Breaking News

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ฉลองครบรอบ 75 ปี ของยนตรกรรมสายพันธุ์ DB เปิดตัว แอสตัน มาร์ติน DB12 ‘The World’s First Super Tourer’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

Aston Martin DB12_THE WORLD'S FIRST SUPER TOURER

แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ แอสตัน มาร์ติน อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ตจากประเทศอังกฤษรุ่นล่าสุด เป็นครั้งแรกในประเทศไทย กับ แอสตัน มาร์ติน DB12

พร้อมกำหนดนิยามใหม่ ‘The World’s First Super Tourer’ และนับเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของยนตรกรรมสายพันธุ์ DB ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นรถยนต์ระดับไอคอน

Aston Martin DB12_THE WORLD'S FIRST SUPER TOURER

แนนซี่ เฉิน ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท แอสตัน มาร์ติน ลากอนดา จำกัด กล่าวว่า  “ปีนี้นับว่ามีความหมายกับ แอสตัน มาร์ติน เป็นพิเศษ เนื่องในโอกาสครบรอบ 110 ปี แห่งประวัติศาสตร์ของผู้ผลิตยนตรกรรมสปอร์ตจากประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่การคว้าชัยชนะในการแข่ง แอสตัน ฮิลล์ ไคลม์ ไปจนถึงการนำรถเข้าแข่งรายการ ฟอร์มูลาวัน กรังด์ปรีซ์ ในปัจจุบัน

พร้อมกันนี้ เรายังได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 75 ปี ของยนตรกรรมสายพันธุ์ DB ที่นับเป็นต้นกำเนิดของรถ จีที (GT-Grand Tourer) ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นล่าสุด แอสตัน มาร์ติน DB12 ผู้กำหนดนิยามใหม่ ‘The World’s First Super Tourer’ ”

Aston Martin DB12_THE WORLD'S FIRST SUPER TOURER

ฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไป แอสตัน มาร์ติน แบงคอก กล่าวว่า “รู้สึกยินดีและตื่นเต้นไปกับชาวไทย ที่จะได้สัมผัสกับ แอสตัน มาร์ติน DB12 ซึ่งได้รับการขนานนามให้เป็นยนตรกรรม ซูเปอร์ทัวเรอร์ คันแรกของโลก นับเป็นการยกระดับให้กับรถประเภท จีที ผ่านการผสมผสานความหรูหรา เข้ากับสมรรถนะของซูเปอร์คาร์ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ได้อย่างลงตัว”

Aston Martin DB12_THE WORLD'S FIRST SUPER TOURER

Bolder – เน้นความชัดเจนของเส้นสาย ให้กับยนตรกรรมระดับไอคอน

ตัวถังดีไซน์ใหม่ กว้างและดูดุดันยิ่งขึ้น เน้นจุดเด่นของ แอสตัน มาร์ติน ด้วยกระจังหน้าแบบ single vaned ที่มีความโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น DB โดยมีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 56% (เทียบกับ DB11 V8) เพื่อรองรับพละกำลังของ แอสตัน มาร์ติน DB12 กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมแผ่นรีดอากาศด้านหน้า (front splitter) โลโก้สัญลักษณ์ (Aston Martin Wing Badge) แบบใหม่

โดดเด่นยิ่งขึ้น และเป็นการนำมาติดตั้งบน แอสตัน มาร์ติน DB12 เป็นรุ่นแรก พร้อมช่องระบายอากาศบนฝากระโปรง เพื่อระบายความร้อนจากเครื่องยนต์และเทอร์โบคู่ ที่อยู่บริเวณกลางห้องเครื่อง ไฟหน้าแอลอีดี พร้อมเดย์ไทม์รันนิงไลท์แบบใหม่ (6-block pattern) กระจกข้างทรงสปอร์ตไร้กรอบ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะช่วงความเร็วสูง

ด้วยระบบแอโรไดนามิกส์ ‘Aeroblade’ โดยใช้หลักอากาศพลศาสตร์ในการสร้างแรงกด พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบอัตโนมัติ รวมไปถึงความประทับใจใหม่ กับ ‘Presenting Door Handles’ เมื่อกดปุ่มปลดล็อกบนกุญแจรีโมท มือจับประตูจะเปิดขึ้นอัตโนมัติ ช่วยให้จับได้สะดวกยิ่งขึ้น

Fiercer – แรงจัด ทรงพลังมากที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน

ยกระดับให้กับรถ จีที สู่การเป็นยนตรกรรมซูเปอร์ ทัวเรอร์ ขึ้นทำเนียบยนตรกรรมพลังแรงที่สุดในคลาส ด้วยขุมพลังเบนซินทวินเทอร์โบ วี8 สูบ 4.0 ลิตร 680 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,750-6,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ (ZF 8HP75) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

Finer – หรูหรา ประณีต แบบอัลตราลักชัวรี่

Aston Martin DB12_THE WORLD'S FIRST SUPER TOURER

ห้องโดยสารยังคงความหรูหราและประณีตทุกรายละเอียด ตามแบบฉบับของ แอสตัน มาร์ติน มาพร้อมหลากหลายแนวทางการตกแต่งห้องโดยสาร จึงลงตัวกับทุกบุคลิกของผู้ครอบครอง  ระบบอินโฟเทนเม้นท์แบบใหม่ พัฒนาโดย แอสตัน มาร์ติน ติดตั้งจอดิจิทัลหน้าผู้ขับแบบ TFT 10.25 นิ้ว คมชัดสูง และปรับแต่งการแสดงผลได้หลายแบบ พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ ผสมผสานความหรูหรา ประณีต

ตัดเย็บด้วยมือ เข้ากับปุ่มควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ล้ำสมัย ขณะที่จอแสดงผลอเนกประสงค์ 10.25 นิ้ว ติดตั้งกลางแดชบอร์ด เน้นความสะดวกของผู้ขับ เร้าใจกับปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์แบบใหม่ ตัวปรับเลือกโหมดการขับแบบแป้นหมุน พร้อมสวิตช์ควบคุมต่างๆ ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง ใช้งานได้สะดวก 

Aston Martin DB12_THE WORLD'S FIRST SUPER TOURER

Purer – Drive Modes แบบใหม่ เติมความเร้าใจให้ผู้ขับ

แอสตัน มาร์ติน DB12 ออกแบบและผลิตภายใต้แนวคิด ‘Driver Centric’ โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับผู้ขับ เน้นการใช้งานที่ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมรถ การันตีการขับที่สนุกและปลอดภัยทุกสถานการณ์ ด้วย 5 โหมดการขับ คือ Wet, Individual, GT (พื้นฐาน), Sport และ Sport+

พร้อมติดตั้งระบบออกตัว (Launch Control) สำหรับการทะยานจากจุดสตาร์ท รวมถึงมีระบบควบคุมการทรงตัว (ESP-Electronic Stability Programme) ที่สามารถปรับได้ 3 แบบ คือ ON, TRACK และ OFF ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับได้สัมผัสกับความท้าทายในการควบคุมรถอย่างเป็นธรรมชาติAston Martin DB12_THE WORLD'S FIRST SUPER TOURER

Sharper – แฮนด์ลิงคมกริบ

อีกหนึ่งความพิเศษของ แอสตัน มาร์ติน DB12 คือ ช่วงล่างหน้า-ดับเบิลวิชโบน และหลัง-มัลติลิงค์ พร้อมโช้กอัพอะแดปทีฟ ‘BILSTEIN DTX’ ที่มีความความยืดหยุ่น นุ่มหนึบ และความละเอียดในการขับมากขึ้นถึง 500% (เทียบกับ DB11 V8) นอกจากนั้นยังเป็นครั้งแรก ที่มีการติดตั้งเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-diff) กับยนตรกรรมสายพันธุ์ DB

ควบคุมรถอย่างมั่นใจด้วยคาลิเปอร์เบรกหน้า 6 พ็อต หลัง 4 พ็อต จับคู่จานเบรกโลหะเจาะรูระบายความร้อน หน้า-หลังขนาด 400 และ 360 มิลลิเมตร ตามลำดับ พร้อมมีจานเบรกคาร์บอนเซรามิก เจาะรูระบายความร้อน หน้า-หลังขนาด 410 และ 360 มิลลิเมตร เป็นออปชั่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชะลอความเร็ว และลดน้ำหนักใต้สปริงได้ถึง 27 กิโลกรัม ปิดท้ายด้วยล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้ว

จับคู่กับยาง Michelin Pilot Sport S 5 แก้มยางระบุอักษร ‘AML’ บ่งบอกว่าผลิตมาสำหรับ แอสตัน มาร์ติน DB12 พิเศษกับโครงสร้างโฟมด้านใน ช่วยลดเสียงรบกวนและนุ่มนวลยิ่งขึ้น โดยมีขนาดหน้า-หลัง 275/35/ZR21 และ 325/30/ZR21 ตามลำดับ

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: แอสตัน มาร์ติน แบงคอก

  • โทร. 02-670-6040 (โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ สาขาพระราม 3)
  • โทร. 02-610-9775 (โชว์รูมสาขาสยามพารากอน)
  • เฟสบุ๊ค: Astonmartinbangkok

Check Also

MICHELIN Pilot Sport Cup 2 R _ Ferrari F80 2024

‘มิชลิน’ ได้รับเลือกเป็นยางมาตรฐานติดรถซูเปอร์คาร์ ‘เฟอร์รารี่ เอฟ80’ (Ferrari F80)

มิชลินได้พัฒนายางรุ่น ‘เค1’ (K1) ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อ ‘เฟอร์รารี่ เอฟ80’ โดยเฉพาะ ยางรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ 2 อาร์’ (MICHELIN …