ดีไซน์การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก
ทิศทางใหม่ในการออกแบบยานยนต์ของมิตซูบิชิ “ซิลก์กี แอนด์ โซลิด (Silky & Solid)” ซึ่งถูกนำมาปรับใช้ กับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ผสานสไตล์ที่โดดเด่นเข้ากับความทรงพลัง สะท้อนผ่านรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวและดึงดูดทุกสายตา ทั้งในเมืองและนอกเมืองตำมแบบฉบับรถเอสยูวีที่แท้จริง
พื้นผิวที่ดูเรียบ และเงางามของด้านบนตัวรถ สอดรับกับสัญลักษณ์ทรีไดมอนด์ที่ด้านหน้า พร้อมเส้นสายที่ดูไดนามิคจากด้านข้างไปถึงด้านท้ายรถ หลังคำแบบลอยตัว (Floating Roof) เอกลักษณ์จาก “ไดนามิคชิลด์” ที่มาในเวอร์ชันแบบ 3 มิติ และสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับคอนเซ็ปต์ การออกแบบของรถรุ่นนี้
กระจังหน้าถูกออกแบบให้ปกป้อง และกลมกลืนไปกับกันชนหน้าซ้ายและขวา ทำให้เกิดมิติของความลึก เสริมสร้างความสปอร์ตให้ด้านหน้าของตัวรถ ดีไซน์ด้านข้างแบบ 3 มิติ พร้อมเส้นสายที่แสดง ถึงความโฉบเฉี่ยวและแข็งแกร่ง ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED สี Smoke สร้างความเป็นไอคอนนิค ด้วยการจัดเรียงเป็นรูปตัวทีเสริมให้เห็นถึงความกว้างและความรู้สึกมั่นคงของตัวรถ
ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้ว ดีไซน์สวย ที่คำนึงถึงแอโรไดนามิค ระยะต่ำสุดถึงพื้น หรือ Ground Clearance ที่มีความสูงถึง 183 มิลลิเมตร เสริมด้วยซุ้มล้อที่เลือกใช้วัสดุ และสีที่ตัดกับสีรถ ทำให้ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีบุคลิกของรถเอสยูวีอย่างชัดเจน
ดีไซน์การออกแบบภายใน
ภายในห้องโดยสารสีทูโทน Mélange – Mocha พร้อมการตกแต่งด้วยผ้าแบบพิเศษกันน้ำและคราบสิ่งสกปรก ห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน พื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่หัวไหล่ และพื้นที่วางขาที่กว้าง เบาะนั่งตอนหลังสามารถพับปรับแบบ 40:20:40 และปรับเอนได้ถึง 8 ระดับ พร้อมด้วยวัสดุหุ้มเบาะ “Heat Guard” ที่ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด
ไดนามิค ซาวด์ ยามาฮ่า พรีเมียม ซาวด์ ซิสเต็ม (Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System) คือ ระบบเสียงคุณภาพสูงกระจายเสียงผ่านลำโพงทั้งหมด 8 ตัว ทวิตเตอร์คู่หน้าที่ถูกติดตั้งบริเวณเสาหลังคำ (A-Pillar) ลำโพงวูฟเฟอร์ที่ติดตั้งบริเวณ แผงประตูคู่หน้า ลำโพงโคแอกเซียล (Coaxial) แบบ 2 ทาง ที่ประตูคู่หลัง
อีกทั้งยังสามารถเลือกรูปแบบเสียงได้ถึง 4 รูปแบบตามรสนิยมและอารมณ์ในการฟังเพลง เพื่อเพิ่มสุนทรียภาพและประสบการณ์ขับขี่ที่เพลิดเพลินยิ่งขึ้น
หน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว พร้อม Smartphone-link Display Audio (SDA) มาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว จอแสดงผลถูกออกแบบให้เป็นแบบมัลติวิดเจ็ต (Multi- widget) จอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเพื่อแสดงข้อมูลต่าง ๆ พร้อมกันบนหน้าจอเดียว ทั้งยังสามารถแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ระดับความสูง มุมเอียง และทิศทาง
นอกจากนี้ ยังรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และ WebLink เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้สามารถ เพลิดเพลินกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้บนหน้าจอขนาดใหญ่
ระบบฟอกอากาศ nanoe™ X ที่จะช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ และยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดอากาศเหนื่อยล้ำ สร้างความสดชื่นให้คุณตลอดการเดินทาง สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) บริเวณคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านหน้า
เทคโนโลยีควำมปลอดภัยไดมอนด์เซ้นส์ (Diamond Sense)
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครอบคลุมแบบ 360 องศา โดยใช้การตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถด้วย กล้อง เซนเซอร์ และเรดาห์ที่แม่นยำซึ่งจะทำงานและมีสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบเมื่อเกิดสภาวะฉุกเฉิน หรือต้องระมัดระวัง ได้แก่
- MAM with Moving Object Detection: กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะ ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งแสดงภาพสภาพแวดล้อมรอบตัวรถพร้อมระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว
- LCDN: ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัวหรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ระบบจะทำการแจ้งเตือนบน หน้าจอแสดงผลแบบ LCD กรณีรถหยุดนิ่งและมีการเคลื่อนตัวของรถคันหน้า
- BSW with LCA: ระบบเตือนจุดอับสายตาและระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน
- FCM: ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ป้องกันความเสี่ยงที่จะชนรถ คันหน้า และสบายใจกว่าด้วยการลดความเร็วเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการชน
- ACC: ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติถึงจุดหยุดนิ่ง ระบบจะสามารถล็อคความเร็วตามที่กำหนด และรักษาความเร็วให้คงที่ตามรถคันหน้า ตลอดจนช่วยเบรกจนถึงความเร็ว 0 กิโลเมตรต่อ ชั่วโมง เพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อต้องขับขี่ทางไกล
- AHB: ระบบควบคุมไฟสูงโดยอัตโนมัติ สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
- RCTA: ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ระบบจะส่งสัญญาณเตือน เมื่อพบว่ามีวัตถุเคลื่อนไหวด้านหลังรถ ขณะกำลังถอยรถออกจากช่องจอด
นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยแบบ Passive safety ด้วยการติดตั้งถุงลม 6 ตำแหน่งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นของทุกคนในห้องโดยสารอีกด้วย
MITSUBISHI e:MOTION
3 เทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดของมิตซูบิชิ ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจนเนอเรชัน ใหม่ล่าสุด โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้ำโค้ง (AYC) ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจนเนอเรชันใหม่
ได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อันโด่งดังของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และเป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถยนต์ฟูลไฮบริดรุ่นแรกอย่างเอ็กซ์แพนเดอร์ ทำให้มีประสิทธิภาพการส่งกำลังที่ดียิ่งขึ้น ช่วยให้การขับขี่เต็มเปี่ยมด้วยพลังและนุ่มนวลมากขึ้นในทุกเส้นทาง
อีกทั้งยังเพิ่มกลไกตัดการเชื่อมต่อของมอเตอร์ ช่วยลดการสูญเสียพลังงานลงได้มาก ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้รถมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 24.4 กิโลเมตร/ลิตร* และทำให้ได้ระยะทางในการขับขี่ต่อ น้ำมัน 1 ถัง สูงที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน
เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่แบบรถไฟฟ้า รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบส่งกำลัง 2-Speed Transaxle โดยการขับเคลื่อนในแบบไฮบริด จะให้ความเงียบและมีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมทั้งในการขับขี่บนไฮเวย์ และในเส้นทางที่เป็นเนินลาดชัน
นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้า เจเนอเรเตอร์ และระบบส่งกำลัง ยังได้รับการออกแบบ ให้ทำงานผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้มีการทำงานที่เงียบลดเสียงรบกวนอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ประสบการณ์ การขับขี่เหมือนรถไฟฟ้า
ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุด มีทั้งการขับขี่แบบ EV DRIVE การขับขี่แบบ HYBRID-SERIES การขับขี่ แบบ HYBRID-PARALLEL การขับขี่แบบ HYBRID–MOTOR DISCONNECTED และการขับขี่แบบ POWER REGENERATIVE
โดยระบบจะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่โดยอัตโนมัติตามสภาพการขับขีและปริมาณพลังงานที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ เพื่อให้ได้ทั้งประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงและการขับขี่ที่ทรงพลังเร้าใจด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
- ขณะออกตัว
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% เงียบและใช้พลังงานสะอาด ปราศจากการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซ CO2
- ขณะเร่งความเร็วหรือขับด้วยความเร็วปานกลาง
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์จะทำงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังในการขับเคลื่อน ซึ่งจะตัดสลับกับ EV DRIVE เมื่อพลังงานในแบตเตอรี่เพียงพอ
- ขณะขึ้นทางชัน หรือขึ้นเขา
เมื่อต้องการพละกำลังในการขึ้นทางชันหรือขึ้นเขา ระบบจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในอัตราทด LOW (เช่นเดียวกับเกียร์ต่ำ) เพื่อเพิ่มพละกำลังและประสิทธิภาพการจัดการพลังงานในแบตเตอรี่ให้ดียิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ยังคงสร้างกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง และจะตัดสลับกับ HYBRID-SERIES ตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนและประหยัดน้ำมัน
- ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือคงที่
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในอัตราทด HIGH (เช่นเดียวกับเกียร์สูง) และเมื่อขับที่ความเร็วคงที่จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เป็นหลัก และตัดภาระการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าออก เพื่อลดภาระในการทำงานของเครื่องยนต์
อีกทั้งเจเนอเรเตอร์ยังช่วยในการขับเคลื่อน ทำให้ประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ยังคงสร้างกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง และจะตัดสลับกับ HYBRID-SERIES หรือ EV DRIVE ตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนและประหยัดพลังงาน
- ขณะลดความเร็วหรือลงทางชัน
ระบบจะเปลี่ยนพลังงานจากการชะลอความเร็วหรือเบรก เป็นพลังงานไฟฟ้าและนำกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ ระบบ HEV นี้ช่วยให้สามารถขับขี่ได้อย่างเงียบ สะอาดแบบรถ EV และยังรองรับกำรเดินทำงระยะไกลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงานแบตเตอรี่หมด
ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ซ เอชอีวี มำพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ประสิทธิภำพสูงที่ได้รับ การออกแบบเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC DOHC 16 วาล์ว ซึ่ง ถูกใช้งานครั้งแรกในเอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี โดยให้ประสิทธิภำพเชิงความร้อน (Thermal efficiency) ในระดับแนวหน้าของคลาส พร้อมทั้งกำลังขับเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งปั๊มน้ำไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากระบบขับเคลื่อนเสริม (Auxiliary Drive Loss) ส่งผลให้ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น และส่งเสริมประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ ขับเคลื่อน เมื่อทำงานร่วมกับเจเนอเรเตอร์และมอเตอร์ที่มีกำลังสูงสุด 85 กิโลวัตต์
ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ ฟอร์ส เอชอีวี จึงสามารถอัตราเร่งที่ราบรื่น ทรงพลัง และตอบสนองฉับไว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ พลังงานไฟฟ้า
โหมดกำรขับขี่ 7 รูปแบบ
อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้ Mitsubishi e:MOTION มอบประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่น คือ โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกสภาพอากาศและสภาพถนน โดยแบ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบรถไฟฟ้า 2 รูปแบบ และโหมดการขับขี่อีก 5 รูปแบบสภาพถนน
ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านสวิตซ์ที่คอนโซลกลาง โดยระบบควบคุม เบรก เครื่องยนต์ มอเตอร์ และพวงมาลัย จะทำงานร่วมกันเพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยบนสภาพถนนที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทย
โหมด EV Priority และโหมด Charge ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกขับขี่ในโหมด EV ตามสถานการณ์ได้
- EV Priority Mode ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์โดยไม่ต้องสตาร์ตเครื่องยนต์ โหมดนี้มีความเงียบสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนเมื่อต้องขับขี่ในบริเวณที่ต้องการความเงียบ
- Charge Mode ใช้เครื่องยนต์ชาร์จแบตเตอรี่เมื่อพลังงานเหลือน้อยในขณะขับ หรือจอดรอได้ เพื่อให้ สามารถใช้โหมด EV ได้นานขึ้นตามต้องการ
5 โหมดการขับขี่อื่นๆ ถูกออกแบบมำเพื่อควบคุมรถตามสภาพถนน ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อม เทคโนโลยีควบคุมต่างๆ ได้แก่
- Active Yaw Control (AYC): ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง ควบคุมแรงขับ และ แรงเบรกของล้อหน้าแต่ละข้างเพื่อเพิ่มการทรงตัวและการควบคุมให้ปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น
- Traction Control System (TCL): ระบบป้องกันการลื่นไถล ป้องกันล้อหมุนฟรี
- Active Stability Control (ASC): ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
- Electric Power Steering: พวงมำลัยไฟฟ้ำ ปรับน้ำหนักตามความเร็วและสภาพถนน
ทั้ง 5 โหมดการขับขี่ ช่วยให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพอากาศและถนน
- Normal Mode: เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- Tarmac Mode: สำหรับถนนลาดยาง เพิ่มความว่องไวและการควบคุมที่แม่นยำบนถนนคดเคี้ยว ให้พละกำลังเช่นเดียวกับ Sport Mode
- Gravel Mode: สำหรับถนนลูกรัง ลดอาการลื่นไถลและเพิ่มความมั่นคงบนถนนลูกรัง
- Mud Mode: สำหรับถนนโคลน ให้การยึดเกาะที่ดีขึ้นแม้ในสภาพถนนที่เป็นโคลนและขรุขระ
- Wet Mode: สำหรับถนนเปียกลื่นลดการลื่นของยางและเพิ่มเสถียรภาพแม้ในสภาพฝนตกหนัก
จอแสดงผลการขับขี่ LCD ขนาด 8 นิ้ว จะแสดงข้อมูลเฉพาะสำหรับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดอย่างชัดเจน เช่น ระดับพลังงาน แสดงสถานะ Eco, Power และ Charge สอดคล้องกับการควบคุมคันเร่ง การไหลเวียนของ พลังงาน อัตราส่วนการขับขี่ด้วยไฟฟ้า และระดับพลังงานที่เหลือในแบตเตอรี่ และสามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอได้ 2 รูปแบบ
SPECIFICATION |
||
มิติตัวรถ |
||
ความยาวตลอดคัน |
มม. |
4,390 |
ความกว้างตลอดคัน |
มม. |
1,810 |
ความสูง |
มม. |
1,650 |
ระยะฐานล้อ |
มม. |
2,650 |
ความกว้างช่วงล้อหน้ำ |
มม. |
1,565 |
ความกว้างช่วงล้อหลัง |
มม. |
1,565 |
ระยะต่ำสุดถึงพื้น |
มม. |
183 |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด |
ม. |
5.2 |
เครื่องยนต์ |
||
รหัสเครื่องยนต์ |
4A92 |
|
แบบเครื่องยนต์ |
4 สูบ MIVEC DOHC 16 วาล์ว |
|
ปริมาตรกระบอกสูบ |
ซีซี |
1,590 |
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก |
มม. |
75.0 x 90.0 |
อัตราส่วนกำลังอัด |
14 : 1 |
|
กำลังสูงสุด |
กิโลวัตต์ (แรงม้ำ) / รอบต่อนำที |
79 (107) / 6,000 |
แรงบิดสูงสุด |
นิวตันเมตร / รอบต่อนำที |
134 / 4,500 |
ระบบเชื้อเพลิง |
||
ชนิด |
หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ECI-MULTI 32 Bit |
|
ชนิดน้ำมันแนะนำ |
แก็สโซฮอล์ E20 |
|
ความจุถังน้ำมัน |
ลิตร |
42 |
มอเตอร์ไฟฟ้ำ |
||
กำลังสูงสุด |
กิโลวัตต์ (แรงม้ำ) |
85 (116) |
แรงบิดสูงสุด |
นิวตันเมตร |
255 |
แบตเตอรี่ไฮบริด |
||
ชนิดแบตเตอรี่ |
Lithium-ion |
ระบบส่งกำลัง |
|
ชนิด |
2-Speed Transaxle |
อัตราทดระบบส่งกำลัง |
High 3.384, Low 4.588 |
อัตราทดเครื่องยนต์ |
2.107 |
อัตราทดมอเตอร์ไฟฟ้า |
9.215 |
ระบบบังคับเลี้ยว |
|
แบบ |
แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ ควบคุมด้วยไฟฟ้า |
ระบบกันสะเทือน |
|
หน้า |
แบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และ เหล็กค้ำหัวโช้ค |
หลัง |
ทอร์ชันบีม |
ระบบเบรก |
|
หน้า |
ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน |
หลัง |
ดิสก์เบรก |
ล้อและยาง |
|
ขนาดล้ออัลลอย |
18″ x 7.0J แบบทูโทน |
ขนาดยาง |
225/50 R18 |
ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น Ignite ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่
- สีขาวมุก (White Diamond)
- สีเงิน (Blade Silver)
- สีเทา (Graphite Grey)
- รุ่น Ultimate ราคาเริ่มต้น 1,039,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่
- สีขาวมุก (White Diamond) หลังคาดำ
- สีเงิน (Blade Silver)
- สีเทา (Graphite Gray)
- สีดำ (Jet Black Mica)
- รุ่น Ultimate X ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่
- สีขาวมุก (White Diamond) หลังคาดำ
- สีเทา (Graphite Gray) หลังคำดำ
- สีเหลือง (Energetic Yellow) หลังคาดำ
- สีแดง (Spirit Red) หลังคาดำ
- สีดำ (Jet Black Mica)
พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้แก่
- การรับประกันระบบไฮบริดเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
- รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนานสูงสุดถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
- รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี
- การรับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
- ฟรีค่าแรงเช็กระยะนำน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
- เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
- ลูกค้าครอบครัวมิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดถึง 30,000 บำท ผ่านแอฟพลิเคชัน M-Drive
ติดตามข้อมูลข่าวสาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่
- Website: www.mitsubishi-motors.co.th
- Facebook: www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH
- Instagram: @MitsubishiMotorsTh
- Youtube Channel: MitsubishiMotorsTh
- Line Official Account/ ID: MitsubishiMotorsTh
- มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24ชั่วโมง