ถ้าหากพูดถึงความหลากหลายในกลุ่มรถพรีเมี่ยม Porsche ก็ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มแบรนด์รถหรูที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเสมอมา เพราะด้วยราคาและความเชื่อมั่นในตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้มียอดจองเข้ามามาก อย่างต่อเนื่อง
และในงาน Motor Expo 2022 นี้ ทาง Porsche ก็ไม่พลาดที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาอวดโฉมให้เราได้ชมกัน แต่จะมีใครบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ Porsche ได้ดีกว่าคนของ Porsche เอง ซึ่งในครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากคุณธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป มาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับบูธ Porsche และรถรุ่นใหม่ๆ ที่นำมาในงาน Motor Expo 2022 นี้ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง…
โดย คุณ ธนบดี กุลทล ได้กล่าวถึงภาพรวมของทางปอร์เช่ไว้ว่า “โดยปีนี้ทางปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัวรุ่นพิเศษหลายรุ่นมาก และอีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวในวันนี้ คือ 718 Cayman GT4 RS ตัวอักษร RS ยังมีอีกความหมายนั่นคือ ‘race-bred superlatives’ นี่คือนักล่าแห่งทางโค้ง และขุนเขา ยกระดับประสบการณ์แห่งเสียงคำราม และการขับขี่ที่ไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อน
718 Cayman GT4 RS มีชิ้นส่วนของคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มขึ้น จึงทำให้มีน้ำหนักรถเบาลง ในส่วนของพละกำลังแรงม้าก็เพิ่มขึ้น โดยรถรุ่นนี้เน้นการขับขี่เพื่อขับบนสนามอย่างแท้จริง โดยส่วนตัวผมคิดว่ารถรุ่นนี้เป็นที่สุดของปอร์เช่ เพราะมีการนำขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบ 4 ลิตร เครื่องตระกูลเดียวกันที่มาจาก GT3 นำมาใส่ในบอดี้นี้ ทำให้มีความพิเศษมาก ถือว่าเป็นอีกรถอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสะสมของทาง Porsche”
นอกจากนี้สำหรับรุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวไปในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น Porsche 911 sport classic, GT3 RS มียอดจองเข้ามาอย่างล้นหลามในประเทศไทย และก็รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนนี้ก็คือ 911 DARKA เป็นตัว 911 ยกสูง สำหรับวิ่งแรลลี่ ถือว่าทาง Porsche มีรถหลากหลายรุ่นมากที่ออกมาในปีนี้ แต่รุ่นที่ผมคิดว่าจะถูกใจลูกค้าคนไทยมากที่สุด
คือรุ่น Porsche Cayenne E-Hybrid Platinum Edition กับ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition – Platinum Edition คือรุ่นที่ผลิตขึ้นมาในเวลาที่จำกัด จะผลิตขึ้นมาไม่กี่เดือน รถรุ่นนี้จะดูจากความชอบของลูกค้า ว่าลูกค้าชอบออปชั่นแบบไหน ก็จะนำมาใส่ให้ลูกค้า รวมกับการทำราคาออกมาค่อนข้างดี คาดว่ายอดจองในงาน Motor Expo 2022 จะมาจาก 2 รุ่นนี้ มากที่สุด ซึ่งเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก สำหรับลูกค้าที่จองในงานนี้
คุณ ธนบดี กุลทล ยังได้กล่าวเพิ่มว่า “ในงานนี้ถือว่ามีความพิเศษมากกว่าในทุกๆ ปี คือ ขนาดของบูธฯ ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหนึ่งเท่าตัว จำนวนรถที่มาโชว์มากถึง 11 คัน ครบทุกรุ่น ครบทุกบอดี้สไตล์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างรุ่น Executive กับ รุ่นธรรมดา ว่าแตกต่างกันอย่างไร และ Sport turismo หน้าตาเป็นอย่างไร
รวมถึงสีของรถด้วย เราพยายามเลือกสีให้หลากหลาย เพื่อให้คนได้เห็นว่าปอร์เช่สามารถเลือกออปชั่นได้ตามใจชอบ และรวมไปถึงสีภายในตัวรถ ซึ่งสำหรับงานนี้ ทางปอร์เช่ได้คัดสรรมาโดยเฉพาะ เพื่อให้รู้ว่านี่คือรถที่คัดมาเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าที่มาเลือกซื้อรถภายในงาน Motor Expo เท่านั้น และขายเฉพาะในงานนี้”
อย่างที่เราทราบกันดีจากปัญหาภายนอก จากการขาดแคลนชิป หรืออะไหล่ ส่งผลทำให้มียอดคงค้างในการส่งมอบรถเป็นจำนวนมากในหลายๆ ค่าย ซึ่งทางปอร์เช่ก็เป็นอีกหนึ่งค่ายที่ได้รับผลกระทบนี้ โดยทาง คุณ ธนบดี กุลทล ได้กล่าวว่า “สำหรับเรื่อง back order หรือยอดคงค้างในการส่งมอบของทางปอร์เช่นั้น ขึ้นอยู่แล้วแต่รุ่น
เนื่องด้วย ความต้องการของรถปอร์เช่ค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่อง และก็เจอปัญหาการขาดแคลน ชิป เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Chip Shortage) ทำให้การผลิตมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง” แต่ผมเริ่มมองเห็นแล้วล่ะครับว่า เรื่องระยะการรอ น่าจะเริ่มสั้นลงสำหรับรถทุกรุ่น ในรุ่นที่พิเศษจริงๆ เช่น GT3, GT4 RS บางที่อาจจะต้องรอเป็นปี
แต่ถ้าเป็นรุ่น Platinum Edition, Panamera, Cayenne ที่เรามียอดจำหน่ายค่อนข้างสูงอยู่แล้ว อาจจะรอหลายเดือน รวมไปถึง Taycan เป็นรถที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากตั้งแต่เปิดตัวมา ปีที่แล้วยอดขาย Taycan คิอ 25% ของยอดจองของเรา เป็นอะไรที่เราเองก็เซอร์ไพร์สเหมือนกัน สำหรับปีนี้ ตัว Taycan เองก็มีข้อจำกัดในการผลิต แต่ว่า ช่วงการรอคอยจะน่าจะเริ่มสั้นลงเช่นเดียวกันเหมือนกับในรุ่นอื่นๆ
ด้วยกระแสความนิยมในรถไฟฟ้าที่มีสูงขึ้น รวมไปถึงทางปอร์เช่เองก็เป็นหนึ่งในผู้นำรถไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม ปัญหาจุดชาร์จดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่น่ากังวลไม่น้อย ซึ่งทาง คุณธนบดี กุลทล ได้พูดถึงในเรื่องนี้ว่า “จุดชาร์จไฟของทางปอร์เช่เองนั้น เรามีการเพิ่มจุดขาร์จให้ลูกค้า ตามห้าง หรือที่ต่างๆ เพิ่มขึ้นทุกปี
เราจะมี Target ของเรา เรียกว่า Porsche Destination Charging ซึ่งเราจะติดเครื่องชาร์จแบบ AC ไว้ตามห้างสรรพสินค้า โรงแรมต่างๆ โดยในปีนี้ เรามีเพิ่มขึ้นอีก 12 จุด และเราได้มีการจับมือร่วมกับ บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด ในการสร้างสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง Shell High Performance Charging (HPC) – สถานีชาร์จพลังงาน 180 กิโลวัตต์ และ 360 กิโลวัตต์ direct-current (DC) รวมทั้งสิ้นอีก 11 แห่งทั่วประเทศไทย
ไม่ใช่แค่จำกัดเส้นทางอยู่แค่ในประเทศไทย แต่เราได้มีการวางแผนให้มีสถานีชาร์จที่สามารถรองรับการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ตลอดแนว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสู่มาเลเซียเท่านั้น แต่ยังสามารถเดินทางไปถึงสิงคโปร์ได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังรองรับการเดินทางไปยังเมืองสำคัญในประเทศอย่าง กรุงเทพ-เชียงใหม่, กรุงเทพ-ภาคอีสาน เราแน่ใจว่า ปอร์เช่มี High Performance Charging (HPC) ตามทางหลวงที่พร้อมชาร์จ และสามารถชาร์จไฟโดยใช้เวลาที่น้อยลงขึ้นเวลาชาร์จในแต่ละครั้ง เพื่อลดภาระให้กับผู้ขับขี่นั้นเอง โดยในจุดนั้นสามารถทำได้เพราะรถยนต์ปอร์เช่ สามารถรองรับการชาร์จไฟได้ถึง 800 โวลต์
โดยแพลตฟอร์มของรถไฟฟ้าทั่วๆ ไป ส่วนมากอยู่ที่ 400 โวลต์ ทำให้รถปอร์เช่ชาร์จได้เร็วกว่าหนึ่งเท่าตัว อย่างตัว charger ที่ศูนย์ดอนเมืองสามารถชาร์จไฟได้อยู่ที่ 350 กิโลวัตต์ ซึ่งรถปอร์เช่สามารถรองรับได้ 300 กิโลวัตต์ เรียกได้ว่าเร็วที่สุดในตลาด
นอกจากนั้นในส่วนของจุดชาร์จที่ทางปอร์เช่ติดตั้งนั้นยังเปิดให้รถจากค่ายอื่นร่วมใช้งานด้วยไม่จำกัดแบรนด์ โดยตัว chager ที่ติดตั้งไว้นั้นสามารถปรับระดับได้ตามความสามารถในการรองรับไฟฟ้าของรถนั้นๆ สมมุติว่าถ้ารถรุ่นนี้รองรับได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ ตู้ชาร์จก็จะปล่อยไฟแค่ 50 กิโลวัตต์นั่นเอง
นอกจากนี้สำหรับลูกค้าปอร์เช่ที่ออกรถ Taycan ในปีหน้า จะได้รับ Platinum Package ที่มีส่วนลด 50% ของอัตราค่าชาร์จไฟจากที่ชาร์จของปอร์เช่อีกด้วย นี่คือสิทธิประโยชน์ที่ทางปอร์เช่มอบให้สำหรับลูกค้าของปอร์เช่เท่านั้น
ทางคุณธนบดี กุลทล ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ในปีหน้าจะเป็นปีที่พิเศษ เพราะว่าจะเป็นปีที่ทางปอร์เช่ประเทศไทยครบรอบ 30 ปี ผมขอเกริ่นไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า อย่างที่เราเห็นว่าปอร์เช่มีความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เราวางแผนล่วงหน้ากันเป็นปี เพื่อจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีในปีหน้าปี”
สุดท้ายนี้ผมอยากจะเรียนเชิญให้ทุกคนเข้ามาชื่นชมรถของเราในงาน Motor Expo 2022 เพราะว่าเราคัดสรรรถมา 11 คัน ครั้งแรกที่ครบไลน์อัพ อยากให้เข้ามาสัมผัสแบรนด์ปอร์เช่ดูสักครั้งสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยได้มีโอกาส ผมเชื่อว่าปอร์เช่เป็นรถในฝันของหลายๆ คน แต่ตอนนี้ ผมมองว่าเราทำฝันให้เป็นจริงได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน
โดยรถยนต์ปอร์เช่ราคาเริ่มต้นที่ 4,790,000 บาทเท่านั้น เป็นราคาที่จับต้องได้ และก็อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้ามาลองสัมผัส Test Drive รถยนต์ปอร์เช่ แล้วจะเห็น จะรู้สึกเลยว่าความแตกต่างของแบรนด์ปอร์เช่เป็นอย่างไร แล้วทำไมคนถึงหันมาซื้อแล้วก็ใช้รถยนต์ปอร์เช่เป็นจำนวนมาก
ที่บอกว่ายอดขายก้าวกระโดดขึ้นเท่าตัว คือเหตุผลเพราะว่าแบรนด์ปอร์เช่เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานปากต่อปาก ถ้าเราสัญญาอะไรแล้วลูกค้าต้องได้ตามนั้น รวมไปถีงการตอบโจทย์ที่เข้าถึงผู้ใช้จริงๆ โดยในบูธของเรานี่เรามีการจัดเอารูปแบบการใช้งานจริงๆ ของผู้ใช้รถปอร์เช่มาให้ได้ชมกัน เราใส่ใจในทุกเรื่องราวและความต้องการ
จะเห็นได้ว่ารถ Cayenne มีกรงสุนัขอยู่ข้างหลัง (กรงสุนัขแบรนด์ปอร์เช่) และมีกระเป๋าริโมว่าปอร์เช่ (Rimowa x Porsche) มาโชว์ด้วย และมีรถหลากหลายรุ่น หลากหลายออปชั่น เพื่อให้คนเห็นว่ารถยนต์ปอร์เช่สามารถเลือกสรรได้หลากหลายรูปแบบตามใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ซึ่งลูกค้าสามารถเนรมิตรถได้ตามความต้องการของตัวเอง ให้เหมาะสมกับคาแรคเตอร์ของตัวเองยังไงก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น แนวสปอร์ต ลักชัวรี่ แนวผู้ใหญ่ แนวเด็ก ทางปอร์เช่ก็สามารถเนรมิตให้คุณได้นั่นเอง