Torque Scoop: ไฮไลท์ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 พร้อมปฏิวัติงานจัดแสดงรถยนต์ตามรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ (New Normal)
Torque Scoop: ไฮไลท์! งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41
หากคุณกำลังค้นหา Wallpaper รูปรถสวยๆเราขอแนะนำ Wallpaper รูปรถสวยๆ Download wallpaper ที่นี้ |
ไฮไลท์! งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เดินหน้าลุยงานใหญ่ จัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ภายใต้แนวคิด Inspiration Unlocks the Future (แรงบันดาลใจ ที่จะปลดทุกพันธนาการสู่ความสำเร็จ) พร้อมปฏิวัติงานจัดแสดงรถยนต์ตามรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ด้วยมาตรการคัดกรองผู้เข้าชมงานอย่างเคร่งครัดตามข้อกำหนดของรัฐบาล ตลอดจนเปิดประสบการณ์ใหม่ Virtual Motor Show จำลองบรรยากาศงานสู่โลกออนไลน์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการเลือกซื้อรถยนต์ จากหลากหลายค่ายที่เข้าร่วมงาน ซึ่งแต่ละค่ายจะมีไฮไลท์อะไรบ้าง … ตามไปดูกันได้เลย
เรียงตาม Timeline ลำดับเวลา คือ หน้าที่เปิดเกมส์ของค่าย BMW ซึ่งตรึงพื้นที่ด้วยเหล่าขุนแผนเยอรมันสุดหล่อ โดยยกพื้นที่ไฮไลท์ให้บูธให้กับ 2 รถอเนกประสงค์ SUV รุ่นล่าสุด อย่าง BMW X5 30d M Sport เวอร์ชั่นประกอบในไทย ที่มาพร้อมรูปลักษณ์เร้าใจด้วยชุดพาร์ท M Sport เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และออพชั่นครบครันตามแบบฉบับ BMW X5 ภายใต้ราคาที่ลดลงจากรุ่นนำเข้าราวๆ 1 ล้านบาท ด้วยค่าตัวเคาะเอาไว้ที่ 4,699,000 บาท
แต่หาก X5 ยังไม่โดนใจ บนพื้นที่เดียวกันก็ยังมีรถอเนกประสงค์สายเขียวพิกัดเล็ก ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกน่าสนใจ ด้วย BMW X3 30e M Sport ที่มากับการยกระดับขีดความสามารถด้านสมรรถนะใหม่แบบ Plug-in Hybrid จากการผสมผสานของขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 184 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 109 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบ 292 แรงม้า เปิดราคาน่าโดนเอาไว้ที่ 3,659,000 เท่านั้น
ปิดท้ายด้วยไฮไลท์อันทรงพลังของค่ายอย่าง BMW M8 Competition Coupe ตัวโหดระดับ 625 แรงม้า พร้อมแรงบิด 750 นิวตันเมตร จากขุมพลังเบนซินแบบ V8 พิกัด 4.4 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo กับค่าตัวสุดเร้าใจเคาะไว้ที่ราวๆ 18 ล้านบาท
ส่วนพื้นที่ติดกันซึ่งเป็นของแบรนด์ MINI มากับความสะดุดตาจากรุ่นพิเศษจำกัดจำนวนเพียง 30 คัน คือ MINI Hatch 3 ประตู Rosewood Edition ราคา 2,850,000 บาท ควงคู่มากับ MINI Hatch 5 ประตู Rosewood Edition ราคา 2,890,000 บาท ก่อนปิดท้ายด้วยเวอร์ชั่นเปิดประทุนอย่าง MINI Convertible Sidewalk Edition ราคา 3,060,000 บาท
ต่อเนื่องด้วยค่าย MG จากบริษัท เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย ตรึงพื้นที่ในบูธ ด้วยยนตกรรมโมเดลที่จำหน่ายในเมืองไทยหลากหลายรุ่นมาจัดแสดง พร้อมยกความโดดเด่นให้กับ MG ZS รุ่นปรับโฉมใหม่สู่โมเดลปี 2020 ตลอดจนเน้นโปรแกรมส่งเสริมการขายเป็นหลัก
เช่นเดียวกับ Ford ที่วางแนวรบด้วยยนตรกรรมยอดนิยมในท้องตลาดอย่าง Ford Ranger และ Ford Everest ที่มาพร้อมกับโปรแกรมส่งเสริมการขายสุดเร้าใจให้บรรดาสาวกเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
ตามมาด้วยค่าย Suzuki ที่บทบาทพระเอกเป็นของยนตรกรรม MPV 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุด Suzuki XL7 ในฐานะครอสโอเวอร์ SUV ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น การพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม HEARTECT และสมรรถนะที่มาจากเครื่องยนต์เบนซินรหัส K15B แบบ 4 สูบ พิกัด 1.5 ลิตร ที่มีเรี่ยวแรงสูงสุด 105 แรงม้า กับสนนราคาเร้าใจช่วงแนะนำ 779,000 บาท
ฝั่งแบรนด์ยนตรกรรมซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นที่สุดแห่งอัครสถานอย่าง Rolls-Royce ทำเซอร์ไพรส์ในงานด้วยการยกพื้นที่ให้ตัวหรูรุ่นพิเศษ ที่มากับค่าตัวแพงที่สุดในงานมาจัดแสดง นั่นคือ Rolls-Royce Phantom ใหม่ ค่าตัว 53,500,000 ล้านบาท ประกบด้วยอีก 2 รุ่นอย่าง Rolls-Royce Wraith และ Rolls-Royce Cullinan ซึ่งมาพร้อมโปรแกรมโดดเด่นไม่เหมือนใคร ก็คือ การสามารถสั่งตกแต่งพิเศษได้ภายใต้บริการ Bespoke Campaign
ย้ายมาชมกันต่อที่บูธของยนตรกรรมสายพันธ์อังกฤษแบรนด์ Aston Martin โดย แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ที่ส่งตรงยนตรกรรม SUV สไตล์ Cross Over สุดหรูแบบ 5 ที่นั่งรุ่นแรกของค่ายอย่าง Aston Martin DBX มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่งานนี้ ส่วนราคาจำหน่ายที่เคาะเอาไว้ คือ เริ่มต้นที่ 19.9 ล้านบาท พร้อมทั้งยังนำรถสปอร์ตหลากหลายรุ่นในสังกัดออกมาโชว์ตัวสวยๆ ให้ชมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Vantage, DB11 และ DBS Superleggera
ต่อด้วยแบรนด์ Maserati จาก มาเซราติ ประเทศไทย ที่วางไฮไลท์เป็นรถอเนกประสงค์ SUV อย่าง Levante แต่เพิ่มความน่าสนใจด้วยฐานะของเวอร์ชั่นพิเศษในชื่อรุ่น Levante Trofeo Launch Edition ที่จำหน่ายเพียง 1 คันในไทย จากจำนวนทั้งหมดที่มีเพียง 100 คันทั่วโลก ส่วนราคาก็เบาๆ ที่ 20,990,000 บาท พร้อม Premium Maintenance Program ขณะที่รุ่นอื่นๆ ในงานที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็ต้องยกให้ Maserati Gran Cabrio ที่มากับราคาเริ่มต้นราว 17,990,000 ล้านบาท
Peugeot แบรนด์สัญชาติฝรั่งเศส โดย บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล ประเทศไทย งานนี้ขนทัพรถอเนกประสงค์ขึ้นพื้นที่เป็นหลัก โดยมีจุดเด่นเป็น Peugeot 2008 รถอเนกประสงค์ มาโชว์ตัวยั่วๆ เร้าๆ ก่อนเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการ ขณะที่ Peugeot 3008 และ Peugeot 5008 ก็ยังเป็นอะไรที่น่าสน ด้วยโปรแกรมส่งเสริมการขายที่บอกเลยว่า สามารถทำเงินในกระเป๋าสั่นได้ง่ายๆ
แบรนด์ยนตรกรรมสัญชาติเกาหลีอย่าง Hyundai งานนี้ก็ไม่น้อยหน้าเรื่องโปรแกรมส่งเสริมการขาย ที่ยังคงทำให้โมเดลหลักๆ อย่างอนุกรม Hyundai H-1 ยังสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมไปถึงตัวหรูอย่าง Hyundai Grand Starex ด้วยเช่นกัน และที่ประมาทไม่ได้ก็คือ 2 พี่น้องรถพลังไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ทั้ง Hyundai Kona Electric และ Hyundai IONIQ Electric ที่ผู้เข้าชมงานได้ความสนใจ และน่าจะเป็นกระแสนิยมได้ในอีกไม่ช้านาน
ฝั่ง Nissan ปูพรมแดงให้ไฮไลต์อย่าง Nissan Kicks e-Power ยนตรกรรม Compact SUV ขึ้นแท่นเป็นพระเอก นำเสนอความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีระบบเคลื่อน e-Power รุ่นแรกในประเทศ ทั้งยังเพิ่มเติมความเร้าใจด้วยออพชั่นพิเศษกับชุดแต่ง Premiere Edition สำหรับ Nissan Kicks e-Power VL ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน ซึ่งความโดดเด่นของชุดแต่ง จะประกอบด้วย ชุดสเกิร์ตรอบคันสีดำเงา, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา, ล้ออัลลอยสีดำเงาดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว, คิ้วบันไดสแตนเลส, แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต และตราสัญลักษณ์ Premiere Edition ที่ติดตั้งมาให้ทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลาง ส่วนราคานี่นก็เร้าใจด้วยตัวเลขเริ่มต้นเพียง 1,099,000 บาท
แต่ถ้าใครที่มองหารุ่นอื่นๆ ทาง Nissan ก็จัดมาให้ทั้งตัวแรงระดับตำนานอย่าง Nissan GT-R, Nissan Almera, Nissan March, Nissan Leaf, Nissan Sylphy และ Nissan Teana หรือจะเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษก็มีให้เลือกเช่นกัน ทั้ง Nissan Note N-Sport และ Nissan Navara N-TREK Warrior
ค่าย Mazda เดินหน้าเต็มกำลัง เปิดตัวยนตรกรรม Cross Over รุ่นใหม่ New Mazda CX-3 ภายใต้แนวคิด “Leap Forward ให้ชีวิตไปอีกขั้น” นำเสนอความเร้าใจผ่านสมรรถนะของเครื่องยนต์ Skyactiv 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย และความสะดวกสบายเต็มคัน ภายใต้ราคาเพียง 768,000 – 1,048,000 บาท นอกจากนี้ภายในพื้นที่บูธยังอัดแน่นด้วยยนตรกรรมเทคโนโลยี Skyactiv หลากรุ่นให้ได้เป็นเจ้าของ เช่น All-New Mazda CX-30, New Mazda CX-5
และพี่ใหญ่สุดในรุ่นอย่าง All-New Mazda CX-8 ตลอดจนยนตรกรรมสปอร์ต All-New Mazda 3 ที่มีให้เลือกทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และ Fastback 5 ประตู จนถึงน้องเล็กอย่าง New Mazda 2 ตลอดจน Roadster เปิดประทุน ระดับตำนานอย่าง Mazda MX-5 และปิกอัพพรีเมี่ยมสไตล์เก๋งอย่าง Mazda BT-50 Pro Thunder ฉบับ Limited Edition
สำหรับ Honda มากับการปรับบูธใหม่สไตล์แนวคิด “Modern Minimal” รับกระแส New Normal และไฮไลต์สุดเซอร์ไพรส์อย่าง Honda CR-V ใหม่ ตอกย้ำเอกลักษณ์ความแข็งแกร่ง และพรีเมี่ยมแห่งยนตรกรรม SUV พร้อมขุมพลังแห่งการขับเคลื่อนที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ทั้งหมด 5 รุ่นย่อย สนนราคา 1,369,000 – 1,759,000 บาท
โดยนอกจากรุ่นไฮไลท์แล้ว ฮอนด้า ประเทศไทย ยังนำเสนอไฮไลท์เพิ่มเติม ที่จัดมาให้ตั้งแต่ Honda City Turbo ใหม่ และ Honda Civic สีใหม่ สีแดงอิกไนต์ ตลอดจนรุ่นอื่นๆ รวม 8 รุ่น กับโปรแกรมส่งเสริมการขายที่บอกเลยว่า “น่าสนใจมากๆ ”
Toyota และ Lexus มากับพื้นที่ขนาดใหญ่ แยกเป็น 2 แบรนด์ โดยมีโมเดลสำคัญของ Toyota เป็นยนตรกรรม Cross Over SUV รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Toyota Corolla Cross ที่เพิ่งเปิดตัวแบบ World Premier ในบ้านเราไปไม่นาน กับราคาที่เริ่มต้น 989,000 บาท ตามด้วยอีก 2 รุ่นทีเด็ดที่น่าสนใจไม่แพ้กันอย่าง Toyota Hilux Revo รุ่นปี 2020 ราคาเริ่มต้น 544,000 บาท และ Toyota Fortuner รุ่นปี 2020 ราคาเริ่มต้น 1,349,000 บาท
ขณะที่แบรนด์ Lexus นำเสนอยนตรกรรมเด่น Lexus LM ซึ่งแบงออกเป็น 2 รุ่นย่อย คือ Lexus LM300h Executive 7 ที่นั่ง ราคา 5,500,000 บาท และ Lexus LM300h Executive 4 ที่นั่ง ราคา 6,500,000 บาท พร้อมด้วยวางตำแหน่งรายล้อมไปด้วยรุ่นอื่นๆ ที่คุ้นเคย เช่น Lexus RX, Lexus NX, Lexus UX และ Lexus LS
แบรนด์ Audi กรีฑาทัพรถใหม่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ออกงานโชว์ตัวบนบูธแบบเต็มพื้นที่ นำทีม ด้วยยนตรกรรมสายพันธ์ุสปอร์ตตระกูล RS Model ถึง 3 รุ่น เช่น Audi TT RS Coupé ราคา 5,299,000 บาท, Audi RS Q8 Quattro ราคา 10,899,000 บาท และ Audi RS 4 Avant Quattro ราคา 5,899,000 บาท
ค่าย Mitsubishi นำทัพยนตรกรรมทุกรุ่นมาจัดแสดงภายใต้แนวคิด “The Masterpiece” ชูจุดเด่นข้อเสนอสุดพิเศษ ตลอดจนทุกรุ่นที่มากับเจ้าของรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี Car of the Year 2020 เช่น Mitsubishi Triton, Mitsubishi Pajero Sport, Mitsubishi Xpander, Mitsubishi Attrage ใหม่ และ Mitsubishi Mirage ใหม่ ประกบไฮไลท์บนเวที อย่าง Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition ใหม่ สไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม ที่มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ คือ รุ่น 2.4 GT-Premium 2WD Elite Edition ราคา 1,524,000 บาท และรุ่น 2.4 GT-Premium 4WD Elite Edition ราคา 1,629,000 บาท
ตามด้วย Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ สำหรับตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถอเนกประสงค์ที่ใช้งานในเมือง และสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายทุกเส้นทางด้วยความสูงใต้ท้องรถที่สูงถึง 225 มม. ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาพิเศษช่วงแนะนำ 899,000 บาท
ต่อเนื่องด้วยแบรนด์ Isuzu ที่ยังคงคุ้นเคยด้วย ปิกอัพยอดนิยม D-Max และรถอเนกประสงค์ MU-X ที่มากับเวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษสุดหล่อ เพื่อสร้างความน่าสนใจ โดยในงานนี้ได้หยิบเอา Isuzu D-Max V-Cross 4×4 สีพิเศษ Valencia Topaz มาอัพเกรดเป็นสไตล์ออฟ-โรด ควงคู่มากับ Isuzu D-Max Cab 4 S ที่แปลงโฉมสู่สายเรซซิ่ง ลงตัวกับ Isuzu D-Max 1.9 Ddi Blue Power ในรูปแบบ Safety Car ขณะที่รถอเนกประสงค์อย่าง MU-X นั้นมากับเวอร์ชั่นใหม่ The New ONYX ที่เสริมหล่อด้วยชุดแต่งใหม่รอบคัน The Absolute ONYX Edition
ค่ายโล่อัศวินแบรนด์ Porsche จาก ปอร์เช่ ประเทศไทย มากับการเปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ตไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ Porsche Taycan อย่างเป็นทางการในงานนี้ พร้อมตัวเลือก 3 รุ่นย่อยที่ประกอบด้วย Porsche Taycan 4S ราคาเริ่มต้น 7,100,000 บาท, Porsche Taycan Turbo ราคาเริ่มต้น 9,900,000 บาท และ Porsche Taycan Turbo S ราคาเริ่มต้น 11,700,000 บาท รายล้อมด้วยรุ่นอื่นๆ ซึ่งที่เหล่าสาวกเห็นแล้วต้องร้องว้าว
ซึ่งได้แก่ Porsche 911Carrera, Porsche 911 Carrera S, Porsche Macan, Porsche Cayenne E-Hybrid, Porsche 718 Boxster, Porsche 718 Boxster GTS และ Porsche Panamera 4 S ส่วนสนนราคา และโปรแกรมส่งเสริมการขายเราแนะนำว่าให้เข้าไปสอบถามดีกว่า
ข้ามมาที่อีก 2 แบรนด์ยนตรกรรมสัญชาติอังกฤษอย่าง Jaguar และ Land Rover ที่งานนี้ส่งตัวเด็ดขึ้นประจำการ คือ รุ่นพิเศษ Jaguar I-Pace ที่ออกแบบลวดลายโดย Pomme Chan : ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง หนึ่งในศิลปินที่ผลิตผลงานศิลปะร่วมสมัยของไทย
ขณะที่ค่าย Land Rover ส่งตรงรถอเนกประสงค์ All-New Land Rover Defender เจเนอเรชันล่าสุด เข้ามาจัดจำหน่าย โดยยังคงนำเสนอ “สไตล์” ดั้งเดิมของความเป็น Defender ที่ลงตัวกับเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย ภายใต้ตัวเลือกด้านสมรรถนะ 2 รุ่น
เริ่มต้นด้วย เครื่องยนต์เบนซิน P300 แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จแบบ twin-scroll และเครื่องยนต์เบนซิน P400 แบบ 6 สูบ เทอร์โบชาร์จแบบ twin-scroll พ่วงซูเปอร์ชาร์จเจอร์ไฟฟ้า ตามด้วยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล D200 แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ และเครื่องยนต์ดีเซล D240 แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ ส่วนราคาจำหน่าย Defender 90 นั้นเริ่มต้นที่ 5,400,000 บาท ตามด้วย Defender 110 เริ่มต้นที่ 5,800,000 บาท
สายหรูสัญชาติสวีเดนแบรนด์ Volvo ปีนี้หนักรุกหนักในการทำตลาดรถมลพิษต่ำประเภท Plug-In มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สังเกตจากบรรดาขุนพลแดนไวกิ้งแต่ละรุ่นที่นำมาจัดแสดง เช่น ไฮไลท์อย่าง Volvo XC60 T8 AWD Polestar Engineered เครื่องยนต์ Plug-In T8 Twin Engine รวมไปถึงอีกหลากหลายรุ่นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของโปรโมชั่นสำหรับ Volvo XC, Volvo Sedan และ Volvo Estate Hatchback
ค่ายดาวลูกไก่ Subaru ตรึงพื้นที่ด้วยรถ 4 รุ่น ประกอบด้วย Subaru BRZ, WRX, XV และ Forester ที่มีจุดเด่นตรงแคมเปญสุดยั่วใจ และชุดแต่ง GT Edition สำหรับ Subaru Forester ที่มอเตอร์ อิมเมจ ผลิตร่วมกับบริษัทวิศวกรรม Giken Co. Ltd และ มาซาฮิโกะ โคบายาชิ (Masahiko ‘Jack’ Kobayashi) ได้ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าเอเชียโดยเฉพาะ ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า, สเกิร์ตข้างซ้าย/ขวา, สเกิร์ตหลัง, สปอยเลอร์หลังคา และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ซึ่งทั้งหมดสามารถติดตั้งได้กับ Subaru Forester 2.0i-S EyeSight ทุกสี ในราคาจำหน่ายเพียง 100,000 บาท
KIA โดย ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ ยังคงมีพระเอกหลักเป็น KIA Grand Carnival พร้อมข้อเสนอแคมเปญยั่ว และแอบเสริมความน่าสนใจด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ KIA Soul EV ที่มากับข้อเสนอพิเศษ
ก่อนปิดท้ายด้วยค่ายกระทิงเปลี่ยว Lamborghini จาก เรนาสโซ มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่าย Lamborghini ในประเทศไทย ที่ขนรถมาจัดแสดง 4 รุ่น ประกอบด้วย Lamborghini Huracán EVO RWD Spyder ราคาเริ่มต้น 21,800,000 บาท, Lamborghini Aventador SVJ Roadster ราคาเริ่มต้น 48,980,000 บาท, Lamborghini Huracán EVO ที่ไม่ระบุราคา เช่นเดียวกับ Lamborghini Urus รถ SUV สมรรถนะสูง ที่หากใครสนใจก็ลองไปเลียบๆ เคียงๆ คุยดูน่าจะดี
ส่วนในโซนมอเตอร์ไซค์ยังคงมากันอย่างมากมายในงานนี้ เริ่มกันที่ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 118 ปี เตรียมเผยโฉมรถไทรอัมพ์ รุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ได้แก่ Bonneville Bobber TFC และ 2 รุ่น สเปเชี่ยล อิดิชัน ได้แก่ Bonneville T120 BUD EKINS และ Bonneville T100 BUD EKINS ให้สัมผัสใกล้ชิดครั้งแรกในเมืองไทย พร้อมยกทัพมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ทุกไลน์ทุกรุ่นมาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ Triumph ยังประกาศปรับลดราคารถมอเตอร์ไซค์ตระกูลโมเดิร์นคลาสสิกทั้งหมด 16 รุ่น
“VESPA LIVE FEST” แคมเปญพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบของโมเดลสุดฮิตจากเวสป้ารุ่น “แอลเอ๊กซ์ (LX)” หนึ่งใน เวสป้ารุ่นยอดนิยมที่ครองใจเหล่าบรรดาแฟนๆ มายาวนาน และในปี 2563 นี้ สกู๊ตเตอร์คันนี้ ได้เดินมาถึงปีที่ 10 เพื่อเป็นการฉลองการครบรอบของสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ เวสป้าได้เตรียมเซอร์ไพรส์ ด้วยโมเดลพิเศษ “Vespa LX 10thAnni”
วรูม ไทยแลนด์” (Vroom Thailand) ทำการเปิดตัวรถจักรยานยนต์อีก 3 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่างเป็นทางการคือแบรนด์ KTM (เคทีเอ็ม) แบรนด์ Husqvarna (ฮัสกวานา) และแบรนด์ BAJAJ (บาจาจ) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มผู้หลงไหล และชื่นชอบรถจักรยานยนต์ในกลุ่มรถสปอร์ต และกลุ่มรถแอดเวนเจอร์ให้ได้อย่างครอบคลุม
ดูคาติ ไทยแลนด์ เปิดตัวบิ๊กไบค์ระดับพรีเมียมที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เผยโฉม 2 รุ่นใหม่ ทั้ง New Panigale V4 (พานิกาเล่ วีโฟร์ ใหม่ เวอร์ชั่นปี 2020) และ Scrambler 1100 Pro (สแครมเบลอร์ หนึ่งพันหนึ่งร้อย โปร) พร้อมเผยสีใหม่ Diavel 1260 S ที่แฟนรถค่ายนี้ไม่ควรพลาด
ปิดท้ายด้วยผู้นำโซนอุปกรณ์กับบริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์ บ้านและอาคารลามิน่า ฟิล์มกลุ่มพิเศษลูมาร์ ผลิตโดยซีพีฟิล์ม อิงค์ มาตรฐานไอเอสโอ 9001 ในเครือบริษัท อีสต์แมน เคมิคัล จากสหรัฐอเมริกา และอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระธูเล่ จากประเทศสวีเดน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เคลือบปกป้องรถยนต์ เรือ อากาศยาน ไทรบอส จากประเทศอังกฤษ และฟิล์มนิรภัยติดกระจกด้านนอกรถคุณภาพสูง เบรย์ จากสหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
ทางบริษัทฯ ได้มีการปรับตัวเพื่อรับมือกับนิว นอร์มอล ทั้งเรื่องการเตรียมความพร้อมการให้บริการ และผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป มีการปรับการให้บริการ Lamina Digital to New Normal การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสื่อการขายแบบอี-โบรชัวร์ การให้บริการอี-เพย์เมนต์ ที่ลูกค้าสามารถจ่ายเงินด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด การให้บริการจองติดตั้งฟิล์มผ่านทางระบบออนไลน์แบบอี-รีเซิร์ฟ รวมถึงการจัดกทำอี-โปรโมชั่น เพื่อนำเสนอสิทธิพิเศษให้ลูกค้าถึงบ้านโดยตรง เพื่อความสบายใจของลูกค้าอีกทางหนึ่ง