Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Chevrolet Colorado High Country 4×4 ความ “คุ้มค่า” และ “น่าสนใจ” ที่สุดรุ่นหนึ่ง กับโมเดล High Country 4 ประตู
Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Chevrolet Colorado High Country 4×4
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
ถ้าไม่ขยับขึ้นไปให้สุดในสาย Colorado เพื่อสอยเอาเวอร์ชั่นพิเศษมาครอบครอง หรือดันไปจนถึง Chevrolet Colorado High Country Storm … เพราะแค่ต้องการปิคอัพ 4 ประตู ซักคันเพื่อใช้งานจริงๆ ล่ะก็ เราเชื่อว่า Chevrolet Colorado High Country 4×4 คือ ความ “คุ้มค่า” และ “น่าสนใจ” ที่สุดรุ่นหนึ่ง
โมเดล High Country บนพื้นฐานของตัวถัง 4 ประตู ที่มีคุณสมบัติประดุจรถยนต์นั่ง
ด้วยรายละเอียดของความเป็นโมเดล High Country บนพื้นฐานของตัวถัง 4 ประตู ที่มีคุณสมบัติประดุจรถยนต์นั่ง และขนาดตัวถังที่สะดวกต่อการใช้งาน ควบคู่ไปกับ “สมรรถนะ” ที่เรารับประกันได้ทั้งความยอดเยี่ยมในการ ในความ “ขับสนุก” รวมถึงสามารถเป็นรถอเนกประสงค์ได้จากบริเวณกระบะด้านหลัง
นอกจากนี้ยังมีความ “คุ้มค่า” ในความเป็นโมเดลล่าสุด 2019 ซึ่งมาพร้อมกับการอัพเกรดความสดใหม่เพิ่มเติม ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก ที่ประกอบด้วยชุดกระจังหน้าแบบ 2 ชั้น Dual Port-Grille ตามแบบฉบับของเชฟโรเลต ที่มากับดีไซน์สปอร์ต เสริมความโดดเด่นด้วยกรอบโครเมี่ยม และตราสัญลักษณ์โบว์ไทด์สีทอง
ประกบด้วยชุดไฟหน้าแบบฮาโลเจน ที่สะดุดตาด้วยชุดไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED รวมอยู่ในกรอบเดียวกัน และมาพร้อมฟังก์ชั่นการทำงานของระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไปจนถึงการติดตั้งไฟตัดหอมกหน้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ชุดล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตแบบทูโทนขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/60 R18
ในขณะที่ด้านข้างมากับความแกร่งด้วยบันไดข้าง (Side Step) รับกับชุดล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตแบบทูโทนขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/60 R18 ตลอดจนราวบรรทุกสัมภาระบนหลังคา
ก่อนปิดท้ายด้วยด้านหลังที่มากับสปอร์ตบาร์สีเดียวกับตัวรถ และยกระดับความปลอดภัยด้วยไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED รวมถึงมือจับสำหรับเปิดฝาท้ายแบบโครเมี่ยม พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลัง
ภายในห้องโดยสาร
สำหรับภายในห้องโดยสารยังคงเป็นอารมณ์ที่คุ้นเคยกันดี เช่นเดียวกับออพชั่นต่าง ๆ ที่จัดมาให้ เช่น พวงมาลัยเพาเวอร์ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering) ปรับระดับสูง-ต่ำได้
และปรับน้ำหนักตามความเร็วรถหุ้มด้วยวัสดุหนังแท้ และมาพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง, โทรศัพท์ ตลอดจนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
ส่วนความสะดวกสบาย และความบันเทิงนั้นว่ากันตั้งแต่ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ต่อเนื่องไปที่เทคโนโลยีสำคัญอย่าง Chevrolet MyLink ระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร และความบันเทิงที่มากับหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlayTM, เชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านสัญญาณ Bluetooth
และระบบนำทาง (Navigation System) รวมถึงจอแสดงข้อมูลการเดินทางแบบดิจิตอล, ระบบเสียงแบบพรีเมียม พร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง และช่องต่ออุปกรณ์เสริม AUX, USB และช่องจ่ายกระแสไฟ 12 โวลต์ถึง 3 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ยังเพิ่มความล้ำสมัยด้วยกุญแจรีโมทที่สามารถควบคุมการปรับขึ้น-ลงของกระจกหน้าต่างแบบไฟฟ้าทั้ง 4 บาน ด้วยการทำงานแบบวันทัช และจะหยุดการทำงานเมื่อมีสิ่งกีดขวาง อีกทั้งกระจกหน้าต่างคู่หน้ายังเลื่อนลงได้โดยอัตโนมัติเมื่อทำการเปิดดประตู และจะเลื่อนขึ้นอัตโนมัติเมื่อปิดประตูอีกด้วย
ตามด้วยการเพิ่มความสบายในการปรับเบาะนั่งด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง เสริมอารมณ์สปอร์ตด้วยวัสดุหุ้มเบาะนั่งระหว่างหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ ที่ลงตัวกับแผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยสีดำ (Jet Black)
และก็มาถึงส่วนสำคัญที่ยังคงสร้างความประทับใจให้เราทุกครั้ง เมื่อประจำการหลังพวงมาลัย ซึ่งนั่นก็คือ เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล Duramax พิกัดความจุ 2.5 ลิตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเร็คอินเจคชั่น พ่วงด้วยเทอร์โบแปรผัน VGT และอินเตอร์คูลเลอร์ ที่สร้างเรี่ยวแรงออกมาให้ใช้ 180 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที
พร้อมแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที รับหน้าที่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Manual Mode สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time ให้คุณเลือกปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน กับ 3 รูปแบบหลัก คือ ขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H), ขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง (4H) และขับเคลื่อน 4 ล้อในความเร็วต่ำ (4L)
“สมรรถนะ” ของ Chevrolet Colorado นั้นสามารถมอบให้ได้ทั้งเสถียรภาพในการขับขี่ตลอดจนถึงความตื่นเต้นเร้าใจที่ตัวผู้ขับขี่เอง
และจากประสบการที่ผ่านมาหลากหลายครั้ง ทั้งในเรื่องขุมพลัง และระบบขับเคลื่อน ทำให้เราสามารถบอกได้เลยว่ากับ “สมรรถนะ” ของ Chevrolet Colorado นั้นสามารถมอบให้ได้ทั้งเสถียรภาพในการขับขี่ตลอดจนถึงความตื่นเต้นเร้าใจที่ตัวผู้ขับขี่เอง
สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ง่าย ๆ ด้วยการปิด Traction ในโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง จากนั่นสิ่งที่ต้องทำก็มีแค่กระแทกคันเร่งลงไปลึก ๆ ในจังหวะหักเลี้ยวพวงมาลัย เท่านั้นคุณก็จะได้ “Drift” เกิดขึ้นเบา ๆ พอให้เร้าใจ ส่วนถ้าจะแก้อาการให้เข้ารูปเข้ารอย ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่ถอนเท้าออกจากคันเร่งก็พอ
แต่ถ้าคุณอยากปลอดภัยกว่านั้น การไม่ปิด Traction คือ ตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะสิ่งที่ได้ก็คือ อาการเดียวกัน แต่มันจะหวือหวาน้อยกว่า เนื่องจากระบบจะไม่ยอมให้คุณเสียอาการมากไปกว่าที่เค้ากำหนด เพราะฉะนั้นนอกจากความสนุกเร้าใจแล้ว คุณยังสามารถมั่นใจได้ในเรื่องของระบบความปลอดภัยได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ระบบช่วงล่างยังคงเป็นพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและโช๊คอัพแก๊ส
ส่วนในเรื่องของระบบช่วงล่างยังคงเป็นพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและโช๊คอัพแก๊ส ในขณะที่ด้านหลังมากับแบบลิฟสปริงแป้นรูปครึ่งวงรี ทำจากวัสดุเหล็กกล้า พร้อมโช๊คอัพแก๊ส ซึ่งมีการปรับเซ็ทมาในระดับที่ลงตัว
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในรถปิคอัพ 4 ประตู ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ซื้อจะเน้นการโดยสารมากกว่าการบรรทุกหนัก เพราะฉะนั้นอารมณ์ของช่วงล่างจึงมีความนุ่มนวลมากขึ้น เพื่อรองรับในจุดนี้ ตลอดจนการสร้างเสถียรภาพ และความมั่นใจในการขับขี่ จากระบบความปลอดภัยที่นำร่างด้วย เบรกแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม ต่อยอดไปจนถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ
ประกอบด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย และคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกจากด้านข้าง, ถุงลมนิรภัย SRS สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมด้วยถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า สำหรับผู้ขับขี่ ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ปรับระดับสูง-ต่ำ ที่มากับระบบผ่อนแรง และดึงกลับอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter) สำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้าในขณะที่ผู้โดยสารด้านหลังจะมากับเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด
เทคโนโลยีความปลอดภัย
ตามด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย เช่น
- ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อขับขี่ออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC – Electronic Stability Control)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะลากจูง (TSC – Trailer Sway Control)
- ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP – Anti Rolling Protection)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล และล้อหมุนฟรี (TCS – Traction Control System)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA – Hill Start Assist)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะลงทางลาดชัน (HDC – Hill Descent Control)
- ระบบช่วยเบรกกะทันหัน (PBA – Panic Brake Assist)
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS – Anti-lock Braking System)
- ระบบกระจายแรงเบรก (EBD – Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบตรวจวัด และแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (Tire Pressure Measuring System)
ไปจนถึง เซ็นเซอร์ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง สำหรับช่วยในการนำรถเข้าาจอด (Front & Rear Park Assist), กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Rear Vision Camera), ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และกุญแจนิรภัยป้องกันการโจรกรรมแบบ Immobilizer พร้อมสัญญาณเตือนการโจรกรรม
และที่สำคัญก็คือ “ทั้งหมด” ที่กล่าวมาได้ถูกจัดสรรให้อยู่ภายในรถปิคอัพที่มี “ขนาด” ตัวถัง เหมาะสมกับการใช้งานในเมือง เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึงความขับง่าย จอดง่าย ให้ความสะดวกสบายในการใช้งานได้ดี โดยไม่มีดราม่า
Specification: Chevrolet Colorado High Country 4×4
- Price: 1,068,000 BHT
- Engine: 2,499 cc Diesel Turbo 4-cylinder 16-valves, 180 hp @ 3,600 rpm, 440 Nm @ 2,000 rpm
- Transmission: A/T 6-Speed, Part Time 4-Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A, Top Speed @ N/A
- Weight: N/A Kg.