รีวิวทดสอบรถ Range Rover Sport P400e PHEV ดีไซน์เรียบง่าย แต่ให้อารมณ์ความสปอร์ต และยังคงอยู่บนพื้นฐานเอกลักษณ์ของความเป็น Range Rover
Credit : Land Rover
|
Torque Magazine เคยรีวิว
ตรวจสอบราคา Rang Rover Sport ราคา
รีวิวทดสอบรถ Range Rover Sport P400e
กว่า 10 ปีที่ไม่ได้สัมผัส และนึกถึง กลับถูกจุดประกายให้เรารู้สึกอยากขับมันขึ้นมา ด้วยหนังโฆษณา The Dragon Challenge ที่แสดงจุดยืนชัดเจนถึงความยอดเยี่ยมในฐานะยอดแห่งรถอเนกประสงค์ SUV อย่างแท้จริง
The Dragon Challenge คือ หนังโฆษณาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Land Rover เท่าที่เคยดูมา โดยเนื้อเรื่องว่ากันตรง ๆ กับบทพิสูจน์สมรรถนะ Range Rover Sport P400e PHEV ในประเทศจีน ณ เขาเทียนเหมินซาน หนึ่งในภูเขาที่สวยที่สุดในประเทศจีน ซึ่งมีช่องเขาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และคนที่นั่นเรียกมันว่า “ประตูสวรรค์”
โดยการจะไปที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านเส้นทางขึ้นเขาด้วยถนนที่แคบ และมีความลาดชัน ประกอบกับโค้งที่เหมือน “งูขด” มากถึง 99 โค้ง แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องยากที่สุด เพราะการขึ้นไปถึงประตูสวรรค์คุณต้องเดินด้วยบันไดขึ้นไปอีก 999 ขั้น บนความชันในระดับ 45 องศา
และเชื่อได้เลยว่าเมื่อคุณใช้เวลาไม่กี่นาทีดูหนังโฆษณาชุดนี้จบ ความรู้สึกอยากขับ Range Rover Sport P400e PHEV แบบสุด ๆ จะเกิดขึ้นทันทีเหมือนกันผม ซึ่งแม้ในความเป็นจริงนั้นออกจะเป็นเรื่องยาก แต่เชื่อมั้ยว่าในอีกอาทิตย์ถัดมามันกลับเป็นเซอร์ไพรส์เงียบแบบไม่รู้ตัว
หากคุณกำลังต้องการ Wallpaper สวยๆเราแนะนำ Wallpaper รูปรถ สวยๆ Download wallpaper ลิ้งนี้ |
Range Rover Sport P400e PHEV 404 แรงม้า
เพราะเช้าวันรุ่งขึ้น ณ ฐานทัพของ Torque Magazine เจ้า Range Rover Sport P400e PHEV รุ่นเดียวกับในหนังโฆษณามันมาจอดรออยู่อย่างเงียบสงบ แม้จะไม่ใช่คันสีแดงเหมือนใน The Dragon Challenge กลับเป็นสีขาวสะอาดตา … แต่แค่มีโอกาสได้ขับเราก็ยอมรับว่านั้นมากเกินพอแล้ว
ผมเคยสัมผัส Range Rover มาก่อน แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวครั้งอดีตที่ผ่านมานานมากจนแทบจำไม่ได้ จนกระทั่งได้เห็น Range Rover Sport P400e PHEV อยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลานั้นอีกครั้ง แต่จะให้นำมาเปรียบเทียบกัน ก็คงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากนั่นมันซัก 10 กว่าปีมาแล้ว และ Land Rover เองก็พัฒนา Range Rover มาอย่างไม่หยุดยั้ง และหลากหลายเจเนอเรชั่น ฉะนั้นเอาเป็นว่าเราขอแชร์ประสบการณ์ในการสัมผัส Range Rover เจเนอเรชั่นใหม่ให้อ่านก็แล้วกัน
สำหรับ P400e PHEV คือ ไลน์อัพใหม่ล่าสุดของ Range Rover ในรูปแบบรถ Plug-in Hybrid ซึ่งขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบพิกัด 2.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged โดยมีพละกำลังรวมสูงสุด 404 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 4,000 รอบต่อนาที
ซึ่งมาจาก เครื่องยนต์ 300 แรงม้าพร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร รวมพลังกับ มอเตอร์ไฟฟ้าอีก 141 แรงม้า และแรงบิด 275 นิวตันเมตร โดยมีระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดรับหน้าที่ถ่ายทอดเรี่ยวแรงสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ซึ่งสามารถสร้างสมรรถนะตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ทำได้ในเวลาเพียง 6.7 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 220 กม./ชม.
ด้านรูปลักษณ์บอกเลยว่า “หล่อ” มากมายในทุกมุมมอง ที่วางอยู่บนมิติตัวถังความยาว 4,879 มม. ความกว้าง 1,983 มม. และความสูง 1,845 มม. ครอบทับด้วยงานดีไซน์เรียบง่าย แต่ให้อารมณ์ความสปอร์ต และยังคงอยู่บนพื้นฐานเอกลักษณ์ของความเป็น Range Rover ชนิดที่เรียกว่าชวนให้ขึ้นไปประจำการในตำแหน่งคนขับทันทีที่เห็นเลยทีเดียว ว่าแล้วเราก็เปิดรถโดดขึ้นไปชมเลยในทันที
โดยความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสคือ ความกว้างขวางที่รายล้อมไปด้วยความหรูหรา ภายใต้งานออกแบบที่เรียบง่าย ลงตัวกับการจัดวางตำแหน่งฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ และที่สำคัญคือ การเลือกใช้วัสดุหนังที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนถึงความหรูหรา และความสปอร์ต จนคุณไม่อยากที่ลุกไปไหน
ผมเริ่มที่จะซนโดยการกดสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วก็พาลไปกดปุ่มนู้น ปุ่มนี้ ราวกับเด็กที่เพิ่งเข้าสวนสนุกเป็นครั้งแรก ด้วยความตื่นเต้นไปหมดทุกอย่าง แต่ด้วยความทะนุถนอมนะครับ เพราะเชื่อได้เลยว่าถ้าคุณได้มีโอกาสเข้ามานั่งตรงนี้เหมือนเรา คุณก็ทำเช่นกัน แม้แต่ละปุ่ม แต่ละฟังก์ชันจะสร้างขึ้นจากวัสดุที่แข็งแกร่ง และทนทาน แต่งานดีไซน์ของมันกลับทำให้มันดูอ่อนโยน จนคุณแทบไม่กล้าใช้นิ้วกดมันลงไปแรง ๆ เลยทีเดียว แม้กระทั่งการปรับช่องแอร์ก็ตาม
เราทำความคุ้นเคยกับ Range Rover Sport P400e PHEV ด้วยการนั่งนิ่ง ๆ และปรับตำแหน่งเบาะนั่ง, พวงมาลัย ไป ๆ มา ๆ โดยที่รถยังไม่ได้ขยับไปไหน ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่อยาก หากแต่อยากทำความรู้จัก และอยากสร้างความพร้อมให้ตัวเองเพิ่มขึ้นอีกนิด ก่อนที่จะนำเอารถค่าตัวราคาราว ๆ 7.4 ล้านออกมาวิ่งอยู่บนถนนในกรุงเทพฯ
และผ่านไปราว ๆ เกือบชั่วโมง ผมก็พร้อมซักที ที่จะเอาเจ้ายักษ์คันนี้ออกไปโชว์ตัวบนท้องถนน โดยเริ่มต้นจากการขยับตัวเคลื่อนไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ เพราะการเดินคันเร่งแบบพรวดพราดคงไม่ดีเท่าไหร่กับรถเอนกประสงค์ SUV พละกำลัง 404 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 640 นิวตันเมตร เนื่องจากมันสามารถพุ่งพรวดเดียวจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.7 วินาที เท่านั้น
หลังจากที่นำ Range Rover Sport P400e PHEV ออกมาบนถนน เรารู้สึกเหมือนรถทุกคันไม่เป็นมิตรกับเราแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเหล่าสิงห์มอเตอร์ไซค์ที่ซ่อกแซ่กไปมาระหว่างรถในขณะที่รถติด และคุณต้องจอดนิ่ง ๆ อยู่กับที่ และอยากที่จะย่อส่วนเจ้านี่ให้เหลือขนาดเท่า Eco Car เพื่อสร้างความอุ่นใจให้เราเพิ่มขึ้นอีกนิด นอกจากแค่นั่งภาวนาว่า “โปรดไปวิ่งไกล ๆ”
และจากที่ผ่านเรื่องลุ้น ๆ ไป ผมก็ตัดสินใจที่จะนำเจ้า Range Rover Sport P400e PHEV ออกไปนอกเมือง เพื่อลดความเสี่ยง แถมถนนก็โล่ง ๆ พอให้เรากล้ากดคันเร่งได้มากขึ้นอีกด้วย โดยแรกเริ่มเราเน้นการเดินทางในแบบปกติเพื่อปรับตัว และก็พบว่ามันเป็นรถที่ขับสบายไม่น้อย แต่ในสไตล์ของรถอเนกประสงค์สายหรูที่มีส่วนผสมเป็นความสปอร์ต เพราะด้วยล้ออัลลอยขนาดใหญ่ มันเลยอาจทำให้ฟิลลิ่งความนุ่มนวลนั้นมาแบบสไตล์แน่น ๆ แบบที่เราชอบ เพราะมันจะใช้ความมั่นใจได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านความเร็วสูง
นอกจากเรื่องของช่วงล่างแล้ว ความเฉียบคมของพวงมาลัยยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คุณไม่รู้สึกว่ากำลังขับรถอเนกประสงค์ SUV หากแต่มันสร้างความรู้สึกเหมือนคุณกำลังขับรถสปอร์ตที่ตอบสนองแม่นยำราวกับจับวาง ซึ่งมันจะเพิ่มความคล่องตัวได้มากแน่นอน หากขับขี่ในเมือง แต่คงไม่ใช่สำหรับเราที่จะกลับไปลองดูอีกครั้ง เพราะเราเองก็ทั้งเสียว ทั้งลุ้น เหมือนกัน
ผมชอบที่จะขับ Range Rover Sport P400e PHEV ด้วยความเร็วเดินทางปกติ เพื่อตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนร่วมท้องถนนที่ต่างก็จับจ้องมองในความสวยงามของรถรุ่นนี้ แต่ยังไงซะเราก็ต้องลองกระแทกมันดูซักครั้ง และนั่นเป็นความคิดที่ดีเอามาก ๆ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อพาเจ้ารถอเนกประสงค์ SUV ร่างยักษ์พุ่งออกไปด้านหน้า และใช่ครับมันเร้าใจเอามาก ๆ เมื่อพลังทั้ง 2 ส่วนร่วมมือกัน จนทำเอาเรารู้สึกเหมือนเป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกมา
ซึ่ง เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มันทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ ในจังหวะรับ และส่งถ่ายพละกำลังจากเกียร์ไปต่อเกียร์ ทำให้รู้สึกถึงเรี่ยวแรงที่คุณสามารถเรียกมาใช้ได้แบบไม่มีวันหมด จนกระทั่งในชั่วอึดใจคุณจะเห็นภาพเบื้องหน้า และด้านข้างผ่านไปไวผิดปกติ ถึงจะรู้ว่านี่เรากำลังเดินทางด้วยรถอเนกประสงค์ SUV ที่ความเร็วเกือบ ๆ 200 กม./ชม. กันอยู่
โดยไม่ใช่แค่เรื่องพละกำลังที่สร้างความเร็วได้อย่างว่องไว และต่อเนื่องเท่านั้น หากแต่ความ “นิ่ง” ของตัวรถ ตลอดจนการเก็บเสียง และหลักอากาศพลศาสตร์ ทั้งหมดทำให้คุณแทบไม่รู้สึกถึงการแหวกอากาศในขณะใช้ความเร็วสูง
และด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้ผมเลือกที่ใช้ความเร็วต่อไป แต่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก เพื่อซึมซับเสถียรภาพทั้งทางตรง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทางโค้ง ที่สร้างความันส์ให้เราหลงจนหัวปักหัวปำ ในความควบคุมที่เปรียบได้กับรถสปอร์ตขนาดยักษ์ที่นำเสนอความแม่นยำ รวดเร็ว และรุนแรง ได้ในทุกครั้งที่เราต้องการ
บทสรุป
แน่นอนครับว่าเจ้านี่เป็นรถ PHEV ที่ประเด็นสำคัญในเรื่องของความ “ประหยัด” แต่เราหลงสมรรถนะมากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อมีแรงหนุนส่งทั้งจากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า และใช่มันสามารถเป็นรถที่ประหยัดได้ถ้าใจคุณนิ่งพอ แต่กับเราที่หลงใหลการเคลื่อนไหวในแบบสปอร์ต จึงเลือกที่ขับมันแบบสปอร์ตมากกว่า และเพลิดเพลินไปกับสิ่งนั้นด้านนอกเมือง
จนกว่าจะล่วงเลยเวลาที่รถรามหาศาลตามตึกรามบ้านช่อง จะออกมากองรวมกันบนถนนในกรุงเทพฯ ยามเย็น เพราะนอกจากลดความเสี่ยงแล้ว เรายังสามารถ “ซิ่ง” เจ้า Range Rover Sport P400e PHEV กลับฐานทัพได้อย่างมั่นใจอีกด้วย
Specification : Range Rover Sport P400e PHEV
- Price : 7,399,000 BHT
- Engine : 1,997 CC / Turbocharged / 4 Cylinder / 16 Valve 300 hp @ 5,500 rpm / 400 Nm @ 1,500 – 4,000 rpm / Electric Motor 141 hp / 275 Nm
- Transmission : 8AT / All Wheel Drive
- Performance : 0 – 100 Km/h @ 6.7 Sec / Top Speed @ 220 Km/h
- Weight : 2,471 Kg.