดยรวมของด้านหน้า ถือว่าให้ออปชั่นมาครบ ด้านล่างของกระจกมองข้างมีกล้องแสดงผลแบบมุม 360 องศา ที่ช่วยให้การเข้าที่แคบไม่มีปัญหา
ไฟท้ายแบบ Space Light Field ไฟเลี้ยวแบบ Sequential ที่ลำแสงจะวิ่งจากด้านในออกด้านนอก ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมกล้องมองหลังถือว่าล้ำสมัยมาก ๆ โดยในรุ่น D และ X จะได้เป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และในรุ่น C ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น จะได้เป็นล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ภายในหรูหราด้วยโทนสีแดง ออกแบบให้มีความโค้งมนโอบรับสรีระ ตกแต่งด้วยวัสดุภายในให้สัมผัสนุ่ม Soft Touch ครอบคลุมทั้งบริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูทั้งด้านหน้า หน้าจอเรือนไมล์ขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลทั้งเรื่องการขับขี่ ระบบความปลอดภัย ระบบความบันเทิง
และระบบนำทางหน้าจอเครื่องเล่นขนาด 10 นิ้ว แบบทัชสกรีน มีฟังก์ชั่นหลากหลาย เช่นแผนที่นำทาง,ภาพรอบคัน,ปรับแอร์,ดูแรงดันลมยาง,ระบบความบันเทิงครบครัน มีเพลงใน True ID Music เป็นล้านเพลง และสามารถรับข่าวสารผ่านหน้าจอจากเว็บ Sanook
และด้านหลังเบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าแบบ Bucket Seat ทรงสปอร์ตสีดำสลับแดง และยังมีส่วนที่หุ้มด้วยวัสดุ Alcantara (เฉพาะรุ่น X) เบาะหลังนั่งสบาย ปรับพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักพิง ปรับองศาการเอนได้ มีที่วางแขนขนาดใหญ่ มีแอร์หลัง และไฟเส้นขอบในห้องโดยสาร Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 64 เฉดสี
โดยไฟนี้จะติดทันทีที่เปิดประตู รวมทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนแบบอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่พร้อมหลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ ขนาดใหญ่ 1.1 ตารางเมตรที่ถือว่าใหญ่สุดในรถราคาเดียวกัน
ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ให้พละกำลังสูงสุด 162 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตัน-เมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบต่อนาที
พร้อมรองรับน้ำมัน E85 จากที่ทดสอบ ถึงแม้จะเป็นขุมพลังขนาดเล็กแต่พ่วงระบบอัดอากาศเข้าไป ก็สามารถแบบรถที่มีขนาดใหญ่ได้สบาย ๆ อัตราเร่งถือว่าดีเมื่อเทียบกับขนาดของรถไม่อืดอาด แถมยังมีลูกเล่นแบบสปอร์ตแพงอย่างโหมด Super Sport
จุดเด่นของโหมดนี้ ก็คือปุ่มสีแดง ๆ ที่แป้นพวงมาลัย การออกแบบค่อนข้างสปอร์ต ในโหมดนี้ รอบเครื่องจะถูกดึงมารอไว้สูงกว่าปรกติ ซึ่งเท่ากับว่าบูตส์เทอร์โบว่ารอไว้เต็มแล้วเพิ่มแค่กดคันเร่งอัตราเร่งก็ตามติดเท้ากันเลยทีเดียว ขับสนุกมาก ใช้เวลาเพียงไม่นานในโหมดนี้ก็สามารถแตะ 180/ชม. ได้ไม่ยาก
ที่น่าประทับใจอีกอย่างคงเป็นช่วงล่างที่มีการปรับมาได้ค่อนข้างดี ไม่นุ่มจนย้วย หรือแข็งจนไม่สบาย แต่สามารถปรุงแต่งได้ลงตัวกับการใช้งานทั้งในเมือง หรือการขับรถไกล ๆ ก็ดูมั่นใจ
นอกจากนี้พวงมาลัยก็ถือว่ามีความฉียบคมมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่น GS ซึ่งเป็นการเซตแบบยุโรปสไตล์ ซึ่งดูเหมาะกับการขับขี่ไม่น้อย แต่ระบบเบรกอาจจะดูไม่เพียงพอไปนิด แต่ใช้เวลาสักพักก็เริ่มคุ้นเคยมากขึ้น การเก็บเสียงของตัวรถจากภายนอกถือว่าเงียบดีทีเดียว
New MG HS SUV อเนกประสงค์ที่ครบเครื่องในราคาที่เอี้อมถึงได้ง่ายที่สุดในตลาด
New MG HS ถือว่าเป็นรถที่ครบเครื่องจริง ๆ ทั้งในสมรรถนะที่ดี และระบบเทคโนโลยีที่มีมากมายที่ถูกบรรจุลงมาในรถคันนี้ กับราคา 9.19 แสนบาท – 1.119 ล้านบาท
นับว่าถูกที่สุดในท้องตลาดน่าจะเป็นเรือธงที่จะทำให้ MG เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น แต่ระบบสั่งงานด้วยเสียงอาจจะตอบสนองช้าไปนิด แต่ในอนาคตเชื่อว่าน่าจะพัฒนาได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นกว่านี้แน่นนอน