Breaking News

เปิดตัว All-New Mitsubishi XFORCE HEV ขุมพลังฟูลไฮบริด เจเนอเรชันใหม่ ในราคา 899,000 – 1,089,000 บาท

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

ดีไซน์การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก

ทิศทางใหม่ในการออกแบบยานยนต์ของมิตซูบิชิ “ซิลก์กี แอนด์ โซลิด (Silky & Solid)” ซึ่งถูกนำมาปรับใช้ กับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ผสานสไตล์ที่โดดเด่นเข้ากับความทรงพลัง สะท้อนผ่านรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวและดึงดูดทุกสายตา ทั้งในเมืองและนอกเมืองตำมแบบฉบับรถเอสยูวีที่แท้จริง

พื้นผิวที่ดูเรียบ และเงางามของด้านบนตัวรถ สอดรับกับสัญลักษณ์ทรีไดมอนด์ที่ด้านหน้า พร้อมเส้นสายที่ดูไดนามิคจากด้านข้างไปถึงด้านท้ายรถ หลังคำแบบลอยตัว (Floating Roof) เอกลักษณ์จาก “ไดนามิคชิลด์” ที่มาในเวอร์ชันแบบ 3 มิติ และสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับคอนเซ็ปต์ การออกแบบของรถรุ่นนี้

กระจังหน้าถูกออกแบบให้ปกป้อง และกลมกลืนไปกับกันชนหน้าซ้ายและขวา ทำให้เกิดมิติของความลึก เสริมสร้างความสปอร์ตให้ด้านหน้าของตัวรถ ดีไซน์ด้านข้างแบบ 3 มิติ พร้อมเส้นสายที่แสดง ถึงความโฉบเฉี่ยวและแข็งแกร่ง ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED สี Smoke สร้างความเป็นไอคอนนิค ด้วยการจัดเรียงเป็นรูปตัวทีเสริมให้เห็นถึงความกว้างและความรู้สึกมั่นคงของตัวรถ

ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้ว ดีไซน์สวย ที่คำนึงถึงแอโรไดนามิค ระยะต่ำสุดถึงพื้น หรือ Ground Clearance ที่มีความสูงถึง 183 มิลลิเมตร เสริมด้วยซุ้มล้อที่เลือกใช้วัสดุ และสีที่ตัดกับสีรถ ทำให้ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีบุคลิกของรถเอสยูวีอย่างชัดเจน

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

ดีไซน์การออกแบบภายใน

ภายในห้องโดยสารสีทูโทน Mélange – Mocha พร้อมการตกแต่งด้วยผ้าแบบพิเศษกันน้ำและคราบสิ่งสกปรก ห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน พื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่หัวไหล่ และพื้นที่วางขาที่กว้าง เบาะนั่งตอนหลังสามารถพับปรับแบบ 40:20:40 และปรับเอนได้ถึง 8 ระดับ พร้อมด้วยวัสดุหุ้มเบาะ “Heat Guard” ที่ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด

ไดนามิค ซาวด์ ยามาฮ่า พรีเมียม ซาวด์ ซิสเต็ม (Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System)  คือ ระบบเสียงคุณภาพสูงกระจายเสียงผ่านลำโพงทั้งหมด 8 ตัว ทวิตเตอร์คู่หน้าที่ถูกติดตั้งบริเวณเสาหลังคำ (A-Pillar) ลำโพงวูฟเฟอร์ที่ติดตั้งบริเวณ แผงประตูคู่หน้า ลำโพงโคแอกเซียล (Coaxial) แบบ 2 ทาง ที่ประตูคู่หลัง

อีกทั้งยังสามารถเลือกรูปแบบเสียงได้ถึง 4 รูปแบบตามรสนิยมและอารมณ์ในการฟังเพลง เพื่อเพิ่มสุนทรียภาพและประสบการณ์ขับขี่ที่เพลิดเพลินยิ่งขึ้น

หน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว พร้อม Smartphone-link Display Audio (SDA) มาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว จอแสดงผลถูกออกแบบให้เป็นแบบมัลติวิดเจ็ต (Multi- widget) จอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเพื่อแสดงข้อมูลต่าง ๆ พร้อมกันบนหน้าจอเดียว ทั้งยังสามารถแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ระดับความสูง มุมเอียง และทิศทาง 

นอกจากนี้ ยังรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และ WebLink เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้สามารถ เพลิดเพลินกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้บนหน้าจอขนาดใหญ่

ระบบฟอกอากาศ nanoe™ X ที่จะช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ และยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดอากาศเหนื่อยล้ำ สร้างความสดชื่นให้คุณตลอดการเดินทาง สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) บริเวณคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านหน้า 

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

เทคโนโลยีควำมปลอดภัยไดมอนด์เซ้นส์ (Diamond Sense)

เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครอบคลุมแบบ 360 องศา โดยใช้การตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถด้วย กล้อง เซนเซอร์ และเรดาห์ที่แม่นยำซึ่งจะทำงานและมีสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบเมื่อเกิดสภาวะฉุกเฉิน หรือต้องระมัดระวัง ได้แก่

  • MAM with Moving Object Detection: กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะ ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งแสดงภาพสภาพแวดล้อมรอบตัวรถพร้อมระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว
  • LCDN: ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัวหรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ระบบจะทำการแจ้งเตือนบน หน้าจอแสดงผลแบบ LCD กรณีรถหยุดนิ่งและมีการเคลื่อนตัวของรถคันหน้า
  • BSW with LCA: ระบบเตือนจุดอับสายตาและระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน
  • FCM: ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ป้องกันความเสี่ยงที่จะชนรถ คันหน้า และสบายใจกว่าด้วยการลดความเร็วเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการชน
  • ACC: ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติถึงจุดหยุดนิ่ง ระบบจะสามารถล็อคความเร็วตามที่กำหนด และรักษาความเร็วให้คงที่ตามรถคันหน้า ตลอดจนช่วยเบรกจนถึงความเร็ว 0 กิโลเมตรต่อ ชั่วโมง เพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อต้องขับขี่ทางไกล
  • AHB: ระบบควบคุมไฟสูงโดยอัตโนมัติ สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
  • RCTA: ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ระบบจะส่งสัญญาณเตือน เมื่อพบว่ามีวัตถุเคลื่อนไหวด้านหลังรถ ขณะกำลังถอยรถออกจากช่องจอด

นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยแบบ Passive safety ด้วยการติดตั้งถุงลม 6 ตำแหน่งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นของทุกคนในห้องโดยสารอีกด้วย

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

MITSUBISHI e:MOTION

3 เทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดของมิตซูบิชิ ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจนเนอเรชัน ใหม่ล่าสุด โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้ำโค้ง (AYC) ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจนเนอเรชันใหม่

ได้รับการถ่ายทอดและพัฒนามาจากความสำเร็จของระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อันโด่งดังของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และเป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถยนต์ฟูลไฮบริดรุ่นแรกอย่างเอ็กซ์แพนเดอร์ ทำให้มีประสิทธิภาพการส่งกำลังที่ดียิ่งขึ้น ช่วยให้การขับขี่เต็มเปี่ยมด้วยพลังและนุ่มนวลมากขึ้นในทุกเส้นทาง

อีกทั้งยังเพิ่มกลไกตัดการเชื่อมต่อของมอเตอร์ ช่วยลดการสูญเสียพลังงานลงได้มาก ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้รถมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 24.4 กิโลเมตร/ลิตร* และทำให้ได้ระยะทางในการขับขี่ต่อ น้ำมัน 1 ถัง สูงที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน

เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่แบบรถไฟฟ้า รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบส่งกำลัง 2-Speed Transaxle โดยการขับเคลื่อนในแบบไฮบริด จะให้ความเงียบและมีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมทั้งในการขับขี่บนไฮเวย์ และในเส้นทางที่เป็นเนินลาดชัน

นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้า เจเนอเรเตอร์ และระบบส่งกำลัง ยังได้รับการออกแบบ ให้ทำงานผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้มีการทำงานที่เงียบลดเสียงรบกวนอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ประสบการณ์ การขับขี่เหมือนรถไฟฟ้า

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุด มีทั้งการขับขี่แบบ EV DRIVE การขับขี่แบบ HYBRID-SERIES การขับขี่ แบบ HYBRID-PARALLEL การขับขี่แบบ HYBRID–MOTOR DISCONNECTED และการขับขี่แบบ POWER REGENERATIVE

โดยระบบจะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่โดยอัตโนมัติตามสภาพการขับขีและปริมาณพลังงานที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ เพื่อให้ได้ทั้งประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงและการขับขี่ที่ทรงพลังเร้าใจด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

  • ขณะออกตัว

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% เงียบและใช้พลังงานสะอาด ปราศจากการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซ CO2

  • ขณะเร่งความเร็วหรือขับด้วยความเร็วปานกลาง

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์จะทำงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังในการขับเคลื่อน ซึ่งจะตัดสลับกับ EV DRIVE เมื่อพลังงานในแบตเตอรี่เพียงพอ

  • ขณะขึ้นทางชัน หรือขึ้นเขา

เมื่อต้องการพละกำลังในการขึ้นทางชันหรือขึ้นเขา ระบบจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในอัตราทด LOW (เช่นเดียวกับเกียร์ต่ำ) เพื่อเพิ่มพละกำลังและประสิทธิภาพการจัดการพลังงานในแบตเตอรี่ให้ดียิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ยังคงสร้างกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง และจะตัดสลับกับ HYBRID-SERIES ตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนและประหยัดน้ำมัน

  • ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือคงที่

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในอัตราทด HIGH (เช่นเดียวกับเกียร์สูง) และเมื่อขับที่ความเร็วคงที่จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เป็นหลัก และตัดภาระการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าออก เพื่อลดภาระในการทำงานของเครื่องยนต์

อีกทั้งเจเนอเรเตอร์ยังช่วยในการขับเคลื่อน ทำให้ประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ยังคงสร้างกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง และจะตัดสลับกับ HYBRID-SERIES หรือ EV DRIVE ตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนและประหยัดพลังงาน

  • ขณะลดความเร็วหรือลงทางชัน

ระบบจะเปลี่ยนพลังงานจากการชะลอความเร็วหรือเบรก เป็นพลังงานไฟฟ้าและนำกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ ระบบ HEV นี้ช่วยให้สามารถขับขี่ได้อย่างเงียบ สะอาดแบบรถ EV และยังรองรับกำรเดินทำงระยะไกลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงานแบตเตอรี่หมด

ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ซ เอชอีวี มำพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ประสิทธิภำพสูงที่ได้รับ การออกแบบเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC DOHC 16 วาล์ว ซึ่ง ถูกใช้งานครั้งแรกในเอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี โดยให้ประสิทธิภำพเชิงความร้อน (Thermal efficiency) ในระดับแนวหน้าของคลาส พร้อมทั้งกำลังขับเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งปั๊มน้ำไฟฟ้าเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากระบบขับเคลื่อนเสริม (Auxiliary Drive Loss) ส่งผลให้ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น และส่งเสริมประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ ขับเคลื่อน เมื่อทำงานร่วมกับเจเนอเรเตอร์และมอเตอร์ที่มีกำลังสูงสุด 85 กิโลวัตต์

ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ ฟอร์ส เอชอีวี จึงสามารถอัตราเร่งที่ราบรื่น ทรงพลัง และตอบสนองฉับไว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ พลังงานไฟฟ้า

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

โหมดกำรขับขี่ 7 รูปแบบ

อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้ Mitsubishi e:MOTION มอบประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่น คือ โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกสภาพอากาศและสภาพถนน โดยแบ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบรถไฟฟ้า 2 รูปแบบ และโหมดการขับขี่อีก 5 รูปแบบสภาพถนน

ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านสวิตซ์ที่คอนโซลกลาง โดยระบบควบคุม เบรก เครื่องยนต์ มอเตอร์ และพวงมาลัย จะทำงานร่วมกันเพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยบนสภาพถนนที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะกับสภาพถนนในประเทศไทย

โหมด EV Priority และโหมด Charge ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกขับขี่ในโหมด EV ตามสถานการณ์ได้

  • EV Priority Mode ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์โดยไม่ต้องสตาร์ตเครื่องยนต์ โหมดนี้มีความเงียบสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนเมื่อต้องขับขี่ในบริเวณที่ต้องการความเงียบ
  • Charge Mode ใช้เครื่องยนต์ชาร์จแบตเตอรี่เมื่อพลังงานเหลือน้อยในขณะขับ หรือจอดรอได้ เพื่อให้ สามารถใช้โหมด EV ได้นานขึ้นตามต้องการ

5 โหมดการขับขี่อื่นๆ ถูกออกแบบมำเพื่อควบคุมรถตามสภาพถนน ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อม เทคโนโลยีควบคุมต่างๆ ได้แก่

  • Active Yaw Control (AYC): ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง ควบคุมแรงขับ และ แรงเบรกของล้อหน้าแต่ละข้างเพื่อเพิ่มการทรงตัวและการควบคุมให้ปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น
  • Traction Control System (TCL): ระบบป้องกันการลื่นไถล ป้องกันล้อหมุนฟรี
  • Active Stability Control (ASC): ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
  • Electric Power Steering: พวงมำลัยไฟฟ้ำ ปรับน้ำหนักตามความเร็วและสภาพถนน

ทั้ง 5 โหมดการขับขี่ ช่วยให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพอากาศและถนน

  • Normal Mode: เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
  • Tarmac Mode: สำหรับถนนลาดยาง เพิ่มความว่องไวและการควบคุมที่แม่นยำบนถนนคดเคี้ยว ให้พละกำลังเช่นเดียวกับ Sport Mode
  • Gravel Mode: สำหรับถนนลูกรัง ลดอาการลื่นไถลและเพิ่มความมั่นคงบนถนนลูกรัง
  • Mud Mode: สำหรับถนนโคลน ให้การยึดเกาะที่ดีขึ้นแม้ในสภาพถนนที่เป็นโคลนและขรุขระ
  • Wet Mode: สำหรับถนนเปียกลื่นลดการลื่นของยางและเพิ่มเสถียรภาพแม้ในสภาพฝนตกหนัก

จอแสดงผลการขับขี่ LCD ขนาด 8 นิ้ว จะแสดงข้อมูลเฉพาะสำหรับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดอย่างชัดเจน เช่น ระดับพลังงาน แสดงสถานะ Eco, Power และ Charge สอดคล้องกับการควบคุมคันเร่ง การไหลเวียนของ พลังงาน อัตราส่วนการขับขี่ด้วยไฟฟ้า และระดับพลังงานที่เหลือในแบตเตอรี่ และสามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอได้ 2 รูปแบบ

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

SPECIFICATION

มิติตัวรถ

ความยาวตลอดคัน

มม.

4,390

ความกว้างตลอดคัน

มม.

1,810

ความสูง

มม.

1,650

ระยะฐานล้อ

มม.

2,650

ความกว้างช่วงล้อหน้ำ

มม.

1,565

ความกว้างช่วงล้อหลัง

มม.

1,565

ระยะต่ำสุดถึงพื้น

มม.

183

รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด

ม.

5.2

เครื่องยนต์

รหัสเครื่องยนต์

4A92

แบบเครื่องยนต์

4 สูบ MIVEC DOHC 16 วาล์ว

ปริมาตรกระบอกสูบ

ซีซี

1,590

ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก

มม.

75.0 x 90.0

อัตราส่วนกำลังอัด

14 : 1

กำลังสูงสุด

กิโลวัตต์ (แรงม้ำ) / รอบต่อนำที

79 (107) / 6,000

แรงบิดสูงสุด

นิวตันเมตร / รอบต่อนำที

134 / 4,500

ระบบเชื้อเพลิง

ชนิด

หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์

ECI-MULTI 32 Bit

ชนิดน้ำมันแนะนำ

แก็สโซฮอล์ E20

ความจุถังน้ำมัน

ลิตร

42

มอเตอร์ไฟฟ้ำ

กำลังสูงสุด

กิโลวัตต์ (แรงม้ำ)

85 (116)

แรงบิดสูงสุด

นิวตันเมตร

255

แบตเตอรี่ไฮบริด

ชนิดแบตเตอรี่

Lithium-ion

 

ระบบส่งกำลัง

ชนิด

2-Speed Transaxle

อัตราทดระบบส่งกำลัง

High 3.384, Low 4.588

อัตราทดเครื่องยนต์

2.107

อัตราทดมอเตอร์ไฟฟ้า

9.215

ระบบบังคับเลี้ยว

แบบ

แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์

ควบคุมด้วยไฟฟ้า

ระบบกันสะเทือน

หน้า

แบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง

พร้อมเหล็กกันโคลง และ เหล็กค้ำหัวโช้ค

หลัง

ทอร์ชันบีม

ระบบเบรก

หน้า

ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน

หลัง

ดิสก์เบรก

ล้อและยาง

ขนาดล้ออัลลอย

18″ x 7.0J แบบทูโทน

ขนาดยาง

225/50 R18

All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025

ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น Ignite ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท

มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่

  1. สีขาวมุก (White Diamond)
  2. สีเงิน (Blade Silver)
  3. สีเทา (Graphite Grey)
  • รุ่น Ultimate ราคาเริ่มต้น 1,039,000 บาท

มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่

  1. สีขาวมุก (White Diamond) หลังคาดำ
  2. สีเงิน (Blade Silver)
  3. สีเทา (Graphite Gray)
  4. สีดำ (Jet Black Mica)
  • รุ่น Ultimate X ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท

มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่

  1. สีขาวมุก (White Diamond) หลังคาดำ
  2. สีเทา (Graphite Gray) หลังคำดำ
  3. สีเหลือง (Energetic Yellow) หลังคาดำ
  4. สีแดง (Spirit Red) หลังคาดำ
  5. สีดำ (Jet Black Mica)

พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้แก่

  • การรับประกันระบบไฮบริดเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  • รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนานสูงสุดถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  • รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี
  • การรับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
  • ฟรีค่าแรงเช็กระยะนำน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
  • เลือกรับ แพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
  • ลูกค้าครอบครัวมิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดถึง 30,000 บำท ผ่านแอฟพลิเคชัน M-Drive

ติดตามข้อมูลข่าวสาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่

Check Also

Mazda_Joy Drives Lives 2025

มาสด้าสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ ภายใต้ปรัชญา “JOY DRIVES LIVES” ความสุขขับเคลื่อนชีวิต

มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกคน เพราะมาสด้าเชื่อว่าความสุขในการขับขี่จะสามารถเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต แรงบันดาลใจ และสร้างความสุขให้ผู้ขับขี่และเจ้าของได้ ดังนั้น มาสด้าจึงยกระดับการสื่อสารภาพลักษณ์และสร้างคุณค่าแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอปรัชญาใหม่ “JOY DRIVES LIVES” หรือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต โดยสื่อสารถึงรายละเอียดความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ …