รีวิว ทดสอบรถ ใหม่ล่าสุด (22/03/19) Ford Ranger Raptor พาตะลุยอันดามัน สัมผัสครบทุกโหมดขับเคลื่อนเส้นทาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี-พังงา-ภูเก็ต
รีวิว ทดสอบรถ (22/03/19) Ford Ranger Raptor พาตะลุยอันดามัน
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
ฟอร์ด ประเทศไทย หลังจากสร้างความฮือฮาด้วยการพาสื่อมวลชนขับ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ไปตะลุยที่เขาใหญ่พร้อมท้าทาย ด้วยการกระโดดเนินดิน
เพื่อทดสอบช่วงล่างพันธุ์แกร่งจนเป็นประเด็นร้อน รถบินได้ ซึ่งต้องบอกว่าในการทดสอบจริง ๆ นั้นเป็นสนามปิดที่ควบคุมโดยผู้ชำนาญการณ์
รวมถึงผู้ทดสอบทุก ๆ ท่านด้วยก็มีคุณวุฒิและความสามารถเพียงพอ ล่าสุดจัดกิจกรรม Ford Ranger Raptor – The Mysterious Journey
เส้นทาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี-พังงา-ภูเก็ต เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบระบบต่าง ๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง
กิจกรรม Ford Ranger Raptor – The Mysterious Journey
กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงสมรรถนะการขับขี่ เเละเทคโนโลยี ต่าง ๆ ของระบบ Terrain Management System (TMS) ใน Ford Ranger Raptor
ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าครั้งเเรก ตลอดเส้นทางบนชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งในครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ Ford Ranger Raptor ได้แสดงสมรรถนะอันโดดเด่นให้เราเห็น
ในโหมดตะลุยทรายนิ่ม ๆ บนหาดปิด รวมไปถึงการขึ้นสู่ยอดเขาหินปูนที่ระดับสูงกว่าน้ำทะเล 1,300 เมตร ท่ามกลางธรรมชาติป่าอันอุดมสมบูรณ์สองข้างทางกับเส้นทางที่น้อยคนนักจะได้เคยไป
ชายหาดทะเลที่สวยงาม เหมืองดีบุกเก่าที่กลายสภาพเป็นแกรนด์เเคนยอน และที่ขาดไม่ได้กับการกระโดดเนินดินในสนามบินเก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
Ford Ranger Raptor ผลิตโดยแผนก Ford Performance พัฒนามาจากออฟโรดรุ่นใหญ่ F-150 Raptor แม้จะใช้พื้นฐานของปิคอัพรุ่น Ranger โฉมปัจจุบัน
แต่ก็มีหลายจุดหลักที่แตกต่าง ทั้งชิ้นส่วนตัวถังภายนอก การตกแต่งภายใน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับระบบขับเคลื่อน รวมทั้งรูปแบบของระบบกันสะเทือน
และอุปกรณ์ที่ใช้ ด้วยราคาที่คุ้มค่า 1.699 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ต้องการกระบะที่แตกต่างอย่างแท้จริง Ford Ranger Raptor
ใช้ครื่องยนต์ดีเซลบล็อคใหม่ EcoBlue 4 สูบ 1,996 ซีซี Bi-Turbo มีกำลังสูงสุด 213 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 50.95 กก.-ม. ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที
โหมดการขับแบ่งเป็น Normal เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดเชื้อเพลิง การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น พวงมาลัยไฟฟ้าอยู่ในโหมด Normal ระบบขับเคลื่อน ใช้ไดทั้ง 2H, 4H และ 4L– Sport
สำหรับใช้งานบนทางเรียบ ค้างรอบเครื่องยนต์ไว้ที่รอบสูง เพื่อให้ตอบสนองคันเร่งได้ทันใจขึ้น การเปลี่ยนเกียร์จะรวดเร็วฉับไวขึ้น พวงมาลัยไฟฟ้าอยู่ในโหมด Sport ระบบขับเคลื่อนใช้ได้เฉพาะ 2H เท่านั้น
- Grass/Gravel/Snow: สำหรับการขับบนทางออฟโรดที่มีพื้นผิวลื่น และเป็นหลุมบ่อ ระบบจะให้ออกตัวด้วยเกียร์ 2 เพื่อป้องกันรถลื่นไถล พวงมาลัยอยู่ในโหมด Normal ระบบขับเคลื่อนใช้ได้เฉพาะ 4H เท่านั้น
- Mud/Sand: ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถล ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวที่มีความลึก และนุ่มสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ เน้นใช้เกียร์ต่ำเพื่อเพิ่มแรงบิดแรงขับเคลื่อนที่ล้อ พวงมาลัยไฟฟ้าอยู่ในโหมด Comfort ใช้กับระบบขับเคลื่อน 4H และ 4L
- Rock: ใช้ขับบนพื้นผิวในเขตภูเขาลาดชัน ต้องใช้ความเร็วต่ำ เน้นการควบคุมรถให้ขับเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ระบบเกียร์ใช้เฉพาะเกียร์ต่ำเท่านั้น พวงมาลัยอยู่ในโหมด Comfort ระบบขับเคลื่อนแบบ 4L เท่านั้น
- Baja: ระบบจะปรับการตอบสนองให้เหมาะกับการขับแบบออฟโรดความเร็วสูง ตัดระบบป้องกันล้อหมุนฟรีเพื่อไม่ให้แทรกแซงการทำงานของเครื่องยนต์ ปรับการทำงานของเกียร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้น และเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเร็วกว่าปกติ พวงมาลัยไฟฟ้าอยู่ในโหมด Base ส่วนระบบขับเคลื่อนใช้ได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L
คาลิเปอร์เบรคคู่หน้าลูกสูบคู่ เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลูกสูบเป็น 9.5 มิลลิเมตร จานเบรคหน้ามีครีบระบายความร้อน ขนาด 332 x 32 มิลลิเมตร เบรคหลังแบบดิสก์เช่นกัน
มีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 24 มิลลิเมตร ทำงานคู่กับคาลิเปอร์ใหม่ขนาด 54 มิลลิเมตร มาพร้อมระบบ Brake Actuation Master Cylinder
ยาง BFGoodrich มิชลินออกแบบยางรุ่นนี้เป็นพิเศษสำหรับ Ranger Raptor เฉพาะรุ่น ดอก All-terrain ขนาด 285/70 R17
เส้นผ่านศูนย์กลาง 838 มิลลิเมตร กว้าง 285 มิลลิเมตร แก้มยางมีความแข็งแรงสูง ดอกยางขนาดใหญ่พิเศษ
ฟังก์ชันความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยครบครันเช่น Electronic Stability Program ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, Trailer Sway Control ควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง,
Hill Launch Assist ช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน, Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และ Load Adaptive Control ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะบรรทุก
บททดสอบสมรรถนะ
ในการเดินทางวันแรกเราบินลัดฟ้ามาสู่ พังงา เมื่อพ้นประตูอาคารสนามบินเราพบกับฝูง Ford Ranger Raptor จอดเรียงรายอยู่หน้าที่จอด
โดยจุดมุ่งหมายในการขับขี่ยัง ภูตาจอ ยอดเขาที่สูงที่สุดของ จ.พังงา โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ จุดชมวิวที่อยู่บนระดับความสูงกว่าน้ำทะเลเกือบ 1,300 เมตร
ทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันได้รอบ 360 องศา แต่การขึ้นไปครั้งนี้ออกจะไม่ธรรมดาเพราะ ที่บนยอดเขาภูตาจอนี่เส้นทางจัดว่าโหดไม่มาก แต่ท่ายากเยอะเอาการ
เพราะยิ่งสูงเราจะเจอกับพื้นทรายปนกรวด ที่มาพร้อมกับความชันของภูเขาเป็นตัวช่วยให้รถนั่นไต่ได้อย่างไม่มั่นคงนัก แต่ด้วยระบบต่างที่มีใน Ford Ranger Raptor
ทำให้การขับขี่ในเส้นทางนี้ดูง่ายขึ้นเป็นกอง โดยโหมดที่เราใช้มากับระบบ 4×4 Terrain Management System (TMS) ใน Ford Ranger Raptor
โดยเราใช้โหมดหิน (Rock) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4×4 Low ทำให้ทุกการปีนป่ายทางที่สูงลาดชันดูเป็นเรื่องไม่ยากเกินไปที่จะเดินทางสู่ยอดเขา
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Launch Assist (HLA) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา Hill Descent Control (HDC)
ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่ช่วงขึ้นลงทางชัน โดยเฉพาะช่วงขากลับที่ต้องแล่นผ่านเส้นทางเดิม นับว่ามีประโยชน์มากทีเดียว ทริปนี้ต้องบอกว่ามาครบทุกทางไม่ว่าจะเป็นเครื่องบนต่อรถ และมีจบที่เรือ
โดยฝูง Ford Ranger Raptor ทั้ง 10 คันเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากท่าเรือบ้านน้ำเค็มสู่ เกาะคอเขา ก่อนจะจบกิจกรรมการขับขี่ในวันแรกด้วยการทดสอบระบบ Sand/Mud
ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4H ขับขี่บริเวณริมชายหาดชมเเสงสุดท้ายก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ซึ่งจุดนี้บอกเลยว่ารถมีความโดดเด่นอย่างมาก ชายหาดทรายนิ่มที่แค่รถจอดก็จมแล้ว
แต่ Ford Ranger Raptor สามารถวิ่งบนทราบเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี โดยไม่มีอาการติดล่มทรายให้เห็นซักคัน และอีกเรื่องที่ต้องบอกผู้อ่านไว้คือ
ในการนำรถมาวิ่งในหาดทรายในทริปนี้ทาง Ford ได้รับอนุญาตจากเอกชนผู้ถือกรรมสิทธิ์พื้นที่หาดแห่งนี้ในการจัดกิจกรรม พื้นที่ดังกล่าวจะกลับสู่สภาพเดิมในไม่ช้า
โดยเราได้เตรียมความพร้อม และระมัดระวังในทุกขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่าการจัดกิจกรรมนี้ไม่เป็นการรบกวนสิ่งมีชีวิตใด ๆ ระหว่างการขับขี่
การทดสอบวันที่สอง
วันต่อมาจะเป็นอะไรที่เข้มข้นกว่าที่ผ่าน ๆ มาเพราะวันนี้ จะเป็นการทดสอบระบบ Terrain Management System (TMS) กันอย่างเต็มที่
โดดทางฟอร์ดเนรมิตสนามบินร้างที่เคยถูกทหารญี่ปุ่นใช้ในสงครามโลก ซึ่งปัจจุบันเป็นทุ่งหญ้าสลับต้นสน เพื่อท้าทายการขับขี่ในโหมด BAJA
โดยเส้นทางก่อนจะไปถึงสนามเราต้องเจอกับทางที่เป็นกรวดกันก่อนโหมด Grass/Gravel/Snow จึงได้ถูกใช้งานเพื่อทดสอบสมรรถนะการขับขี่แบบพอหอมปากหอมคอ
โดยมีการปิดถนนให้เราได้ลองใช้ความเร็วในทางแคบ ๆ ซึ่งระบบก็ช่วยให้ตัวรถคงสเถียรภาพในการขับขี่ได้อย่างดี ก่อนมาเจอสนามจริงที่เราได้ใช้ความสามารถของ Ford Ranger Raptor ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
โหมด BAJA
โดยเร็วใช้โหมด BAJA โดยตอนออกตัวจะใช้ระบบขับเคลื่อน 2H ก่อนในช่วงเเรก ก่อนจะปรับมาใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4H เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของการขับขี่จากระบบขับเคลื่อนทั้งสอง
ซึ่งความเร็วเฉลี่ยอยู่ประมาณ 80 -100 กม./ชม. ไม่ว่าจะเป็นการเบรก หรือ การหักเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูง ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ถึงการยึดเกาะ และอาการของรถได้เป็นอย่างดี
ทำให้สามารถใช้ความเร็วสูงในสภาพพื้นผิวดินที่เป็นเหมือนปลักควายได้ ตัวรถสไลด์ต่ำละกำลังก็ไม่ตกสามารถตะกรุยสภาพพื้นผิวออกมาได้อย่างสวยงาม ก่อนจะมาจบที่เนินกระโด
ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าเตี้ยกว่าคราวที่แล้ว แต่ความเร็วเฉลี่ยที่ 100 กม/ชม. ซึ่งตัวรถก็ยังลงมาได้อย่างนิ่งสงบแบบไม่ต้องกังวลจากระบบช่วงล่างโช้คอัพคู่ด้านหน้าและหลังของ FOX Shock ที่รับเเรงกระเเทก
ภาระกิจวันนี้ยังไม่หมด เรามาตะลุยต่อด้วยการทดสอบการขับขี่บริเวณเเนวต้นสนริมชายหาดซึ่งเป็นร่องน้ำธรรมชาติที่เเห้งขอดอยู่เเล้วโดยจะเป็นการขับ Ford Ranger Raptor
ขึ้นลงเนินร่องตัว V สลับไปมาตามไลน์ที่ทีมงานกำหนด 3 ด่าน โดยการขับลงสลับขึ้นร่องน้ำตัว V ใน Ford Ranger Raptor ยังมีระบบ Diff Lock
ระบบจะล๊อกเฟืองท้ายไม่ให้ล้อฟรี ก็ออกมาริมหาดกับการวิ่งบนทรายละเอียดที่เป็นร่องค่อนข้างลึก ระยะการขับขี่ของร่องทรายริมหาดประมาณ 500 เมตร โดยใช้โหมด Sand
และระบบขับเคลื่อน 4H ซึ่งเราใช้ความเร็วสูงพอสมควรที่ ประมาณ 80 กม./ชม. รถมีอาการเลี้อยมากทีเดียว เราต้องแก้พวงมาลัยช่วยให้รถวิ่งตรง ซึ่งทุกคันสามารถผ่านอุปสรรคต่างได้อย่างยอดเยี่ยม
วันสุดท้ายของกิจกรรม
วันสุดท้ายเป็นการเดินจากจากท่าเรือบ้านน้ำเค็มข้ามเรือเฟอร์รี่พังงา สู่ภูเก็ต วันสุดท้ายของกิจกรรมก่อนเดินทางสู่สนามบินนานาชาติภูเก็ต แต่ยังไม่จบง่าย ๆ สไตล์กระบะพันธุ์แกร่ง
ระหว่างทางไปสนามบินเราแวะที่กะปง แกรนด์ แคนยอน เหมืองแร่ดีบุกเก่าที่ถูกธรรมชาติรังสรรค์ให้มีสภาพเป็นภูเขาหินสูงต่ำสลับกันพื้นผิวเป็นกรวดทราย
แถมยังมีดอกไม้หายากอย่างต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงพันธุ์ที่มีเฉพาะที่นี่แห่งเดียวให้เราได้ชมอีกด้วย
บทสรุป
จากการขับขี่ 3 วัน สองคืนที่ผ่านมา ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เราเห็นว่า Ford Ranger Raptor คือกระบะออฟโรดเปี่ยมด้วยสมรรถนะในทุกการขับขี่เเละเส้นทาง
ที่แฝงเทคโนโลยีอันล้ำสมัยจนไม่น่าจะมีกระบะใดในท้องตลาดมาต่อกรได้ในขนาดนี้ แม้ราคาจะสูงกว่าถ้าเทียบกับราคารถในตลาด แต่ด้วยสมรรถนะ และอุปกรณ์ที่มีมาให้ก็ถือว่าคุ้มกับค่าตัวของรถคันนี้อย่างแน่นอน