รีวิวทดสอบรถ Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4 รถอเนกประสงค์สายหรูที่ “สวมหัวใจ” สายพันธ์นักล่าอย่าง Raptor ระบบช่วงล่างอันเต็มไปด้วยความนุ่มนวล
Credit : Ford Thailand
รีวิวทดสอบรถ Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4
ถ้าเปรียบ Raptor คือ ยนตรกรรมจาก Ford ที่ทำให้คุณ “ใจสั่น” ในมาดของ “ตัวร้าย” ล่ะก็ … เราว่า Everst ที่สวมหัวใจเดียวกับ Raptor คงไม่ต่างอะไรกับ “สุภาพบุรุษมาดนิ่งซุกความโหด” ที่คุณไม่สามารถประมาทได้เช่นกัน
การมาถึงของ Ford Ranger Raptor ช่วยปลุกกระแสรถปิกอัพสมรรถนะสูงในตลาดเมืองไทยได้อย่างดี และทำให้หลายคนคงอยากที่จะเป็นเจ้าของจากสิ่งยั่วของ Raptor ทั้งในเรื่องของสมรรถนะ และรูปลักษณ์ … แต่เชื่อเถอะว่าคงมีผู้บริโภคชาวไทยไม่น้อย ที่วาดภาพฝันถึงรถอเนกประสงค์จากค่ายเดียวกันที่มี “สมรรถนะ” ระดับเดียวกันกับ Raptor
หากคุณกำลังต้องการ Wallpaper สวยๆเราแนะนำ Wallpaper รูปรถ สวยๆ Download wallpaper ลิ้งนี้ |
ซึ่งเราบอกเลยว่า ณ วันนี้คุณไม่ต้องวาดภาพอีกต่อไป เพราะ Ford Thailand ได้จัดให้แล้วกับ Ford Everest รถอเนกประสงค์สายหรูที่ “สวมหัวใจ” สายพันธ์นักล่าอย่าง Raptor ซึ่ง ณ เวลานี้มันอยู่กับเรา Torque Magazine
มองเผิน ๆ Ford Everest หัวใจ Raptor ที่จอดสงบนิ่งนั้นแทบไม่ต่างอะไรมากมายกับ Everest ที่เราได้เห็นกันทั่วไปในท้องถนน ตั้งแต่มิติตัวถังที่ยังคงมีความยาว 4,893 มม. ความกว้าง 1,862 มม. ความสูง 1,836 มม. ซึ่งมีระยะความยาวฐานล้อที่ 2,850 มม. และความกว้างแทรคล้อหน้า และหลังที่ 1,560 มม. และ 1,565 มม. เช่นเดิม
รวมไปถึงบรรดาออฟชันมาตรฐานที่ถูกติดตั้งมาให้ในฐานะของ Everest เวอร์ชั่นท็อป ซึ่งเราเดาว่าผู้อ่านคงไม่ได้อยากรู้มากเท่าไหร่ เพราะมันสามารถหาดูได้จากแค็ตตาล็อก หรือ ไม่ก็ตามเว็ปไซต์ของ www.ford.co.th
เพราะงั้นเราจึงขออนุญาตข้ามมาที่จุดเด่นที่เชื่อว่าทั้งเรา และผู้บริโภคหลายคนสนใจ โดยเฉพาะในเรื่องของ “สมรรถนะ” ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ด้วยการ Downsizing พิกัดเครื่องยนต์ลงกับการโยนขุมพลังบล็อกเดียวกับ Raptor ลงไปใน Everest
กับ เครื่องยนต์ดีเซลพิกัด 2.0 ลิตร Bi-Turbo ซึ่งเสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศประสิทธิภาพสูง ทั้งเทอร์โบแรงดันสูง (HP) และเทอร์โบแรงดันต่ำ (LP) จนได้ผลประกอบการเป็นพละกำลังสูงสุด 213 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที
รวมไปถึงระบบส่งกำลังที่ยกมาจาก Raptor ด้วยเช่นกันกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมด้วยฟังก์ชันการเปลี่ยนตำแหน่งใสไตล์เกียร์ธรรมดาแบบ Select Shift ในการถ่ายกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ซึ่งมาพร้อมกับ ระบบ Terrain Management และเฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential
ส่วนใครที่มองหาช่วงล่าง Fox เหมือน Raptor อาจจะผิดหวังซักหน่อย เพราะ Everest ยังคงใช้พื้นฐานในรูปแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ในด้านหน้า และแบบคอยล์สปริง พร้อมวัตต์ลิงก์ และเหล็กกันโคลง ในด้านหลัง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ของเดิมจาก Everest นั่นแหละ
แต่เท่าที่รู้สึกเราคิดว่าน่าจะมีการปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อรองรับน้ำหนัก รวมถึงสร้างความมั่นใจมากขึ้นในการขับขี่ เพื่อให้เหมาะสมกับขีดความสามารถของหัวใจ Raptor ด้วยความรู้สึกที่บ่งบอกถึงความเฟิร์มของระบบช่วงล่าง ที่แม้จะเป็นพื้นฐานเดิม แต่ก็รับรู้ได้ถึงความแน่น หนึบ ราวกับยนตรกรรมจากฝั่งยุโรป โดยเฉพาะในความเร็วสูง
ซึ่งหากถามถึงย่านความเร็วต่ำ บอกเลยว่ามันมีรู้สึกถึงความต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอาจจะเป็นผลมาจากเรื่องของน้ำหนักเครื่องยนต์ และชุดเกียร์ใหม่ แต่ถ้าถามถึงองค์ประกอบโดยรวมล่ะก็ คำตอบเดียวคือ “แทบหาความต่างไม่ได้” และในเมื่อออฟชันกลายเป็นสิ่งที่ให้ความสนใจมากไม่เท่ากับความเร้าใจในการขับขี่
ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ห้ามเราลิ้มรสความมันส์ของจิตวิญญาณ Raptor ในคราบของเรือนร่างรถอเนกประสงค์สายหรูอย่าง Everest อีกต่อไป เพราะงั้นก็เลยได้เวลาออกสตาร์ท เพื่อท่องโลกกันเลยดีกว่า
โดยอารมณ์แรกที่เริ่มคลื่อนตัวบอกเลยว่ายังแทบไม่รู้สึกถึงความต่างเท่าไหร่ แต่ที่ชอบมากก็คือ แฮนด์ลิ่งของพวงมาลัยที่มีความเฉียบคม และน้ำหนักที่แปรผันให้เบาแรงกับการเคลื่อนตัวในความเร็วต่ำ ซึ่งทำให้รถอเนกประสงค์ PPV ขนาดยักษ์คันนี้มีความคล่องตัว ประกอบกับความสูงของตัวรถที่ทำให้เกิดทัศวิสัยเบื้องหน้าที่ชัดเจน ก็ยิ่งชี้ชัดให้เห็นถึงความเหมาะสมทีเดียว หากนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งรวมไปถึงส่วนของระบบช่วงล่างอันเต็มไปด้วยความนุ่มนวล ชนิดที่ว่าลืมไปเลยว่าเป็นพื้นฐานรถ PPV
รีวิวทดสอบรถ Ford Everest 2.0L Bi-Turbo
หลังจากงมอยู่ในเมืองพักใหญ่ก็ได้เวลาแสดงศักยภาพของของสมรรถนะ และในวินาทีแรกที่ได้กดคันเร่งแบบเต็ม บอกเลยว่าเจ้านี่ร้ายกาจไม่เบา เพราะแค่กดคันเร่งลึก ๆ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo ก็พร้อมที่จะส่งแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ออกมาแบบนุ่มนวล และต่อเนื่อง
ซึ่งคุณจะรู้สึกได้เลยว่ามันพุ่งทะยานในสไตล์รถสมรรถนะสูง ด้วยความหนักแน่น แต่ไร้ซึ่งอาการกระชากกระชั้นของจังหวะเปลี่ยนเกียร์ หรือเรียกได้ว่า “แรงแบบสุภาพบุรุษ” ซึ่งจุดนี้บอกเลยว่าถูกใจบรรดา “พ่อบ้าน” แน่นอน เพราะขนาดเราเองยังรู้สึกเลยว่า “โดน”
เราลัดเลาะหาลู่ทางออกจากเมือง เพื่อหาเส้นทางโล่ง ๆ ลิ้มรสความสนุกอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเส้นทางที่มากมายไปด้วยโค้งหลากหลายรูปแบบ เพราะความสนุกในการขับรถดี ๆ มักจะมีอยู่ในโค้งเสมอ เนื่องจากคุณจะได้สัมผัสอารมณ์ของรถได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งประสิทธิภาพการตอบสนองของเครื่องยนต์, ระบบเบรก, พวงมาลัย ไปจนถึงการทรงตัวของรถ ซึ่งมันสามารถสร้างความประทับใจให้คุณได้ทันที หรือ ไม่ก็ทำให้คุณส่ายหน้าหนีไปเพียงแค่ไม่กี่โค้งเท่านั้น
และในที่สุด เราก็พบเส้นทางสายรองที่ไม่ห่างไกลเมืองเท่าไหร่นัก เงียบสงบ และไม่พลุกพล่านด้วยการจราจร มากพอให้เราได้ลองสมรรถนะของ Ford Everest คันนี้ โดยเริ่มจากการเติมคันเร่งลงไป เพื่อให้ความเร็วไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบริหารจัดการความเร็วนั้นให้เหมาะสมกับแต่ละโค้ง จนพบว่ารถอนเกประสงค์ PPV ร่างยักษ์รุ่นนี้ก็มีความสนุกสนานในการขับขี่ไม่น้อย
ด้วยความคมของพวงมาลัยที่แม่นยำจัดสรรน้ำหนักอย่างเหมาะสม, น้ำหนักแป้นเบรกที่ตึงเท้ากำลังดี โดยที่คุณสามารถเลือกเล่นสนุกกับการเปลี่ยนเกียร์เพื่อสร้าง Engine Brake ได้จากตำแหน่งคันเกียร์ ก่อนจะเกาะโค้งเข้าไปด้วยความเร็วที่ลงตัว ซึ่งพอใกล้ถึงปลายทางก็จัดการเติมคันเร่ง ส่ง Everest ออกโค้งไปอย่างสวยงามครั้งแล้วครั้งเล่า และนี่ล่ะครับคือ ความสนุกของ Everest
แบบยังไม่รวมถึงความสามารถในการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อที่เค้ามีให้ทั้งแบบ 4H สไตล์ความเร็วสูง และ 4L แบบสายลุยให้เลือกเล่นอีกด้วย แต่ ณ วันนี้เราคงไม่มีโอกาสได้ใช้โหมด 4L แน่นอน เพราะงั้นได้แค่ 4H ก็ถือว่าโอเค เพราะน่าจะเป็นอะไรที่คนใช้รถในชีวิตประจำวันได้ใช้งานมากที่สุด
บทสรุป
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจใจการขับขี่หากต้องเดินทางขึ้นลงเขา ซึ่งบอกเลยว่า 4H ให้ความมั่นใจได้แน่นอน รวมไปถึงการขับขี่ขณะฝนตก และคุณรู้สึกว่าแค่ 2 ล้อหลัง ยังสร้างความมั่นใจได้ไม่มากพอ นั่นแหละคือสิ่งที่ 4H จะเข้ามามีบทบาทแน่นอนรวมไปถึงออฟชันต่าง ๆ ในเรื่องของระบบความปลอดภัย ที่สร้างความอุ่นใจในทุกขณะขับขี่ที่ Ford Everest มีให้ เช่น
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control with Adaptive Speed
- ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ Rollover Mitigation
- ระบบเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับรถขณะออกจากซอง Cross Traffic Alert
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Program
- ระบบตรวจจับรถในจุดอับสายตา Blind Spot Information System
ซึ่งทั้งหมดนี้แหละ คือ สิ่งที่ทำให้คุณมั่นใจได้อย่างเต็มที่ในทุกสถานการณ์การขับขี่กับ Ford Everest
Specification : Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4×4
- Price : 1,799,000 BHT
- Engine : 1,996 CC / Diesel Turbo 4 Cylinder 16 Valve 213 hp @ 3,750 rpm / 500 Nm @ 1,750 – 2,000 rpm
- Transmission : 10AT SelectShift / Part Time Four Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight : N/A