ข่าวสด รถยนต์ วันนี้ (6/04/19) วอลโว่คาดการณ์เติบโตปี 2019 ทุบสถิติต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันสูงในตลาดรถยนต์เกรดพรีเมียม
ข่าวสด (6/04/19) วอลโว่ คาดการณ์เติบโตปี 2019 ทุบสถิติต่อเนื่อง
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
วอลโว่ ประกาศความสำเร็จหลังมียอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกในปี 2018 มากถึง 642,253 คัน ซึ่งทุบสถิติยอดขายสูงสุดในรอบ 5 ปี (เพิ่มขึ้น 12.4% จากปี 2017) ซึ่งสอดคล้องกับ วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)
ที่ได้กระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าในปีที่ผ่านมา ด้วยยอดจำหน่ายถึง 1,292 คัน (เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2017) โดยวอลโว่มีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์หรูระดับพรีเมียมในประเทศสูงถึง 4.2% โดยมียอดขายเติบโตสูงขึ้นถึง 50% ต่อเนื่อง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2016 – 2018)
พร้อมนำเสนอรถยนต์วอลโว่รุ่น All New XC40 ซึ่งวอลโว่ ประเทศไทย จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จสูงสุด โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดได้แก่ XC60, XC90 และ S90
มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าวอลโว่จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในปี 2019 โดยกล่าวว่า “วอลโว่นำเสนอเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และง่ายดายยิ่งขึ้น
ซึ่งแนวคิดการให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก ทำให้วอลโว่แตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น และสิ่งนี้ยังถือเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ทุกคันที่เราผลิต วิสัยทัศน์ของเราคือ การเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมียมที่มีความล้ำหน้า และเป็นที่นิยมสูงสุด
ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และเติมเต็มชีวิตได้มากยิ่งขึ้น เพราะเทคโนโลยีควรเป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการ ส่งเสริมการใช้ชีวิต และมอบความรื่นรมย์ให้แก่มนุษย์เรา”
บริการเชื่อมต่อ และแอปพลิเคชั่นออนไลน์ในรถยนต์
วอลโว่ นำเสนอ “บริการเชื่อมต่อออนไลน์” เพื่อให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านการใช้งานอินเตอร์เฟซบนหน้าจอทัชสกรีน การคิดคำนวณตรรกะขั้นสูง และความง่ายในการใช้งาน
ตลอดจนฟีเจอร์การควบคุมด้วยเสียง และการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนทั้งบนระบบ CarPlay และ Android Auto ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักขับสามารถควบคุมรถของตนเองได้ตลอดเวลา
สามารถเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลรอบตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติไปพร้อมกับการสื่อสารกับรถยนต์วอลโว่ของคุณ อินเตอร์เฟซอัจฉริยะที่ตอบสนองได้อย่างฉับไวทำให้คุณควบคุมการทำงานต่าง ๆ ได้ดังใจโดยไม่เสียสมาธิในการขับขี่ ระบบยังช่วยจองบริการตรวจเช็ก และซ่อมบำรุงรถยนต์ได้เมื่อถึงเวลาที่กำหนด
นวัตกรรมช่วยเหลือการขับขี่
วอลโว่ใส่ใจปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนน และมุ่งมั่นแก้ไข ผ่านการให้ความสำคัญกับมนุษย์เป็นอันดับแรก เพราะวอลโว่ไม่เคยหยุดคิดค้นนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่กล่าวว่า
“ต้องไม่มีใครเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสในรถยนต์วอลโว่รุ่นใหม่ภายในปี 2020” เพราะความปลอดภันคือคุณค่าหลักในการทำงานของวอลโว่ บริษัทคือผู้นำในด้านนี้มาโดยตลอดและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือความครอบคลุมที่กว้างขึ้นของเทคโนโลยีที่เราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการยกระดับประสบการณ์ และความปลอดภัยในการขับขี่ของลูกค้า
อีกหนึ่งเทคโนโลยีบนแนวคิดนี้ของวอลโว่คือ “City Safety” ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถขับขี่ในสภาพการจราจรที่คับคั่งของเมืองใหญ่ได้อย่างมั่นใจ เสมือนเพื่อนร่วมทางที่สมบูรณ์แบบซึ่งช่วยหลีกลี่ยงอุบัติเหตุในยามขับขี่ด้วยความเร็วต่ำซึ่งต้องเคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ สลับหยุดนิ่ง
โดยมีฟังก์ชั่นการทำงานหลักอย่าง Lane Departure Assist (ระบบเตือนเมื่อออกนอกช่องทาง) ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ โดยจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถยน์วิ่งข้ามช่องทางด้วยความเร็วตั้งแต่ 40-125 ไมล์/ชม.
เมื่อรถยนต์ไถลออกนอกช่องทาง และไม่มีการเปิดไฟเลี้ยว Lane Keeping Aid (ระบบรักษาช่องทางวิ่ง) จะช่วยหมุนพวงมาลัยให้รถกลับเข้าช่องทางเดิม
นอกจากนี้ยังมี Pedestrian Detection (ระบบตรวจจับคนเดินถนน) โซลูชั่นไฮเทคที่ช่วยหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุด้วยการตรวจจับคนเดินเท้า และช่วยหยุดรถ หากผู้ขับไม่มีการตอบสนองอย่างทันท่วงที
วอลโว่คือผู้นำด้านความปลอดภัยตลอดมาและจะมุ่งมั่นตลอดไป
วอลโว่ภาคภูมิใจในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความปลอดภัย หนึ่งในนวัตกรรมของเราคือเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ซึ่งวอลโว่นำเสนอสู่ตลาดยานยนต์เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1959 และ
ได้มอบความปลอดภัยให้แก่ผู้คนมาแล้วมากกว่า 1 ล้านชีวิตทั่วโลกทั้งในรถยนต์วอลโว่ และรถยนต์แบรนด์อื่น ๆ เนื่องจากวอลโว่ได้แบ่งปันการคิดค้นนี้แก่ผู้ผลิตรายอื่น ๆ
เพื่อร่วมกันยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน เพราะ วอลโว่ คาร์ ให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าทางสังคมมากกว่าผลประโยชน์ทางการเงิน และมุ่งสร้างความเท่าเทียมด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรถยนต์
วอลโว่ใส่ใจในลูกค้า โดยต้องการลดระยะเวลาในการเข้ารับบริการซ่อมบำรุง และทำให้การรอคอยทุกครั้งคุ้มค่ามากที่สุด
ประสบการณ์ชั้นเลิศภายใต้แนวคิด Volvo Retail Experience (VRE) ในประเทศไทย
วอลโว่ กำหนดนิยามใหม่ของประสบการณ์ที่ลูกค้าควรจะได้รับเมื่อมาเยือนโชว์รูม ด้วยการนำเสนอการต้อนรับที่อบอุ่นและหรูหรารูปแบบใหม่ในสไตล์สวีดิชภายใต้แนวคิด “Volvo Retail Experience (VRE)”
โดยเน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ภายในบรรยากาศที่เปิดโล่งโปร่งสบายแบบสแกนดิเนเวียน ตามสโลแกน “Cool on the outside, warm on the inside”
แนวคิดการต้อนรับรูปแบบนี้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่ผ่านมา ณ เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ กรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบัน ลูกค้าสามารถสัมผัสถึงประสบการณ์ใหม่ในแบบ VRE นี้ได้ทั้งที่
- โชว์รูม เมอร์ค ออโต้ กรุงเทพฯ
- โชว์รูม สแกนดิเนเวียน ออโต้ กรุงเทพฯ
- โชว์รูม จีที ออโต้ กรุงเทพฯ
- โชว์รูม สต๊อกโฮล์ม ออโต้ ภูเก็ต
- โชว์รูม สวีเดน ออโต้ เชียงใหม่
โดยโชว์รูมแนวคิด VRE นี้จะครอบคลุมถึง
- โชว์รูม เอ็มดับบลิว วัน ออโต้ กรุงเทพฯ
- โชว์รูม ฮอร์ริซอน ออโต้ หาดใหญ่ ในเดือนพฤษภาคม 2019
และภายในสิ้นปีนี้ แนวคิด VRE จะครอบคลุมถึง
- โชว์รูม เวิร์นส์ ออโต้ ลาดพร้าว
- โชว์รูม สแกนดิเนเวียน ออโต้ สาขาบางนา และสาขาขอนแก่น
แนวคิดโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์รูปแบบนี้ ถูกคิดค้นเพื่อช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายในบรรยากาศที่เป็นกันเอง และให้ความเคารพต่อเวลาของลูกค้าอย่างมาก โดยบริการซ่อมบำรุงมาตรฐานส่วนใหญ่จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 30 นาที
ผ่านบริการแบบ Volvo Personal Service ของเรา พื้นที่โชว์รูมจะถูกเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นห้องนั่งเล่นที่แสนสบาย ให้ลูกค้าสามารถผ่อนคลายบนเฟอร์นิเจอร์แบบสแกนดิเนเวียน
พร้อมบริการเครื่องดื่มชากาแฟและสัญญาณ Wi-Fi ฟรี โดยโซนด้านหน้าที่หันออกสู่ถนนถูกกำหนดเป็นส่วนจัดแสดงรถยนต์รุ่นใหม่ที่ให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากกว่า
การปรับปรุงเพื่อให้ความสำคัญกับความสบายของลูกค้าครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวอลโว่ที่ต้องการให้ลูกค้าที่มารับบริการหลังการขายได้รอคอยอย่างสบายใจ ในขณะที่รถยนต์ของพวกเขาได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
วอลโว่ พยายามสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่า รวมถึงปกป้องผู้คน และสิ่งแวดล้อม ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนนในอุตสาหกรรมรถยนต์ร่วมกับองค์กรทั้งในระดับประเทศ และระดับสากล
เราได้จัดกิจกรรมการทำความสะอาดชายหาดที่บางแสนในปี 2017 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 200 คน และสามารถเก็บขยะพลาสติกได้มากถึง 1 ตันภายในเวลา 2 ชั่วโมง
นอกจากนี้ สำนักงานวอลโว่ประเทศไทยยังงดการใช้วัสดุพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เรายังมีเป้าหมายที่จะใช้พลาสติกรีไซเคิลอย่างน้อย 25% ในการผลิตรถยนต์วอลโว่ภายในปี 2025 ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้พยายามค้นหาแนวทางที่จะทำให้ลูกค้าชาวไทยเปลี่ยนมาใช้รถยนต์แบบ Plug-in hybrid vehicles (PHEV) ซึ่งมีการใช้น้ำมันดีเซล และเบนซินราวอย่างละครึ่ง
ดังนั้น ในปี 2018 กว่า 80% ของรถยนต์ที่จำหน่ายไปทั้งรุ่น XC90, S90, XC60 ล้วนเป็นรถยนต์แบบ PHEV ซึ่งมีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่ง
ความปลอดภัยบนท้องถนน
วอลโว่ สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนานด้านความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับโลก ผ่านการพิจารณาแนวทางเชิงโครงสร้างในกิจกรรมของผู้คนท้องถิ่นซึ่งอาจสร้างประโยชน์ที่แท้จริงสู่สังคมได้
จนเกิดเป็นคติพจน์ที่เรียบง่ายว่า “ทัศนวิสัยกว้างไกล และง่ายต่อการมองเห็น (See and be Seen)” เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนของเมืองไทย
และรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นแนวหน้าของการรณรงค์ในเรื่องนี้ โดยเราจะเป็นผู้นำ และปฏิบัติงานอย่างดีที่สุด เพื่อยกระดับมาตรฐานในแนวทางต่าง ๆ ที่เราสามารถทำได้
การทำงานในขั้นแรกของการรณรงค์ด้านความปลอดภัยบนท้องถนนที่มุ่งมั่นและยั่งยืนของวอลโว่ คือการบริจาคเสื้อนิรภัยคุณภาพสูงรวมจำนวน 10,000 ชุดให้แก่เด็กนักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ
นอกจากนี้ เด็กนักเรียนยังได้เรียนรู้ถึงการปลูกมะนาว เพื่อให้พวกเขาได้นำผลผลิตออกจำหน่าย และเรียนรู้ทักษะด้านการทำธุรกิจพื้นฐานด้วยตนเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Schook-BIRD Program
เพื่อการยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนของของเด็กนักเรียน และครอบครัวในชุมชน ซึ่งวอลโว่ยังคงทำงานร่วมกับองค์กรชั้นนำในการวางแผนทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องตราบจนทุกวันนี้
แผนการในปี 2019 และต่อจากนี้
วอลโว่ เริ่มต้นไตรมาสแรกของปีนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมตั้งเป้าเติบโตเพิ่มอีก 50% ในปี 2019 นี้ โดยในวันที่ 8 พฤษภาคม เราจะเปิดตัวแคมเปญ The Volvo Way: Freedom to Experience
รวมถึงในไตรมาสที่ 3-4 จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ของวอลโว่อีกรุ่น โดยเราจะทำงานร่วมกับบริษัทผู้แทนของเราต่อไป เพื่อยกระดับความปลอดภัย และเริ่มโครงการรถยนต์เก่า “Selekt”
เพื่อให้ครอบคลุมผู้ค้าปลีก และลูกค้าของเราในวงกว้างยิ่งขึ้น หากนี่ยังมิใช่ทั้งหมดของแผนการเติบโตของเรา เพราะเราต้องการเติบโตอย่างรับผิดชอบ ดังนั้น แนวคิดเรื่องความยั่งยืนจึงยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินงานของเราทุกด้านต่อไป