รายงานล่าสุดจาก “Dream Factory” เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยให้เห็นว่าแบรนด์กำลังจะมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์หรูที่ยั่งยืนที่สุดของโลก โดยข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นภาพรวมของการลดลงของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อรถยนต์ 1 คันอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลในปี 2564 กับ ปี 2563
แม้ว่าเบนท์ลีย์ มอเตอร์สจะเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นกว่า 38.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมได้ลดลงกว่า 76.7% ต่อ รถยนต์ 1 คัน ตั้งแต่ปี 2563
การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของโรงงานตั้งแต่ปี 2553 ได้ส่งผลให้เกิดตัวเลขที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเบนท์ลีย์ มอเตอร์สมุ่งเน้นไปที่หลักสำคัญของการลดการบริโภคและการนำกลับมาใช้ใหม่
ปริมาณน้ำที่ใช้ในโรงงานลดลงกว่า 26.6% ในปี 2564 อันเนื่องมาจากการลงทุนครั้งใหญ่ในมาตรการการกักเก็บน้ำและการติดตั้งระบบรีไซเคิลน้ำ ปริมาณการใช้น้ำที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากการลดการใช้น้ำ ‘ภายในโรงงาน’ ซึ่งมาจากสัดส่วนของพนักงานที่ทำงานจากที่บ้านมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยถังเก็บน้ำแห่งที่สองซึ่งมีความจุในการเก็บน้ำฝนอีก 1,800 ลิตรต่อวันเพิ่งได้รับการติดตั้งบนหลังคาของศูนย์ความเป็นเลิศด้านการตกแต่งยานยนต์แห่งใหม่ ซึ่งถังเก็บน้ำแห่งใหม่นี้จะติดตั้งกับระบบน้ำรีเวิร์สออสโมซิสในอู่สี และเชื่อมต่อกับการใช้น้ำในห้องน้ำโดยตรงในพื้นที่ของศูนย์ความเป็นเลิศด้านการตกแต่งยานยนต์แห่งนี้
ข้อมูลใหม่ยังแสดงให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ณ โรงงาน ลดลงกว่า 70.2% การลดลงของปริมาณการปล่อยก๊าซเป็นผลมาจากการใช้ก๊าซและเชื้อเพลิงชีวภาพของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สในการขนส่งในพื้นที่ของโรงงาน โดยตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
เนื่องมาจากการใช้พลังงานจากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเบนท์ลีย์ มอเตอร์สเพิ่งยืนยันแผนการขยายแผงโซล่าเซลล์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 31,500 แผงเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
การใช้พลังงานต่อรถยนต์ 1 คัน ลดลงกว่า 17.2% เนื่องมาจากการมุ่งเน้นในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และผลของการใช้ระบบหม้อไอน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
Peter Bosch กรรมการบริหารฝ่ายการผลิต เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส กล่าวว่า “กลยุทธ์ Beyond100 ของเราเน้นการทำให้เบนท์ลีย์เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการส่งมอบอัครยนตรกรรมที่ยั่งยืน ตัวเลขล่าสุดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเรามุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในด้านกลยุทธ์การผลิตของเราเพื่อลดของเสีย การใช้น้ำ และการใช้พลังงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
“โรงงานของเรามีความเป็นกลางทางคาร์บอน และแนวคิดที่อยู่เบื้องหลัง ‘Dream Factory’ ของเราก็คือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้มีค่าเป็นศูนย์ โดยเรากำลังวางแผนเพิ่มแผงโซล่าเซลล์ และการลงทุนในการลด VOCs ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในปี 2565 เพื่อทำให้โรงงานของเราเติบโตอย่างยั่งยืนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ในระยะยาว การลงทุน 2.5 พันล้านปอนด์ที่เราประกาศในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จะช่วยให้เราเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่รวมไปถึงงานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของเรา การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และประสบการณ์การทำงานเพื่อรังสรรค์แพลตฟอร์มสำหรับอัครยนตรกรรมไฟฟ้าของเราในอนาคต”
เอเอเอสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง เบนท์ลีย์ เบนเทก้า ไฮบริด ใหม่ (New Bentayga Hybrid) กับราคาเริ่มต้นที่ 13.2 ล้านบาท และ เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไฮบริด ใหม่ (New Flying Spur Hybrid) กับราคาเริ่มต้นที่ 14.2 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
- โทร 02-261-1050
- LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V