BIMS 2022 โตโยต้า ประเทศไทย ขนทัพยนตรกรรมไฮไลต์ขึ้นอวดโฉม พร้อมตอกย้ำ “วิสัยทัศน์” การก้าวสู่ 60 ปีแห่งการดำเนินธุรกิจในไทยในงานมอเตอร์โชว์
BIMS 2022 โตโยต้า ประเทศไทย ส่งทัพยนตรกรรมพร้อมแคมเปญพิเศษในงานมอเตอร์โชว์
โตโยต้า ผู้นำยานยนต์ ร่วมขับเคลื่อนอนาคตเพื่อโลกยั่งยืน
เริ่มขึ้นแล้วกับงานใหญ่ ที่คนรักรถไม่ควรพลาด The 43rd Bangkok International Motor Show ภายใต้แนวคิด “Keep Moving Forward Together ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” ที่ปีนี้มีความน่าสนใจจากบรรดา “ยนตรกรรมพลังงานทางเลือก” ที่แต่ละค่ายจัดสรรมาให้ชม และจับจอง ควบคู่ไปกับเหล่ายนตรกรรมระดับ Mainstream มากมาย
ซึ่งบูธที่มีความน่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ จนอยากให้มาลองชม ก็คือ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กับการเนรมิตพื้นที่ขนาดใหญ่ ให้กลายเวทีถ่ายทอดวิสัยทัศน์จากโอกาสการดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 60 ในประเทศไทย
ภายใต้แนวคิด “โตโยต้า ผู้นำยานยนต์ ร่วมขับเคลื่อนอนาคตเพื่อโลกยั่งยืน” (Drive to the future together with Toyota, Leader of xEV) ผ่านยนตรกรรมหลากสไตล์ หลายรุ่น ตั้งแต่ไฮไลต์สุดยอดบนเวที กับการปรากฏตัวของ 2 ยนตรกรรมแห่งอนาคต
หนึ่งคือ Toyota bZ4X ซีรี่ส์รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ล่าสุด ที่มาในสไตล์ของรถอเนกประสงค์ SUV ขนาดกลาง และชื่อ Toyota bZ นั้นมาจากคำว่า “Toyota Beyond Zero” ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด การเป็นยนตรกรรมที่ไม่เพียงช่วยลดปริมาณมลพิษ แต่จะเป็นยนตรกรรมที่จะนำเสนอการขับเคลื่อนความสุขที่มีคุณค่าเกินคาดหมายให้ผู้เป็นเจ้าของ ตามคอนเซ็ปต์ “ศูนย์รวมกิจกรรมแห่งความสุข (Activity Hub)” ให้กับทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ตลอดจนสังคม และผู้คนรอบตัว
Toyota bZ4X มีจุดเด่นอยู่ที่การพัฒนาตัวแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ให้มีความทนทานมากขึ้น ภายใต้ความจุขนาด 71.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะทางวิ่งสูงสุด คือ ราวๆ 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐานระดับโลก WLTP
ส่วนอีกหนึ่งที่สะกดสายตาผู้ชมงานไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ก็คือ Toyota e-Palette รถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ ที่เคยเผยโฉมครั้งแรกในปี พ.ศ. 2561 ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีไฮไลต์การพัฒนาที่เฉพาะเจาะจง สำหรับแอปพลิเคชั่นการขับเคลื่อนอัตโนมัติในรูปแบบบริการ Autono-MaaS ที่ผสมผสานมาจากคำว่า “Autonomous” และ “Mobility as a Service” เข้าไว้ด้วยกัน
เพื่อสะท้อนถึงการเป็นองค์กรด้านการขับเคลื่อนที่ควบรววมการใช้ไฟฟ้า, เครือข่ายเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูง เพื่อรองรับธุรกิจขับเคลื่อนที่ใช้ร่วมกัน และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ
โดยความน่าสนใจต้องยกให้กับงานดีไซน์ที่เน้นความสมมาตรทั้งด้านหน้า และด้านหลัง บนรูปทรงลูกบาศก์ ที่การวางล้อทั้ง 4 ให้อยู่ในตำแหน่ง “มุม” เพื่อบริหารจัดการให้ตัวรถมีพื้นที่ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย แถมยังสามารถเข้า-ออกได้ง่าย จากประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ พร้อมทางลาดไฟฟ้า ตลอดจนระบบควบคุมรถให้หยุดที่จุดขึ้น และลง ซึ่งกำหนดไว้สำหรับผู้โดยสาร รวมถึงมีความสะดวกต่อผู้พิการที่ใช้รถเข็น จากระยะฐานล้อที่ยาว และการออกแบบให้พื้นราบ
ด้านระบบขับเคลื่อนเป็นแบบอัตโนมัติ ที่ออกแบบพิเศษ เช่นเดียวกับฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ สำหรับทำหน้าที่ควบคุมการทำงาน ไปจนถึงการติดตั้งชุดเซ็นเซอร์ขั้นสูง เช่น กล้อง ทำงานร่วมกับระบบ LiDAR และแผนที่ 3 มิติความแม่นยำสูง
ตลอดจนระบบการจัดการที่ดีเยี่ยม ในระดับที่ทำให้ Toyota e-Palette สามารถขับขี่อัตโนมัติ ด้วยความเร็วต่ำ ภายใต้มาตรฐานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ SAE (Society of Automotive Engineering) ได้ในระดับ 4 เลยทีเดียว
จาก “ตัวโชว์” มาสู่ “ยนตรกรรมที่จับต้องได้” กันบ้าง โดยงานนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซนหลักๆ เอาใจสายสปอร์ตด้วย GR Zone ที่เต็มไปด้วยยนตรกรรมเปี่ยมสมรรถนะ ซึ่งออกแบบด้วยแรงบันดาลใจ และ DNA ของทีมแข่งระดับโลกอย่าง Toyota Gazoo Racing ในแนวคิด”จากสนามแข่ง สู่ท้องถนน” (From Circuit to Road)
ขณะที่อีกฝั่ง คือ Modellista Zone ที่มากับการออกแบบจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยแนวคิด Premium Tokyo Iconic ซึ่งเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวระดับพรีเมี่ยม เพื่อสร้างความโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ซึ่งทางฝั่ง GR Zone นั้นก็เต็มไปด้วยเหล่าขุนพล GR Sport คับคั่ง และที่ผู้เข้าชมงานให้ความสนใจมากสุด คงหนีไม่พ้น Toyota C-HR HEV GR Sport น้องใหม่ล่าสุดในตระกูล ที่ถูกเติมความเร้าใจภายนอก ผ่านแพ็คเกจ GR Sport เช่น ชุดตกแต่งกันชนหน้า, สเกิร์ตรอบคัน, ล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่, ไฟตัดหมอกแบบ LED, พร้อมสัญลักษณ์ GR บริเวณกันชนหน้า รับกับ GR Sport บริเวณท้ายรถ
ส่วนภายในมากับการตกแต่งด้วยโทนสีดำ Total Look ผสมผสานด้วยโทนสี Gun Metallic ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับเบาะนั่งดีไซน์พิเศษ เดินด้ายสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR ตลอดจนพวงมาลัยหุ้มหนังแบบเจาะรู พร้อมสัญลักษณ์ GR และระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start ที่พร้อมสัญลักษณ์ GR เช่นกัน
ด้านขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร เสริมมอเตอร์ไฟฟ้า แต่เพิ่มอรรถรสการขับแบบสปอร์ต ด้วยระบบช่วงล่างที่ปรับเซ็ท คอยล์สปริง และโช๊คอัพใหม่ เพื่อยกระดับศักยภาพสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA ให้นำไปสู่ประสบการณ์ Fun-to-Drive อันเร้าใจ ภายใต้ความมั่นใจสูงสุดจากระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense
Toyota Hilux Revo ปิคอัพมหาชน คือ อีกหนึ่งโมเดลที่ไม่ได้มาโชว์ตัวแค่รุ่นมาตรฐาน ที่มีไฮไลต์เป็นเครื่องยนต์ GD Super Power ขนาด 2.8 ลิตรที่มีกำลังสูงถึง 204 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตรเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงสายพันธ์ GR Sport ภายใต้เรือนร่างของกระบะยกสูงระดับ Premium Adventure ขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยเช่นกัน
เพื่อให้สัมผัส และเข้าถึงแรงบันดาลใจในการพัฒนาจากรถแข่งระดับโลกรายการ World Rally Championship (WRC) ซึ่งถ่ายทอดผ่านงานดีไซน์ที่ดุดันตั้งแต่ภายนอก เช่น กระจังหน้า, สปอร์ตบาร์ และล้ออัลลอยด์ ที่จับคู่กับชุดโช๊คอัพใหม่แบบโมโนทูบ (Monotube) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่มากขึ้น
แฟนๆ รถอเนกประสงค์พลาดไม่ได้กับ Toyota Fortuner GR Sport ที่ควงคู่มากับ Toyota Fortuner Commander เพราะบอกเลยว่าเป็นทีเด็ดทั้ง 2 รุ่น โดย Fortuner GR Sport คือ ยนตรกรรมที่สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากแบรนด์รถแข่งระดับโลกอย่าง Toyota Gazoo Racing ที่มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลัง และช่วงล่างที่เหมาะสมกับการขับขี่ทั้งในเมือง และออฟโรด เช่น โช๊คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube) ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ
ขณะที่ Fortuner Commander นั้นมากับความ Limited ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คัน และความ Limited ที่ว่านั้นประกอบด้วย ชุดตกแต่งกันชนหน้า และหลัง เสริมด้วยบันไดข้าง, คิ้วตกแต่ง, ฝาท้ายสีดำเงา พร้อมด้วยสัญลักษณ์ FORTUNER รับกับแผ่นหลังคาสีดำแบบทูโทน ก่อนจะอัพเกรดความสปอร์ต ด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว
ด้านภายในใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่เบาะหนัง และวัสดุตกแต่งสีดำสลับเดินตะเข็บด้ายสีแดง ช่วยเน้นความเร้าใจ ทั้งยังยกระดับสมรรถนะด้วยการปรับเซ็ทช่วงล่างด้านหน้า และด้านหลังใหม่ เพื่อรับมือกับทุกสภาพถนน ไปพร้อมๆ กับมอบความมั่นใจจากระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่ครบครัน
และสำหรับใครที่กำลังมองหายนตรกรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งให้กับครอบครัวซักคัน เราคิดว่าบูธของ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย น่าจะมีคำตอบที่ดีให้ กับ 2 โมเดลสุดเร้าใจ คือ Toyota Sienta รุ่นปรับปรุงใหม่ ภายใต้แนวคิด “คลิก ให้ชีวิตสุดชิค” (Chic Clicks) ที่เปี่ยมด้วยความทันสมัย (Chic) และง่ายต่อการใช้งาน แค่เพียงสัมผัส (Click)
ตั้งแต่งานดีไซน์ภายนอกที่มีเอกลักษณ์สะดุดตา ลงตัวกับภายในซึ่งมากด้วยความสปอร์ตกว่าที่เคย เช่น การตกแต่งภายในห้องโดยสาร จากเบาะหนัง และวัสดุกึ่งสังเคราะห์โทนสีดำ-เทา รวมไปถึงการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ดีขึ้น จากการอัพเกรดอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ทั้งเครื่องเล่นวิทยุหน้าจอสัมผัสรองรับได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ทั้งยังเสริมความมั่นใจมากขึ้นด้วย กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาแบบ HD ที่มาพร้อมกล้องบันทึกภาพหน้า และหลัง ตลอดจนสามารถเข้าใช้งานผ่าน Mobile Application Toyota DVR ใหม่ได้อีกด้วย
แต่ถ้านั่นยังไม่พอ เราขอแนะนำพระเอกใหม่ล่าสุดในชื่อ All New Toyota Veloz ยนตรกรรม Premium Crossover แบบ 7 ที่นั่ง อันโดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัย และห้องโดยสารกว้างขวางเทียบเท่ารถระดับ C-segment แถมด้วยออพชั่นอำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense สุดอลังการ
ขณะที่สมรรถนะการขับขี่ก็ไม่ได้ธรรมดา จากเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร เรี่ยวแรง 106 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ที่นอกจากให้อัตราเร่งน่าประทับใจแล้ว การประหยัดน้ำมันยังถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมด้วยตัวเลข 17.9 กิโลเมตร/ ลิตร ซึ่งนั่นมากพอที่จะช่วยตอกย้ำคำว่า “คุ้มค่า” ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นทีเดียว
ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่
- https://www.toyota.co.th/
- Facebook: Toyota Motor Thailand
- LINE ID: @ToyotaThailand