ข่าวสด รถยนต์ วันนี้ (7/02/19) เมอร์เซเดส-เบนซ์ แถลงผลประกอบการปี 2561 พร้อมเปิดตัวรถ 2 รุ่น CLS 53 4MATIC+ และ E 53 4MATIC+ Coupé
ข่าวสด 7/02/19 เมอร์เซเดส-เบนซ์ แถลงผลประกอบการปี 2561 พร้อมเปิดตัวรถ 2 รุ่น
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงผลประกอบการประจำปี 2561 ตอกย้ำ ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถหรูเมืองไทย 18 ปีติดต่อกัน ด้วยยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 15,785 คัน เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปีนี้ เน้นนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่น ครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ ปูพรมด้วยกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อสร้าง ความแข็งแกร่งให้กับรถยนต์ในแบรนด์หลักอย่าง
- Mercedes-Benz
- Mercedes-AMG
- Mercedes-Maybach
- แบรนด์เทคโนโลยี EQ
ล่าสุดประเดิมเปิดตัวรถยนต์สองรุ่นใหม่ตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 53 อย่าง CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า เอาใจสาวกรถยนต์สายพันธุ์แกร่ง พร้อมเสริมทัพด้วยบริการหลังการขาย เตรียมเปิด “คลังอะไหล่แห่งใหม่” ที่ครบวงจรที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ และวางแผนแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มอีก 4 แห่งภายในสิ้นปี 2562
มร.โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปี 2561 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจดจำของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก ด้วยการครองตำแหน่งแบรนด์รถหรูระดับพรีเมี่ยมที่มียอดขายมากที่สุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน จากยอดจำหน่ายรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,310,185 คัน และยังเป็นสถิติการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปี
โดยมีรถยนต์ตระกูลเอสยูวีเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จจากยอดขาย 820,721 คัน นอกจากนี้รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังสร้างยอดจำหน่ายสูงถึงหกหลัก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รวมถึงจัดแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเพิ่มเติมรถยนต์ตระกูล 53 อีกทั้งรถยนต์ในกลุ่ม คอมแพคคาร์ที่ได้ถูกจำหน่ายออกไปในจำนวนมากกว่า 609,000 คัน”
“ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญที่สุด ซึ่งในปีที่ผ่านมารถยนต์จำนวน 943,473 คันได้ถูกส่งมอบให้กับลูกค้า โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7.8% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ปีก่อน ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น อินเดีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา
โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำลายสถิติด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์สูงถึง 15,785 คัน เติบโตขึ้น 9% ซึ่งนับเป็นยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้สามารถครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในตลาดรถหรูไว้ได้เป็นปีที่ 18 ติดต่อกัน”
ทิศทางการดำเนินงานในปี 2562
บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่านรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ให้กับผู้บริโภคภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค และอีคิว อย่างต่อเนื่องโดยบริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่น พร้อมเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยการวางแผนสร้างระบบนิเวศรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่การแนะนำรถยนต์ใหม่
การให้บริการหลังการขาย การขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และการเดินสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ ด้านบริการลูกค้า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ในการแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการไว้ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีผู้จำหน่ายจังหวัดละหนึ่งแห่งเท่านั้น และในปีนี้เตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มอีก 4 แห่ง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ซึ่งจะส่งผลให้เมอร์เซเดส-เบนซ์มีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรวม 36 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้” มร.โรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจัยแห่งความสำเร็จดังกล่าว มาจากการวางกลยุทธ์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาด โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดตัวรถยนต์รวม 16 รุ่น ซึ่งแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ถือเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยอัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้าแบบก้าวกระโดดถึง 309% ซึ่งเป็นผลมาจากการรุกทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่การแนะนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทั้งรุ่นนำเข้า และรุ่นประกอบในประเทศรวมจำนวน 5 รุ่น การจัดกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience” ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อให้สื่อมวลชน และลูกค้าได้สัมผัสสมรรถนะรถยนต์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเปิดตัวผู้จำหน่ายอย่าง เป็นทางการ 12 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านบริการ หลังการขายให้กับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว
โดยในปีนี้จะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลเอเอ็มจีอย่างต่อเนื่อง ประเดิมด้วย สองรุ่นใหม่ในตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 53 อย่าง CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี EQ Boost เพื่อเพิ่มพลังให้กับรถยนต์มากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัว “AMG Brand Center” แห่งแรกในประเทศไทย โดยจะเป็นศูนย์ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีที่มีความทันสมัย และครบวงจรมากที่สุด และมีเพียง 11 แห่งจากทั่วโลก”
ด้านความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า
ในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้สูงขึ้น มีการจับมือกับสามเครือโรงแรมชั้นนำขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ ทำให้ในปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวมกว่า 200 แห่ง อีกทั้งจัดงาน “Mercedes-Benz EQ Tech Day” เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงทิศทางยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตภายใต้แบรนด์อีคิว และยังได้นำรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบEQA เข้ามาจัดแสดงให้สื่อมวลชน และผู้บริโภคได้ชมกันอย่างใกล้ชิด
โดยในปีนี้บริษัทฯ เตรียมนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์อีคิวตลอดทั้งปีทั้ง EQ Power รถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริด EQ Power+ ที่เป็นส่วนหนึ่งในรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และกลุ่มรถยนต์แต่ง และ EQ สำหรับรถยนต์ Battery Electric Vehicles หรือ BEV พร้อมวางแผนขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 80 แห่ง โดยจะเลือกสถานที่ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการ”
ด้านกิจกรรมการตลาดเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ ในปี 2562
บริษัทฯ ได้สานต่อกลยุทธ์ Best Customer Experience เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ผ่านการทำกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ภายใต้โกลบอลแพลทฟอร์ม She’s Mercedes อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ซึ่งในปีที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และผู้ที่ชื่นชอบ แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์
อีกทั้งมีการสื่อสารบนช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งทาง Facebook และ Instagram ที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามกว่า 812,285 คน และ 121,214 คนตามลำดับ” มร.ฟรังค์ กล่าวเพิ่มเติม
นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหารฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ‘การมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า’ คือ หัวใจในการบริการของเรา บริษัทฯ จึงได้วางกลยุทธ์ในการให้บริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า โดยการนำเสนอแคมเปญบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
อาทิ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิสพลัส โปรแกรมการบำรุงรักษา และการรับประกันสำหรับลูกค้า เมอร์เซเดส-เบนซ์, อะไหล่ REMAN แท้ที่ผ่านกระบวนการ Remanufacturing จากโรงงานผู้ผลิตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง Mercedes-Benz Engine Oil
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเน้นย้ำความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพช่างเทคนิคจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรวมถึงการสนับสนุนนักเรียนอาชีวะภายใต้โครงการเยอรมัน-ไทยเพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคี (GTDEE) ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่
- วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ
- วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก
- วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก
- วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก บ้านโป่ง
โดยในปีที่ผ่านมามีนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรดังกล่าว และเข้าทำงานที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว จำนวน 30 คน และในปี 2562 นี้มีนักเรียนที่เข้าร่วมโปรแกรมการฝึกอบรมกับบริษัท และเซ็นสัญญาเข้าทำงานกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการหลังจบหลักสูตรในปี 2563 แล้วอีกจำนวน 52 คน ทั้งนี้บริษัทฯ กำลังขยาย ศูนย์ฝึกอบรมให้สามารถเพิ่มศักยภาพการฝึกอบรม โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2562 นี้”
ยกระดับการให้บริการในทุกมิติ
ครอบคลุมทั้งบริการด้านการบำรุงรักษา และการขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัว ‘คลังอะไหล่แห่งใหม่’ (Parts Distribution Center) บนถนนบางนา-ตราด กม. 19 ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคลังอะไหล่แห่งนี้จะมีระบบการจัดการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำหน้าที่วิเคราะห์ และจัดเก็บอะไหล่ ให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายอะไหล่รถยนต์ให้ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น
และในส่วนความพร้อมเพื่อสร้างเครือข่ายที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ทั่วประเทศนั้น ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการจำนวน 32 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 17 แห่ง และต่างจังหวัด 15 แห่ง และเตรียมแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับแบรนด์รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เพิ่มอีก 4 แห่ง โดยแบ่งเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร 2 แห่ง และต่างจังหวัด 2 แห่ง
ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นเป็น 36 แห่ง และในปีนี้ยังมีแผนขยายศูนย์บริการสี และตัวถังที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์อีก 4 แห่งรวมเป็น 15 แห่งทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด” นายพุทธิ กล่าวปิดท้าย
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีตระกูล 53 คือผลลัพธ์ของการผสมผสานเครื่องยนต์แบบแถวเรียง 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตรที่ให้กำลัง 320 กิโลวัตต์ (435 แรงม้า) กับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต และอัตราการใช้พลังงานที่เยี่ยมยอด รถยนต์ตระกูลนี้มีระบบ EQ Boost รวมถึงสามารถสร้าง และจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ ระบบอีคิวบูสท์เป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ด้วย
Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ
ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบแผงบังคับลมคู่สีเงินชุบโครเมี่ยม วัสดุเก็บขอบด้านข้างแบบพิเศษ กระโปรงหลังรูปแบบใหม่ล่าสุดที่สอดรับกับปลายท่อไอเสียทรงกลมทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20”
ตกแต่งด้วยสีดำพร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED with ULTRA RANGE Highbeam ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 84 หลอดต่อข้าง) เช่น ระบบไฟส่องสว่าง ขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง ระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย และสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร รวมถึงหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ดีไซน์ภายใน ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะให้หรูหรา หลากหลาย และเข้ากับรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับ MB Audio 20 พร้อม Touchpad และ Controller ที่
ผู้ขับขี่จะสามารถปรับแต่งการแสดงผลของแผงหน้าปัดได้ 3 รูปแบบได้แก่ “Classic” “Sport” และ “Progressive” อีกทั้งยังสามารถเลือกแสดงข้อมูลต่าง ๆ ได้เพิ่มเติมตามต้องการอีกด้วย
โดยผู้ขับขี่ยังจะสามารถควบคุมรถด้วยพวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel ที่เพิ่มความกระชับ และมั่นใจตลอดการขับขี่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสุนทรียภาพของการเดินทางด้วยระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system
ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี
- ระบบ AMG DYNAMIC SELECT
- ระบบ PRE-SAFE® Plus
- ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display)
นอกจากนี้ เทคโนโลยีเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission ที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีเลือกใช้เป็นระบบเกียร์ที่ตอบสนองดีขึ้นเมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+ แบบแปรผันได้สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspension ที่ทำงานโดยอัตโนมัตินั้นยังช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกรื่นรมย์มากยิ่งกว่าที่เคย
รุ่น Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+
- เครื่องยนต์ เบนซิน แถวเรียง 6 สูบ
- ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 2,999
- แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) 435/6,100
- แรงบิดสูงสุด(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที) 520/1,800-5,800
- อัตราเร่งb0-100 กม./ชม. (วินาที) 4.5
- ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.) 250
Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 5,350,000 บาท
Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า
ดีไซน์ภายนอก ได้รับการออกแบบให้สะท้อนสมรรถนะที่เหนือกว่า ผ่านรูปลักษณ์แบบคูเป้ และลายเส้นด้านข้างที่ดูทรงพลัง ฝากระโปรง และช่องพาวเวอร์โดม พร้อมตกแต่งกระจกมองข้าง และขอบบานกระจกด้วยสีดำที่ช่วยเสริมความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น ท่อไอเสียแบบ AMG Sport exhaust system ปลายท่อไอเสียคู่แบบ 2 round twin tailpipe look สปอยเลอร์ด้านหลังบน
ฝากระโปรงท้ายแบบ AMG Spoiler lip ปลายสปอยเลอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเสริมคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20” ตกแต่งด้วย สีดำ พร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี ไฟเบอร์ออฟติก รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ดีไซน์ภายใน มาพร้อมกับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุ Metal-weave และ Black piano เบาะที่นั่งหุ้มของเอเอ็มจีและตราสัญลักษณ์เอเอ็มจี ด้วย ARTICO leather ตัดสลับ DINAMICA Microfibre เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel หุ้มหนัง nappa ตกแต่งด้วย DINAMICA Microfibre ที่เป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับระดับด้วยไฟฟ้า แบบปรับน้ำหนักตามระดับความเร็ว
เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า รวมถึงเพลิดเพลินกับระบบมัลติมีเดีย อย่าง หน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ Digital widescreen cockpit ระบบ MB Audio 20 พร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay™ และ Android Auto ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system รวมถึงระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี
ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี โดดเด่นด้วยระบบปรับรูปแบบการขับขี่แบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้โหมดการขับขี่ให้สอดคล้องกับความต้องการได้ ซึ่งทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงการขับขี่แบบเร้าใจหรือการขับขี่แบบนุ่มสบายตลอดการเดินทางได้ในคันเดียว
- ระบบกุญแจ KEYLESS-GO พร้อมเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติไม่ต้องใช้มือ (HAND-FREE ACCESS)
- ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2-Zones
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)
- ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System)
- ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist)
- ระบบนำทาง (navigation system)
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+
- ระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspension
รุ่น Mercedes-AMG E 53 4MATIC+Coupé
- เครื่องยนต์ เบนซิน แถวเรียง 6 สูบ
- ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 2,999
- แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) 435/6,100
- แรงบิดสูงสุด(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที) 520/1,800-5,800
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.(วินาที) 4.4
- ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.) 250
Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé ราคา 6,990,000 บาท
บทสรุป
ในปี 2562 พร้อมนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่น ครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ ปูพรมด้วยกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เสริมทัพด้วยบริการหลังการขาย เตรียมเปิด “คลังอะไหล่แห่งใหม่” ที่ครบวงจรที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ และวางแผนแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มอีก 4 แห่งภายในสิ้นปี