บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จํากัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD Dolphin เพิ่มเติมให้เลือกอีก 2 รุ่นย่อย ประสบการณ์ใหม่ของการขับขี่ ดีไซน์โฉบเฉี่ยว คล่องตัว ภายในกว้างขวางพร้อมฟังก์ชันครบครัน
รถยนต์แฮตช์แบ็กพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของตระกูล BYD มาพร้อมเทคโนโลยี e-Platform 3.0 แพลตฟอร์มที่ออกแบบให้รถมีความสมดุลพร้อมเทคโนโลยี BYD Blade Battery เอกสิทธิ์เฉพาะของบีวายดีที่สามารถจัดเก็บพลังงานและให้ระยะการขับเคลื่อนสูง อีกทั้งยังมาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) เพื่อความปลอดภัยสูงสุดขณะอยู่บนท้องถนน
BYD Dolphin โดดเด่นด้วยการออกแบบจากรูปทรงโลมาตั้งแต่ภายนอกด้านหน้าโค้งมนรับกับไฟหน้า LED เส้นด้านข้างออกแบบให้สอดรับกัน ไฟท้ายสะดุดตาโฉบเฉี่ยวและโดดเด่นในทุกมิติ การออกแบบภายในมีความกว้างขวางและเต็มไปด้วยสีสัน
คอนโซนหน้าเป็นลายคลื่นรับกับช่องแอร์ มือจับเปิดประตูทรงครีบโลมาพร้อมโลโก้ BYD ที่ดุมล้อ นอกจากนี้ ระบบสัญญาณเสียงแจ้งต่างๆจำลองมาจากท้องทะเล และระบบอัจฉริยะใหม่ “Follow Me Home” ที่จะมาเพิ่มความปลอดภัยหลังจากจอดรถ
นวัตกรรมใหม่เทคโนโลยีแบตเตอรี่เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD อย่าง BYD Blade Battery มาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยชั้นสูง ด้วยโครงสร้างการจัดเรียงเซลล์แบตเตอรี่รูปทรงคล้ายใบมีดที่ช่วยลดการใช้งานโมดูลทำให้ลดน้ำลง และการระบบระบายความร้อนที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแม้ในสถานการณ์ที่เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงและมีประสิทธิภาพที่คงทน
นอกจากนี้ BYD Dolphin ถูกพัฒนาบน e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายพลังงาน พร้อมระบบส่งกำลัง 8 in 1 (ควบคุมกระแสไฟฟ้า แบตเตอรี่ และการขับเคลื่อน) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการให้พลังงาน 20 เปอร์เซ็นต์ และลดปริมาณการใช้พื้นที่และน้ำหนักลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยแพลตฟอร์มอัจฉริยะนี้ยังช่วยส่งมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
BYD Dolphin ประกอบด้วย 2 รุ่น ได้แก่
- รุ่น Standard Range
- รุ่น Extended Range
ซึ่งนวัตกรรมขุมพลังของ Blade Batter ทำให้รุ่น Standard Range สามารถเดินทางได้ไกลถึง 410 กิโลเมตร และ 490 กิโลเมตร สำหรับรุ่น Extended Range (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ ยังมีระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต (Lithium Iron Phosphate) ความจุ 44.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
ให้แรงบิดสูงถึง 180 นิวตัน-เมตร สำหรับรุ่นStandard Range และความจุ 60.48 กิโลวัตต์ กำลังมอเตอร์สูงถึง 150 กิโลวัตต์ แรงบิดมหาศาล 310 นิวตัน-เมตร สำหรับรุ่น Extended Range ด้วยมอเตอร์ที่ทรงพลัง ทำให้รุ่น Standard Range มีอัตราเร่งที่ 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 12.3 วินาที และภายใน 7 วินาที สำหรับรุ่น Extended Range
ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมด้วยหัวชาร์จ AC Type 2 ขนาด 7 กิโลวัตต์ และพอร์ตชาร์จ DC ขนาด 60 และ 80 กิโลวัตต์ ตามลำดับ, ที่ให้การเพิ่มระดับแบตเตอรี่จาก 30 เปอร์เซ็นต์ เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 29 นาที อีกทั้งยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (VtoL) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้
นอกเหนือจากคุณลักษณะทางเทคโนโลยี BYD Dolphin ยังมีการออกแบบภายในที่กว้างขวางแม้จะมีรูปแบบและขนาดภายนอกที่กะทัดรัด แต่ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,700 มม. ทำให้ขนาดห้องโดยสารมีขนาดที่กว้างขวาง พร้อมมอบความสะดวกสบายในการใช้งานและประสบการณ์การเดินทางที่ตอบสนองต่อความต้องการในชีวิตประจำวันด้วยห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง และเบาะนั่งสปอร์ตพร้อมพนักพิงตามหลักสรีรศาสตร์
โดยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถสามารถจัดเก็บกระเป๋าเดินทางขนาด 30 นิ้ว ได้ 1 ใบและขนาด 20 นิ้ว ได้ 2 ใบ พร้อมเบาะโดยสารด้านหลังที่สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ให้ความยืดหยุ่นในการบรรจุสัมภาระจำนวนมาก ซึ่งการออกแบบของพื้นที่ให้ทั้งประโยชน์ในการใช้สอยและความสวยงามที่เต็มไปด้วยสีสันแบบพร้อม ๆ กัน
เสริมด้วยระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and go ทำให้การขับขี่ระยะทางไกลที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกฟังก์ชันที่เหมาะสำหรับสภาวะอากาศในเมืองไทย คือ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อม CN95 Filter ให้ผู้ใช้รถได้มีอากาศบริสุทธิ์ในทุกการขับขี่
BYD Dolphin ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ระบบความปลอดภัยที่มาอย่างครบครัน ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง ประกอบด้วย
- ถุงลมนิรภัย 6 จุด
- ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- ระบบเสริมแรงเบรกอัจฉริยะ
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCS)
- ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
- ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
- ระบบควบคุมการไหลของรถยนต์อัตโนมัติ (Auto Hold)
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS)
- ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW)
- ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB)
- ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP)
- ระบบช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA)
- ระบบช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW)
อีกทั้งยังมีกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น
- แดชบอร์ดประเมินผลข้อมูลระดับพลังงานและความเร็วแบบเรียลไทม์ขนาด 5 นิ้
- หน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ที่สามารถปรับหมุนได้เพื่อจัดการระบบสาระบันเทิงและระบบนําทาง
- พอร์ต USB สำหรับการชาร์จอุปกรณ์สื่อสารอย่างรวดเร็ว
- ระบบชาร์จแบบไร้สาย
- ระบบ Follow Me Home เพิ่มความปลอดภัยหลังจอดรถและระบบเสียงดนตรีที่มีการออกแบบสัญญาณเสียงที่จำลองมาจากทะเล
นอกจากนี้ ยังมีกลไกการล็อกมากถึง 5 รูปแบบ ได้แก่
- การล็อกและปลดล็อกด้วยกุญแจรีโมท
- บัตร NFC
- BYD Application
- กุญแจไข
- แบบไม่มีกุญแจ (Keyless Entry)
รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ทุกคัน มาพร้อมกับสิทธิพิเศษ Rêver Care สามารถออกรถเริ่มต้นเพียง 35,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.88%, ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. ระยะเวลา 1 ปี, การรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่ระยะเวลา 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงระยะเวลา 8 ปี, สายต่อพ่วง VtoL และสายชาร์จฉุกเฉิน, ค่าจดทะเบียนรถ,
พรมเข้ารูป+กรอบป้ายทะเบียน+ฟิล์มหน้าจอ และ ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ยังได้รับสิทธิ์ในการซื้อโฮมชาร์จเจอร์พร้อมการติดตั้งเพียง 25,000 บาท (จากราคา 35,000 บาท) เท่านั้น
BYD Dolphin Standard Range ราคา 699,999 บาท (ราคาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ)
มีตัวเลือกภายนอก 4 สี ได้แก่
- สีครีม (Coastal Crème)
- สีม่วง (Flora Purple)
- สีเทา (Alaskan Grey)
- สีชมพู (Coral Pink)
ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทน ได้แก่
- สีดำและน้ำตาล (Black + Brown)
- สีดำและสีเทา (Black + Grey)
- สีชมพูและสีเทา (Pink + Grey)
BYD Dolphin Extended Range ราคา 859,999 บาท (ราคาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ)
มีตัวเลือกภายนอกทูโทน 4 สี ได้แก่
- สีชมพู/ สีเทา (Coral Pink + Atlantis Grey)
- สีฟ้า/ สีเทา (Atoll Blue + Atlantis Grey)
- สีเทา/ สีดำ (Atlantis Grey + Pebble Black)
- สีขาว/ สีเทา (Surge White + Atlantis Grey)
ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทน ได้แก่
- สีชมพู/ สีเทา (Pink + Grey)
- สีฟ้า/ สีเทา (Blue + Grey)
- สีดำ/ สีเทา (Black + Grey)
ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัส BYD Dolphin ภายในงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023 ตั้งแต่วันที่ 5 – 9 กรกฎาคม 2566