Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Honda Civic Turbo เจเนอเรชั่นที่ 10 ด้วยงานดีไซน์ภายใต้แนวคิด “Revolutionary Silhouette Advanced Neo Sedan”
Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Honda Civic Turbo เจเนอเรชั่นที่ 10
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
“การมาของ New Honda Accord ได้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เรานึกถึง Honda Civic ขึ้นมาเฉย ๆ โดยไม่รู้ว่าทำไม แต่ที่แน่ ๆ มันน่าจะมีส่วนมาจากขุมพลัง โดยเฉพาะในเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ Turbo ในพิกัด 1.5 ลิตร”
พัฒนาการของ Honda Civic นับตั้งแต่ถือกำเนิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2527 ดูเหมือนจะมาถึงจุดก้าวกระโดดอีกครั้ง เมื่อหันมาเล่นแรงด้วยขุมพลังเทอร์โบ ในโมเดลล่าสุด แถมยังสืบทอดต่อไปยังซีดานขนาดกลางในค่าย
อย่าง New Honda Accord ที่ช่วยตอกย้ำถึงประสิทธิภาพอันชัดเจนของเครื่องยนต์ VTEC พ่วงเทอร์โบ จากค่าย Honda จนทำให้เราต้องย้อนกลับมาดูว่า พลาดอะไรไปบ้างจาก เมื่อครั้งก่อนที่ได้ทดลองขับ Honda Civic Turbo โดยมีค่านิยมของเครื่องยนตร์รอบจัดไร้ระบบอัดอากาศเป็นที่ตั้ง
Honda Civic Turbo
ภายนอกของ Honda Civic ซึ่งโมเดลนี้ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 10 ด้วยงานดีไซน์ภายใต้แนวคิด “Revolutionary Silhouette Advanced Neo Sedan” ที่มีจุดเด่นจากส่วนผสมของความหรูหราในมุมมองด้านหน้า
เสริมด้วยอารมณ์ความสปอร์ตด้วยการติดตั้งชุดไฟ DRL – Daytime Runing Light, แนวเส้นหลังคาที่ลาดต่ำลงในด้านหลัง และชุดไฟท้ายรูปทรง C – Shape แบบ LED ที่สะดุดตา
ส่วนห้องโดยสารที่มากับแนวคิดการออกแบบ “Daring Ace Design” ซึ่งนำเสนอความล้ำสมัยยิ่งขึ้น ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และเส้นสายการออกแบบที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตแบบพรีเมียม ด้วยหลัก “Man Maximum, Machine Minimum”
เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานฟังค์ชั่นต่าง ๆ ในห้องโดยสารได้อย่างคล่องมือ แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นหลัก ที่ทำให้เราต้องหยิบยืม Honda Civic Turbo กลับมาลองขับดูอีกครั้งว่าเรา “พลาด” อะไรไป
เพราะไฮไลท์ของ Civic Turbo คือ ขุมพลังเบนซินขนาด 1.5 ลิตร แบบ DOHC VTEC ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ซึ่งประกอบด้วย 3 จุดเด่นหลัก คือ
- “ระบบหัวฉีด ไดเรคท์ อินเจคชั่น และท่อไอดีแบบตรง” เพื่อเพิ่มการเผาไหม้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- “ระบบการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วแบบคู่” (Dual VTC) ของท่อไอดี และท่อไอเสีย ทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการเปิด – ปิดวาล์วให้สอดคล้องกัน ในทุกรอบเครื่องยนต์
- “เทอร์โบ ชาร์จเจอร์” ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้า เพื่อนำพลังงานไอเสียส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยพละกำลังสูงสุดของ Honda Civic Turbo ที่พกพามาให้นั้นอยู่ที่ระดับ 173 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร หรือ พูดง่าย ๆ ว่ามีเรี่ยวแรงในระดับเทียบเท่าเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ขณะที่ระบบส่งกำลังนั้นมากับเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม เช่นกัน
ซึ่งนั่นหมายถึง Honda Civic Turbo จะมีบุคลิกในแบบที่เรียบร้อยเมื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยคุณสมบัติของเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ต้องใช้สไตล์การขับขี่ในแบบเนียน และสามารถเกรี้ยวกราดได้เมื่อต้องการ แต่ไม่ได้หมายความในจังหวะ เทอร์โบบูสต์ จะหนักหน่วงชนิดที่ดึงจนหลังติดเบาะ
แต่ก็พอสัมผัสได้ถึงการตอบสนองที่รวดเร็วในทุกครั้งเมื่อกดคันเร่ง ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ที่คุ้นเคยของความเป็นเครื่องยนต์ N/A หากต้องการ “ลากรอบ” ด้วยโหมดเกียร์ S และการใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เพื่อเพิ่มความเร้าใจ
โดยตั้งแต่ความเร็วต่ำลากยาวไปจนถึงระดับความเร็ว 140-150 กม./ชม. ถือได้ว่าเป็นยนตรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งเกิดจากการผสานของระบบ VTEC และ Turbo ที่หนุนส่งให้การทะยานสู่ความเร็วสูงนั้นเต็มไปด้วยความกระฉับ กระเฉง ต่อเนื่องไปจนถึงระดับ 160 กม./ชม. ก่อนจะกลายเป็นอาการ “ไหล” สู่ความเร็วปลายที่ทำได้ในระดับ 80 กม./ชม.
ส่วนอารมณ์ของการขับขี่ นั้นต้องชื่นชมแบรนด์ Honda ที่ยังคงนำเสนอ เอกลักษณ์อรรถรสของ Honda อย่างเด่นชัดในทุก ๆ องค์ประกอบ ซึ่งว่ากันตั้งแต่ สัมผัสจากระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า และช่วงล่าง ที่มีการทำงานสอดรับกันอย่างลงตัวกับ อาทิ ในความเร็วต่ำที่สามารถหมุนพวงมาลัยได้อย่างเบาแรง และแปรผันน้ำหนักให้หน่วง สร้างความมั่นใจมากขึ้นเมื่อก้าวสู่ระดับความเร็วสูง
ขณะที่ระบบช่วงล่างที่ใช้พื้นฐานแบบอิสระ 4 ล้อ ด้วยด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงก์ ก็มาพร้อมความนุ่มนวลในรู้สึกได้ในย่านความเร็วเดินทางปกติ และพร้อมจะมอบความสปอร์ตให้สัมผัสในทันทีเมื่อขยับไปที่ความเร็วสูง
และทั้งหมดทั้งมวลที่ว่า ได้ก่อกำเนิดเป็นความลงตัว อันเป็นเอกลักษณ์การขับขี่ของ Honda ที่ไม่ใช่แค่เพียงเฉพาะโมเดล Civic เท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงในทุก ๆ โมเดลของ Honda ที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับตัวให้เข้ากับรถได้อย่างรวดเร็ว
และสนุกกับการขับขี่ได้อย่างเต็มอรรถรสเมื่อใช้ “ความเร็ว และจังหวะ” อย่างเหมาะสม อีกทั้งความรู้สึกดังกล่าวจะยิ่งเติมเต็มมากขึ้น เมื่ออยู่กับยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะอย่าง Honda Civic Turbo ที่สามารถมอบให้ได้ทั้งความ “เรียบร้อย” และ “เร่าร้อน”
โดยครั้งนี้เราสัญญากับตัวเองว่าจะใช้เวลากับ Honda Civic Turbo ให้นานขึ้น เพื่อซึมซับอรรถรสให้เต็มที่ และเติมเต็มสิ่งที่ดูเหมือนจะขาดหายไปในครั้งก่อน ฉะนั้นเราจึงแทบจะใช้เวลาตลอดวัน ยันค่ำ ในทุกสภาพการจราจร ตั้งแต่รถราหนาแน่นในเมืองที่ฟังก์ชันมาตรฐานทุกอย่าง รวมถึงขนาดความกว้างของตัวถังคือ สิ่งที่สร้างความสบายให้เราไม่อึดอัด แม้ต้องเจอการจราจรติดขัดบนท้องถนนก็ตาม
และแน่นอนว่าเมื่อได้จังหวะท้องถนน และรถราเป็นใจ เราก็ไม่พลาดที่จะกดคันเร่งเต็ม ๆ เพื่อค้นหาความเร้าใจในย่านความเร็วสูง ด้วยการกดคันเร่ง Kick Down ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ให้เทอร์โบบูสต์ ตลอดจนการใช้โหมด S และปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ด้วยแป้น Paddle Shift ที่บนทางตรง ๆ โล่ง ๆ นั้นคงไม่สะใจเราเท่าไหร่
เว้นแต่เราจะเสียเวลาซักนิดเพื่อวิ่งออกไปนอกเมือง หาเส้นทางสายรองที่เต็มไปด้วยโค้งมากมาย หลากหลายองศา แถมรถราก็น้อยมากพอในเราเปิด Racing Line ได้อย่างเมามันส์
โดยเฉพาะจังหวะชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้ง แตะเบรกเล็กน้อยเพื่อถ่ายน้ำหนักให้กดไปด้านหน้า พร้อมกับลดเกียร์ลงอย่างเหมาะสมสร้าง Engine Brake ตามด้วยการกรอคันเร่ง หักพวงมาลัยไปตามองศาโค้ง ขณะที่เท้าขวาก็ค่อย ๆ เติมคันเร่งเล็กน้อยเพื่อลากรอบมารอ การกระแทกคันเร่งส่งออก ในทุกโค้งแล้ว โค้งเล่า
ส่งเสียงยางบดเบียนขณะเข้าโค้ง ดังบ้าง เบาบ้าง จนลืมตัวใช้เวลาไปหลายชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับเข้าเมืองด้วยถนนหนทางโล่ง ๆ ให้ลองใช้ความเร็วสูงในการเดินทางอีกครั้ง ก่อนส่งท้ายวันด้วยการขับขี่ในเมือง เพื่อตอกย้ำให้ชัดเจนในคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ใครได้ลองเป็นต้องติดใจ
Specification: Honda Civic Turbo
- Price: 1,104,000 BHT
- Engine: 1,498 CC / 4 Cylinder 16 Valve Turbo / 173 hp @ 5,500 rpm / 20 Nm @ 1,700 – 5,500 rpm
- Transmission: CVT / Front Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h (N/A) / Top Speed (N/A)
- Weight: 1,297 Kg.