แม้ย้อนไปในอดีต เรื่องราวปฐมบทของแบรนด์ TATA ในเมืองไทย อาจไม่สวยหรูตามเป้าหมายที่หวังไว้ … แต่ล่าสุด “อินช์เคป (ประเทศไทย)” ประกาศกร้าว สานต่อความมั่นใจในแบรนด์ TATA อีกครั้ง ให้ผู้บริโภคชาวไทย และนี่คือ เรื่องราวที่ คุณชาญชัย มหันตคุณ ในฐานะหัวเรือใหญ่แห่งแบรนด์ TATA อยากเล่าให้ฟัง … !!!
A : เตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง เพื่อการกลับมาของแบรนด์ TATA … ?
Q : ต้องบอกว่าเราใช้เวลาถึงเกือบๆ 2 ปี สำหรับการกลับมาของแบรนด์ TATA โดยที่มา ที่ไป ก็น่าจะคาดเดากันได้ว่า เพราะจากฐานะที่เราได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Distributor หรือ ตัวแทนจำหน่าย Jaguar และ Land Rover
ตอนปี 2016 กลายเป็นจุดเริ่มต้นสร้างโอกาสให้ทาง TATA ได้เห็นศักยภาพ ว่าก่อน และหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ Jaguar และ Land Rover มีความแตกต่างกันอย่างไร จนกระทั่งท้ายที่สุดทาง TATA ก็ยอมรับในศักยภาพของเรา
ทำให้ในปี 2022 ทาง TATA ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Jaguar และ Land Rover ก็ได้ติดต่อเข้ามา โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ อยากกลับมาทำตลาดในเมืองไทยอีกครั้ง พร้อมกับมีคำถามว่า จะทำยังไงให้แบรนด์ TATA สามารถก้าวต่อไปได้ ซึ่งนั่นกลายเป็นโจทย์ใหญ่ และทำให้เราใช้เวลาศึกษาตลาดอยู่นานพอดู
เพราะหนึ่ง “อินช์เคป” ทำธุรกิจรถหรูมาโดยตลอด ขณะที่อีกทางหนึ่ง “อินช์เคป” เป็นบริษัทระดับ Gobal ที่มีเครือข่ายกว้างขวาง และทำธุรกิจต่างๆ มาอย่างมากมาย 40 กว่าประเทศทั่วโลก แล้วก็ด้วยการที่เราเป็น Distributor หรือ ตัวแทนจำหน่าย อยู่หลายแบรนด์ ไปจนถึงการทำงานหลากหลายธุรกิจ ทั้งรถหรู, รถ Mass, รถบรรทุก และเครื่องจักร
ทำให้พอเราได้รับการติดต่อ ก็เลยต้องมาคุยกันภายใน รวมถึงตัวเองก็ได้มีการไปศึกษาทำการบ้าน เพื่อหาคำตอบบางอย่าง เพราะที่ TATA มีทั้งรถบรรทุกใหญ่ แล้วก็รถบรรทุกเล็ก ฉะนั้นเราก็เลยต้องไปศึกษามาว่าธรรมชาติของการทำธุรกิจรถบรรทุกเป็นอย่างไร จนกระทั่งได้คำตอบว่า การทำธุรกิจรถบรรทุก นั้นมีความเหมือน และความต่างกับรถหรูเช่นกัน
เรื่องต่อมาที่เราต้องศึกษาก็คือการดูว่า ตลาดอะไรในเมืองไทยที่น่าสนใจ ก่อนที่จะย้อนมาดู Product ของเรา ซึ่งสิ่งที่เราเจอ คือ Product ของ TATA นั้นมีความกว้าง แล้วก็หลากหลายมาก
โดยความน่าสนใจ และเป็นจุดเด่น ก็คือแบรนด์ TATA มี Product ที่รองรับการขนส่งได้ทุกระยะ ตั้งแต่ 1 ตัน ไปจนถึง 50 ตัน เลยทีเดียว เพราะ Product ในมือนั้นไม่ได้มีแค่รถบรรทุก แต่ยังมีรถตู้, รถบัส ไปจนถึงรถยนต์ เลยทีเดียว
ทำให้ TATA มี Product ที่สามารถแบ่งประเภทในการทำตลาดได้ ซึ่งจะต่างจากยุคก่อน ถ้าหลายคนจำได้ กับการเข้ามาการทำตลาดของแบรนด์ TATA บ้านเรา โดย ทาทา มอเตอร์ ประเทศไทย จะเน้นไปที่รถกระบะอย่างเดียว เหมือนแค่มองว่าเค้กก้อนใหญ่สุดอยู่ตรงไหน ก็ลุยไปตรงนั้น
แต่ครั้งนี้ เรากลับมาพร้อมกับมองให้ลึกกว่า มีมิติมากกว่า เพื่อมองหาว่าจุดไหนเราสามารถต่อเติมอะไรได้บ้าง เช่น ความหลากหลาย
เพราะเรามองว่าในอุตสาหกรรมที่มีอยู่ตอนนี้ มีตลาดกลุ่มไหนบ้าง ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ในกลุ่มรถบรรทุกเล็ก 1 ตัน ของเราเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขณะที่คู่แข่งบางรายก็เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แต่เราก็มีจุดเด่นในเรื่องของของอัตราการกินน้ำมัน พละกำลังเครื่องยนต์ หรือแม้กระทั่งการออกแบบของตัวรถ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เรามองว่ามีช่องทางการตลาด
มากกว่านั้น คือ จริงๆ เราไม่ได้ขายรถบรรทุก แต่เราขาย Solution ของการขนส่ง ซึ่ง “ราคา” ไม่ใช่ปัญหา แต่ที่ต้องจริงจัง ก็คือ บริการหลังการขายทั้งหมด โดยเราเปิดตัวพร้อมกับดีลเลอร์ 13 แห่งทั่วประเทศทุกภาค เช่น
ราคาอะไหล่ต้องแข่งขันได้ และถูกกว่าคนอื่น, เรื่อง Service Plan ที่ประกอบด้วย บริการหลังการขาย Master Care Plus, เรื่อง Roadside Assistance, เรื่องสถาบันการเงินที่จะมารองรับ หรือแม้กระทั่งเรื่องของประกันภัย
ซึ่งทั้งหมดคือ Solution ที่จะตอบโจทย์เรื่องของการขนส่งในภาคธุรกิจ โดยรวมได้มากกว่า เพราะการบริการหลังการขาย เราถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เราตัดสินใจทำแบรนด์ TATA ก็เพราะ เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่เรามีพื้นฐานอยู่แล้วจากกลุ่มลูกค้าเดิม ทั้งสถิติข้อมูล หรือการสั่งอะไหล่
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของรถ TATA อยู่แล้ว คือ ผู้ที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา และเรายินดีที่จะให้บริการอย่างเต็มที่ โดยเท่าที่ทราบจำนวนมาคร่าวๆ ก็คือ ราว 20,000 คน นั่นจึงเป็นที่มา ว่าทำไมเราถึงศึกษาเรื่องบริการหลังการขายอย่างละเอียด
เพราะหากถ้าเรามองลึกๆ จะเห็นว่า การกลับมาดำเนินธุรกิจรอบนี้ เป็นเหมือนการร่วมมือระหว่างทางโรงงานกับผู้ประกอบการ มากกว่าจะเป็นการร่วมมือระหว่าง ผู้ประกอบการกันเอง
ฉะนั้นสิ่งที่แตกต่างก็คือ ความร่วมมือในการแบ่งปันข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถิติอะไหล่ต่างๆ เพราะข้อมูลที่ทั้ง 13 ดีลเลอร์ของเรามีอยู่ในมือ ก็มาจากทางเครือข่ายของ TATA ประเทศไทยเก่า รวมกับทางเราที่เองก็หาเพิ่มด้วย ทำให้การกลับมารอบนี้มีความพร้อมมากขึ้น ครบวงจรมากขึ้น
ประกอบกับ “อินช์เคป” เอง เรามีประสบการณ์การทำรถยนต์มาอยู่แล้ว 7 – 8 ปี และเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเข้าใจในตลาดคนไทย จากฐานะคนไทยที่เรามี ฉะนั้นจึงพูดได้ว่าเราเข้าใจผู้บริโภค, คู่ค้าพันธมิตร หรือผู้แทนจำหน่ายที่เป็นคนไทยได้ดี เหมือนเราเป็นวุ้นแปลภาษา ที่รับสื่อมาจากอินเดีย แล้วมาเปลี่ยนสไตล์ ปรับปรุงใหม่ เพื่อคนไทย
ซึ่ง ณ ปัจจุบันเราพร้อมแล้วในการจัดจำหน่าย ซึ่งหากสนใจก็สามารถรับรถได้เลยในงาน Motor Expo นี้ และจากการที่เราศึกษาความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยมา ซึ่งทำให้เราสามารถช่วยตกแต่ง หรือดัดแปลงได้ตามความต้องการของลูกค้า ทั้งยังสามารถทำการจัดไฟแนนซ์รวมไปในราคารถได้เลยอีกด้วย
A : คู่แข่งมีผลกับเราแค่ไหน … ?
Q : ในจุดนี้เรามองว่าเป็นเรื่องดี ที่แบรนด์ใหญ่ เข้ามาเป็นผู้เล่น เพราะจะช่วยให้ตลาด SCV หรือ Small Commercial Vehicle เติบโตขึ้น เพราะที่ผ่านมายอดปกติไม่เยอะจะอยู่ราวๆ 3,000 คันต่อปี ฉะนั้นในการที่มีแบรนด์ใหญ่เข้ามา เรามองว่าจะเป็นฐานกำลัง ซึ่งช่วยสร้างการรับรู้ และสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้น
อีกอย่างเราก็ไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่ง เพราะหากดูจากรายละเอียดหลายๆ อย่างในส่วนของ Product เราค่อนข้างมีความห่างกันอยู่ราวๆ 15 – 20% พูดง่ายๆ ว่าสื่อสารกันคนละกลุ่มเลยทีเดียว
สำหรับใครที่สนใจ ในงานนี้เราก็มีแคมเปญพิเศษให้ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% แถมฟรีประกันภัย พร้อมการวารันตี 3 ปี เสริมด้วยโปรแกรมการช่วยเหลือ Roadside Assistance ขณะเดียวกันก็ยังสามารถเพิ่มเติมโปรแกรม Master Care Plus การบำรุงรักษายาวนานถึง 3 ปี 60,000 กิโลเมตร ในราคาเบาๆ เพียงแค่ 10,000 บาท
ที่จัดไฟแนนซ์รวมไปกับราคารถได้เลย เช่น ปกติ 385,000 บาท ก็รวมเป็น 395,000 บาท แต่สามารถช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเช็คระยะได้ตลอด 3 ปี
A : เป้าหมายที่ตั้งไว้ของการกลับมาครั้งนี้ … ?
Q : ที่เรามองอยู่ คือ 1 ปี กับเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 1,000 คัน แต่เราไม่ได้ขายแค่รุ่นเดียว เพราะเราขายตั้งแต่รถบรรทุกเล็ก จนถึงรถบรรทุกใหญ่ ฉะนั้นในจำนวนประมาณ 1,000 คัน อาจจะเป็นรถบรรทุกเล็กประมาณ 90% ส่วนอีก 10% ก็จะเป็นพวกรถ 4×2, 6×4 หรือตั้งแต่ 6 ล้อ ไปจนถึง 10 ล้อ
A : ฝากอะไรทิ้งท้ายสักนิด … ?
Q : สุดท้ายสำหรับท่านที่ใช้รถ TATA อยู่แล้ว เราก็อยากให้มั่นใจ และเข้ามาสัมผัสอีกครั้งกับ ทาทา มอเตอร์ ประเทศไทย โดย บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จํากัด โฉมใหม่ ว่าเรามีการบริการยังไง เรามีแนวคิดยังไง อย่างที่กล่าวไปว่า ทุกท่าน คือ ผู้มีพระคุณสำหรับเรา และเราพร้อมที่จะดูแลลูกค้าทุกท่านจริงๆ
สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ TATA มาก่อน ก็อยากให้มาคุยกับเราในมุมที่ไม่ใช่แค่เรื่องของรถยนต์ หรือรถบรรทุก แต่ว่ามาคุยกับเราในเรื่องของ Business Solution หรือ การบริการโดยรวม เพราะเรามองว่า เราสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของธุรกิจการขนส่งให้ทุกคนได้ และเรามองยังไปไม่ใช่แค่เรื่องของรถ แต่ว่าเรามองเรื่องของความคุ้มค่าตลอดระยะเวลา
เช่น รถบรรทุกของเรา ที่เราเปิดตัวในงาน Motor Expo ซึ่งมาพร้อมราคาน่ารักๆ หรือถูกที่สุดในงาน คือ 385,000 บาท แต่ที่มากกว่านั้น คือ เราแสดงให้ถึงความพร้อมด้านบริการหลังการขายอย่างถึงที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะกำจัดความกังวลใจ และสร้างความมั่นใจสูงสุด ให้กับผู้ที่จะมาเป็นเจ้าของยนตรกรรมจากแบรนด์ TATA นั่นเอง
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- https://www.tatamotors.co.th/small-commercial…/super-ace
- Facebook: Tata Motors Thailand
- สอบถามข้อมูลได้ที่ TATA MOTORS Contact Center โทร. 02-098-6000