Breaking News

รีวิว ทดสอบรถ: Mercedes-Benz GLC 250d

รีวิว ทดสอบรถ ใหม่ล่าสุด (13/04/19) Mercedes-Benz GLC 250d คือ ยนตรกรรม SUV สายหรูที่เต็มไปด้วยความยอดเยี่ยมใน “สมรรถนะ”

Mercedes-Benz GLC 250d

รีวิว ทดสอบรถ: Mercedes-Benz GLC 250d ยนตรกรรม SUV

หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆ

เราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้

Mercedes-Benz GLC 250d

Mercedes-Benz GLC 250d คือ ยนตรกรรม SUV สายหรูที่เต็มไปด้วยความยอดเยี่ยมใน “สมรรถนะ” เพื่อจะบอกคุณว่า เค้าไม่ได้มีดีแค่การเป็นเพื่อนคู่ใจของพ่อบ้าน และแม่บ้านเท่านั้น”

บ่ายวันศุกร์อันสดใส ซึ่งความ “ขี้เกียจ” กำลังเบ่งบานอย่างเต็มที่ เพื่อรอรับวันหยุดที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ นั้นคงเป็นอะไรที่มี “ความสุข” สุด ๆ สำหรับบุคคลทั่วไป แต่กับเราบอกเลยว่ามันมีความสุขมากกว่านั้น

Mercedes-Benz GLC 250d

เมื่อมองไปหน้าออฟฟิศ และพบว่ามี Mercedes-Benz GLC 250d รถอเนกประสงค์ SUV ที่จอดรอเราอยู่ เพื่อทำให้สุดสัปดาห์ของเรามีความหมายมากขึ้นจากการได้ออกไปทำกิจกรรมอะไรที่มากกว่าแค่ “ไปห้าง”

รถอเนกประสงค์ SUV

Mercedes-Benz GLC 250d

ใช่ครับมันคือ รถอเนกประสงค์ SUV ที่ชื่อว่า Mercedes-Benz GLC 250d “ชายกลาง” แห่งบ้าน Mercedes-Benz ในสายรถอเนกประสงค์ ซึ่งมีศักดิ์ศรีเป็นพี่ของ GLA

และเป็นน้องของ GLE ในอนุกรมรถอเนกประสงค์ SUV แห่ง Mercedes-Benz Thailand ซึ่งวางจำหน่ายด้วยทางเลือก 2 สไตล์ คือ

  1. Mercedes-Benz GLC 250d 4Matic Off-Road
  2. Mercedes-Benz GLC 250d 4Matic AMG Dynamic

โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ 3 มิติ

Mercedes-Benz GLC 250d

และโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ 3 มิติ ประทับตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz ที่กึ่งกลาง ซึ่งความต่างของทั้ง 2 รุ่นอยู่ในส่วนของรูปลักษณ์เป็นหลัก

โดยในเวอร์ชั่น Off-Road จะมากับความสามารถในการลุยด้วยล้อมาตรฐานขนาด 19 นิ้ว

ในขณะที่เวอร์ชั่น AMG Dynamic มาพร้อมกับความโดดเด่นจากชุดแต่ง AMG Body Styling ทั้งจากกันชนหน้า และกันชนหลัง ประกบด้วยล้ออัลลอย

Mercedes-Benz GLC 250d

ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว และหลังคาที่จัดสรรแบบ Panoramic เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้ามาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ภายในห้องโดยสาร

Mercedes-Benz GLC 250d

ส่วนภายในห้องโดยสารยังคงอยู่บนบรรทัดฐานของความหรูหรา ที่ผสมผสานด้วยความสปอร์ต พร้อมการแบ่งแยกความต่าง ซึ่ง

เวอร์ชั่น Off-Road จะมากับการตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Open-Pore Brown Ash Wood พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน

ในขณะที่เวอร์ชั่น AMG Dynamic จะมากับลายไม้แบบ Open-Pore Black Ash Wood และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบสปอร์ตท้ายตัด

Mercedes-Benz GLC 250d

โดยมีออพชั่นความบันเทิงมาตรฐานที่ประกอบด้วยระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20 แสดงผลผ่านหน้าจอ และรองรับระบบแผนที่นำทาง Garmin®ตลอดจนระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth

ซึ่งเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะนอกจาก “สมรรถนะ” เราคงไม่สนใจเรื่องอื่นเท่าไหร่ เพราะตัวเลขพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตันเมตร

ตั้งแต่ 1,600 ไปถึง 1,800 รอบต่อนาที ที่สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที จากเครื่องยนต์ดีเซล ดีเซล เทอร์โบ มันยั่วเรามากยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ เลยทีเดียว

Mercedes-Benz GLC 250d

บททดสอบสมรรถนะ Mercedes-Benz GLC 250d

ฉะนั้นในวันรุ่งขึ้นผมจึงไม่รีรอ แค่คว้าของใช้ที่จำเป็นแล้วโดดขึ้นรถสตาร์ท ปรับทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง และออกเดินทางกันเลยทันที แต่ใครจะเชื่อว่าวิบากกรรมข้างหน้ารอผมอยู่

เพราะปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่วันหยุด “รถติดหนัก” กว่าวันธรรมดาซะอีก และด้วยระดับความสูงที่สร้างวิสัยทัศน์อันดีในขณะขับขี่ คือ สิ่งที่ทำให้เรามองเห็นได้กว้างไกล ประกอบกับแรงตอบสนองที่รวดเร็วจากพวงมาลัย และความเร้าใจจากขุมพลัง

Mercedes-Benz GLC 250d

ได้กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ Mercedes-Benz GLC 250d สร้างความสนุกจากการเคลื่อนไหว เพื่อเปลี่ยนรถอเนกประสงค์ SUV ระดับ GLC ให้กลายเป็นรถสปอร์ต

ที่โยกย้ายตัวเองไปมาท่ามกลางเพื่อนร่วมท้องถนนได้อย่างลื่นไหล จนไม่นานเราก็พบแสงสว่างที่ปลายทาง บนถนนเส้นหนึ่งที่โล่งสบายเกินจินตนาการ ราวกับสั่งจองไว้

เพื่อให้ Mercedes-Benz GLC 250d คันนี้ได้ออกอาละวาด จากความเร็วต่ำที่เพียงแค่กดคันเร่งลึก ๆ ในอึดใจก็กลายเป็นความเร็วสูงแบบคาดไม่ถึง

Mercedes-Benz GLC 250d

ซึ่งตัวเลขท็อปสปีดสูงสุดนั้นระบุไว้ที่ 222 กม./ชม. แต่เราเองก็คงไม่ “ใจถึง” ขนาดนั้น เลยจัดเบา ๆ ซัก 180-190 กม./ชม. ก็มากพอเพราะนั่นคงไม่ใช่ความเร็วที่คนปกติเค้าใช้กันบ่อย ๆ

แล้วในทันใจคันเร่งที่เราใช้ก็ถูกเบาลงเหลือซักราว ๆ 140-150 กม./ชม. เป็นความเร็วเดินทาง สลับกับส่วนใหญ่ที่ยังยืนพื้นด้วยความเร็วเฉลี่ย 120-130 กม./ชม.

Mercedes-Benz GLC 250d

โดยเราเองก็ลืมไปสนิทว่ามันยังไม่ถึง “จุดพีค” เพราะลืมไปหนึ่งอย่าง ซึ่งนั่นคือฟังก์ชัน Dynamic Select ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 รูปแบบ คือ Eco, Individual, Comfort, Sport และท้ายสุดกับ Sport+

โดยล่าสุดที่ขับเรายังอยู่ในโหมด Comfort ที่สร้างความเร้าใจได้มากพอ แต่ไหน ๆ มีโอกาสครอบครอง Mercedes-Benz GLC 250d ทั้งที

Mercedes-Benz GLC 250d

งานนี้ขอเล่นหนักด้วยโหมด Sport ไปเลยดีกว่า ไวเท่าความคิด มือซ้ายเราก็ขยับปุ่ม Dynamic Select ไปที่โหมด Sport ทันที และรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

จากแรงกระทำเพียงน้อย ที่กลับสร้างแรงปลุกเร้ามหาศาล แบบผิดหู ผิดตากับโหมด Comfort หรือ โหมด Eco ชนิดที่ทำเอาเรา “ติดใจ” และไม่คิดจะเปลี่ยนเป็นโหมดอื่นอีกต่อไป

Mercedes-Benz GLC 250d

แต่ในบางทีก็รู้สึกคันอยากโดดไปที่โหมด “Sport+” เช่นกัน แต่ด้วยสภาวการณ์รอบข้างที่ไม่เอื้ออำนวย เท่ากับการ “ซัด” บนพื้นที่โล่ง ๆ กว้าง ๆ

จึงทำให้เรายั้ง “ความอยาก” เอาไว้เท่านั้น และหันมามุ่งมั่นในการเฟ้นหาความ “เดือด” ด้วยโหมด Sport ของ Mercedes-Benz GLC 250d อย่างเอาจริงเอาจัง

ศักยภาพในฐานะของ Mercedes-Benz นั้นครบเครื่อง

Mercedes-Benz GLC 250d เป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ SUV ที่ขับได้สนุกสุดยอดอีกรุ่นหนึ่ง

จากขนาดตัวถังที่ไม่ใหญ่มาก และมีพละกำลังการตอบสนองอย่างแรงบิดที่เต็มเม็ด เต็มหน่วยในรอบต่ำ

Mercedes-Benz GLC 250d

รวมถึงมีศักยภาพในฐานะของ Mercedes-Benz อย่างครบเครื่อง ชนิดที่คุณสามารถมั่นใจได้ทันที หลังจากปรับตัวให้คุ้นชินกับรถ

เพื่อเข้าถึงขีดสุดของสมรรถนะ ด้วยการควบคุมของคุณเช่นเดียวกับที่เราทำ เพราะนอกจากทางตรงโล่ง ๆ ที่คุณจะได้รับรู้ถึงพละกำลังแล้ว

จุดเด่นอีกอย่างก็คือ เสถียรภาพขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ที่มีระบบช่วงล่างรองรับ และสร้างแรงยึดเกาะอันเหนียวแน่นกับพื้นถนน

Mercedes-Benz GLC 250d

หนุนส่งด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่แปรผันตามความเร็ว ให้คุณได้รู้สึกตึงมือ ขณะควบคุมองศาให้ลื่นไหลไปตามแนวโค้ง และความชาญฉลาดของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic ที่จะจัดการทุกอย่างให้อยู่ภายใต้ระบบระเบียบ

โดยจุดที่ผมชอบที่สุด คือ การ Braking ในทางตรงก่อนถึงโค้ง เพื่อควบคุมความเร็ว ตามด้วยการกระดิกแป้น Paddle Shift เพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ และควบคุมรอบเครื่องยนต์ไว้ในจุดพีค

ก่อนจะหักพวงมาลัยตามแนวโค้งไหลเข้าไปถึงปลายสุด จนเห็นทางออก ซึ่งนั่นล่ะครับ Point สำคัญที่ต้อง “กระแทก” คันเร่งลงไป สั่งการแรงม้า และแรงบิด ให้ร่วมมือกันฉุดลาก

Mercedes-Benz GLC 250d

รถอเนกประสงค์ SUV อย่าง Mercedes-Benz GLC 250d ให้แหวกอากาศออกไป ดุจลูกกระสุนปืนใหญ่ ด้วยความรุนแรง ชนิดที่ดึงคุณให้หลังจมเบาะได้ในพริบตา

ซึ่งใครได้มองแล้วบอกว่ามัน “น่ากลัว” ก็ใช่ … แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อได้ประจำการหลังพวงมาลัยแล้ว “ทำ” มันคือ “ความมันส์” อย่างหาที่เปรียบเทียบไม่ได้ และทั้งภายใต้ “ความน่ากลัว” และ “ความมันส์”

Mercedes-Benz GLC 250d

นั้นมีสิ่งที่เรียกว่า “ความปลอดภัย” เป็นฐานทัพใหญ่ที่สร้างความมั่นใจในทุกอิริยาบถ ซึ่งผมคงไม่ต้องหยิบยกมาเล่าให้ฟังหรอกว่า ออพชั่นด้านความปลอดภัยของ Mercedes-Benz GLC 250d มีอะไรบ้าง

แต่เอาเป็นว่า มาตรฐานยนตรกรรมชั้นนำสายยุโรป ในระดับค่าตัว 3 ล้านกว่า ยังมีอะไรน่าสังสัยในเรื่องของระบบความปลอดภัยอีกงั้นหรือ? เพราะถ้าเป็นผมก็คงไม่เช่นกัน

Mercedes-Benz GLC 250d

Mercedes-Benz GLC 250d ตอบโจทย์ความต้องการเราได้ดีเยี่ยม

1 วันเต็ม ๆ ผ่านไปไวเหมือนโกหก และผมคงต้องพบวิบากกรรมอีกครั้งในช่วงเดินทางกลับ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยามเย็นที่ชาวกรุงต่างหลั่งไหลกลับเข้าที่พัก หรือ ไม่ก็ออกมาดื่มด่ำยามราตรี เพราะนี่คือวันเสาร์

ซึ่งยังเหลือวันอาทิตย์อีกวันให้นอนเอาแรง ก่อนลุยงานวันจันทร์ และด้วยเหตุผลเดียวกันทำให้ผมเองก็ไม่ควรรีบ หลังจากอยู่ในภาวะ “Rush” มาทั้งวัน

ฉะนั้นโหมด Sport จึงถูกพัก และเปลี่ยนมาเป็น Comfort พร้อมด้วยน้ำหนักคันเร่งที่เบาลง

Mercedes-Benz GLC 250d

ประหนึ่งคนขับรถ Eco Car แต่ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อการประหยัดน้ำมัน หากแต่ต้องการอยู่ในโหมดการขับขี่แบบ “เรื่อย ๆ สบาย ๆ” คล้ายพ่อบ้านในสังคมทั่วไป

และนั่นก็เป็นอีกบุคลิกที่ Mercedes-Benz GLC 250d ตอบโจทย์ความต้องการเราได้ดีเยี่ยมเช่นกัน และมันทำเราเองอยากจะได้มันไว้ครอบครองซักคัน ถ้าเงินในบัญชีมีถึง

Mercedes-Benz GLC 250d

Specification: Mercedes-Benz GLC 250d

  • Price: 3,290,000 – 3,690,000 BHT
  • Engine: 2,143 cc / Diesel Turbo / 4-cylinder / 16-valves 204 hp @ 3,800 rpm, 500 Nm @ 1,600-1,800 rpm
  • Transmission: A/T 9-Speed, All Wheel Drive (4Matic)
  • Performance: 0 – 100 Km/h @ 7.6 Sec, Top Speed @ 222 Km/h
  • Weight: N/A

Check Also

ISUZU MU-X 4x2 3.0 RS 2024

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS ลุคใหม่ที่สปอร์ตยิ่งกว่าเดิม เสริมความปลอดภัย ที่ยังคงเด่นในสมรรถนะและความประหยัดเฉกเช่นเดิม

รีวิว ลองขับ ISUZU MU-X 4×2 3.0 RS A/T เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า …