รีวิว ทดสอบ: ลองใช้ CARDINAL TUXEDO ฟิล์มเซรามิก เกรดพรีเมียม สบายตาทั้งกลางวัน และกลางคืน ของดีของรถ 90’S อย่าง Nissan Silvia S14 คันนี้
รีวิว ทดสอบ: ลองใช้ CARDINAL TUXEDO ฟิล์มเซรามิกของดีของรถ 90’S
CARDINAL TUXEDO
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นอีกปีที่ แดดจากพระอาทิตย์ รุนแรง จนน่าตกใจ ทำให้การเดินทางในช่วงกลางวันไม่น่าภิรมย์นัก ยิ่งถ้าพูดถึงรถรุ่นเก่าๆ อย่างรถในยุค 90’S ที่ระบบแอร์อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับระบบแอร์ในรถรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้นัก นอกจากจะต้องมากังวลกับระบบเครื่องยนต์ที่มีอายุหลายสิบปีแล้ว ถ้าขับรถไปแอร์ยังไม่เย็นอีกคงจะไม่ไหวอย่างแน่นอน
ฉะนั้นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้แอร์ในรถดีขึ้นได้อย่างง่ายๆ ก็คือการเลือกติดฟิล์มติดรถยนต์ที่ดี ต้องมีคุณสมบัติในการกรองแสง กัน UV เมื่อมองจากภายนอกเข้ามาในรถ จะต้องดำสนิท มีความเป็นส่วนตัว และเมื่อมองจากภายในออกไปด้านนอก ต้องเห็นภาพที่คมชัด ไม่มืด ไม่มัว ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยในการช่วยทำให้แอร์ในรถเย็นขึ้นได้อย่างแน่นอน ถ้าแอร์มีคุณสมบัติที่ดีพอนั่นเอง
ซึ่งในครั้งนี้เราได้นำรถของแอดมิน Nissan Silvia S14 ไปติดฟิล์มกับทาง CARDINAL ซึ่งเป็นฟิลม์เซรามิก ในรุ่น CARDINAL TUXEDO เป็นฟิล์มเซรามิกที่เปิดตลาดเซรามิกเป็นรุ่นแรกๆ โดยพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ฟิล์มกันร้อนที่มีความคมชัด สีดำสวยงาม มีความเป็นส่วนตัว และทาง CARDINAL ก็ได้ดำเนินงานมามากกว่า 10 ปี ในการทำตลาดของ CARDINAL TUXEDO ที่ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
โดยในครั้งนี้เราเดินทางไปที่สำนักงานใหญ่แถวรามอินทรา ซึ่งการเดินทางค่อนข้างสะดวก เพราะตัวร้านอยู่ติดถนนรามอินทราทำให้การเดินทางไม่วุ่นวายนัก ซึ่งทางผมเลือกระดับความเข้มของฟิล์มคือ ครึ่งคันหน้า 60 เปอร์เซ็นต์ ครึ่งคันหลัง 80 เปอร์เซ็นต์ ฟิล์มเซรามิกดำเกรด A ที่พัฒนาจากประเทศสหรัฐอเมริกาโดย Plastic View International Inc. ใช้เทคโนโลยีฟิล์มเดียวกันกับม่านฟิล์มที่ใช้ตามหอบังคับการบินซึ่งจะมีความทนทานและคมชัดเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับฟิล์มทั่วไป
โดยฟิลม์เซรามิกลิขสิทธิ์เฉพาะของ CARDINAL มีคุณสมบัติพิเศษตัดแสงที่ช่วยให้สีกระจกดำสนิทโดยยังมีความคมชัด ดูสว่างจากด้านใน มีประสิทธิภาพกันร้อนสูงถึง 66% และกัน IR 76% มีความทนทานเป็นพิเศษ ไม่เสื่อม ไม่ซีดนานถึง 15 ปี นอกจากนี้ CARDINAL TUXEDO ยังเป็นฟิล์มกึ่งนิรภัยหนาถึง 50 micron มากกว่าฟิล์มทั่วไป 2 เท่า
โดยสามารถช่วยยึดติดกระจกไม่ให้แตกกระจายในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันยาวนานถึง 15 ปี ถ้าเสื่อมสภาพ ซีด หลุดร่อน แตกร้าว มีฟองอากาศ เค้าเคลมให้ฟรี แถมยังไม่กวนสัญญาณ GPS หรือ EASY PASS นับเป็นอีกความมั่นใจที่ทาง CARDINAL มีให้แก่ผู้ซื้อฟิลม์อีกด้วย
โดย Nissan Silvia S14 คันนี้ถือว่าเป็นรถ 90’s อีกรุ่นที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศไม่น้อย ซึ่งโดย Silvia ในยุค 90’s ได้รับความนิยมเริ่มมาตั้งแต่ในรุ่น s13 และก็มาถึง รุ่น S14 ซึ่งได้มีการแบ่งออกเป็นสองโฉมคือรุ่นหน้าหมูและหน้าเหยี่ยว และในรุ่นสุดท้ายในสายการผลิตของตระกูล S-Chassis อย่าง S15 ซึ่งแม้จะเป็นที่นิยมในไทยมาก แต่ถ้านับจากทั่วโลกแล้ว ถือว่าไม่ได้เปรี้ยงป้างมากนักในเรื่องของยอดขายรวมจากทั่วโลก ทำให้ S15 จึงเป็นรุ่นสุดท้ายในสายการผลิตของตระกูลซิลเวีย
แต่ถึงกระนั้นในบ้านเรากระแสรถ 90’s กลับมาทำให้รถสปอร์ตในยุคนั้นมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ในบ้างรุ่นโอเวอร์ไปถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อ 5 ปีก่อนรถบ้างรุ่นอยู่ที่ราคา 1 ล้านบาท แต่ตอนนี้บางคันซื้อขายกันถึง 10 ล้านตามสภาพและความพึ่งพอใจของผู้ซื้อ
กลับมาต่อกับ Nissan Silvia S14 ของเรา โดยรถคันนี้ได้รับการตกแต่งรูปโฉมด้วยชุดแต่งจากสำนัก Rocket Bunny จากญี่ปุ่น ในรุ่นที่เรียกว่า Boss V.2 ซึ่งทำให้ตัวรถมีหน้าตาไปเหมือนกับรถอเมริกา โดนเด่นด้วยโปร่งล้อขนาดใหญ่ทั้งในด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมมุดเย็บหลอกเพิ่มความดุดันในกับตัวรถมากยิ่งขึ้น
ในส่วนครึ่งหน้าตั้งแต่กันชนถึงแก้มหน้าและฝากระโปรงเป็นไฟเบอร์ทั้งหมด รวมไปปถึงซุ้มโปร่งล้อหลังด้วย จากเดิมรถคันนี้เป็นสีขาวได้ถูกเนรมิตเป็นสีเทารุ่นใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก BMW Series7 รุ่นใหม่ที่จะเป็นเทาแบบอมมุกแดงเวลาโดนแดด ด้วยชุดแต่งนี้ทำให้ตัวรถมีความกว้างมากกว่าปรกติ ทำให้ต้องใช้ล้อที่มีออฟลึกพิเศษ
โดยเราเลือกใช้ล้อของ W.WORK รุ่น Meister L1 3ชิ้น สีพิเศษ ขอบ 19 นิ้ว โดยในคู่หน้ากว้าง 10.5 ออฟ-23 และในคู่หลังกว้าง 11.5 นิ้ว ออฟ-51 ซึ่งพอดีกับชุดแต่งของ Rocket Bunny ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยเบรกขนาดใหญ่เพื่อสยบแรงม้าจาก Greddy ขนาด 6 pot ในคู่หน้า และ 4 pot ในด้านหลัง ซึ่งเต็มล้อดูสวยงาม
ในส่วนของขุมพลังเดิมติดกับรถมาเป็นอีกเครื่องยอดฮิตยุค 90’s กับ SR20 เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรซึ่งจะมีทั้งในรุ่นหลังเรียบและหลังหัก และมีทั้งในรุ่นมีเทอร์โบและไม่มีเทอร์โบ ซึ่งแตกต่างในเรื่องของแรงม้า และชิ้นส่วนภายในพอสมควร โดยใน S14 จะเป็นเครื่องรุ่นหลังหักที่มีระบบสำหรับกลไกในฝาสูบที่ทาง Nissan ได้ทำการเพิ่มระบบ NVCS ซึ่งเป็นระบบแปรผันองศาแคมมาให้
เพื่อช่วยให้แรงบิดเครื่องยนต์มีความต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูงมาให้และเทอร์โบแบบบอลแบริ่งที่ตอบสองได้ดีว่าในรุ่นหลังเรียบ ซึ่งได้แรงม้าอยู่ที่ 220 แรงม้า ซึ่งก็อาจจะดูน้อยไปนิดไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จึงได้มีการโมดิฟายเพิ่มเติมด้วยคอไอดีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยระบบรางหัวฉีดสไลด์ที่รองรับกับหัวฉีดขนาดใหญ่ 1,000 ซีซีจาก BOSCH 4 หัว
ส่วนเทอร์โบได้มีการเปลี่ยนเฮดเดอร์ไอเสียจาก Greddy ตรงรุ่นพร้อมด้วยเทอร์โบจาก KINUGAWA ขนาดเทียบเท่า TD06 20g ลดอุณหภูมิความร้อนของอากาศก่อนเข้าห้องเครื่องด้วยอินเตอร์จาก HPI นอกจากนี้เครื่อง SR20 จะมีจุดอ่อนอยู่ที่อ่างน้ำมันเครื่องอยู่ใกล้ฝักบัวดูดน้ำมันเครื่อง เวลารถกระแทกทำให้น้ำมันเครื่องไม่ถูกดูดขึ้นไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
เราจึงเปลี่ยนอ่างน้ำมันเครื่องเป็นของ ARC ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและทนทานมากขึ้น ส่วนระบบส่งกำลังเดิมรถคันนี้เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดแต่ด้วยอายุเจ้าของรถที่มากขึ้นต้องการความสบายในการขับขี่ เพราะกลัวข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร จึงได้เปลี่ยนเป็นเกียร์ออโต้แทน
ซึ่งระบบสมองกลเดิมของรถคันนี้ได้ถูกยกออกเปลี่ยนมาใช้กล่องสมองของ HKS F-con V pro 3.3 ควบคุมแทนทั้งระบบเพื่อเรียกพละกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทำให้แรงม้าอยู่ที่ 300 แรงม้า กับบูสต์ 0.8 บาร์ เพราะเกียร์ไม่สามารถรองรับแรงม้าได้มากกว่านี้
ในส่วนช่วงล่างเราได้แต่งแบบเต็มระบบกับชุดปีกนกหน้าหลัง และส่วนต่างๆ เป็นของแต่งแบบ ball joint ของสำนัก IKEYA FORMULA อีกสำนักดังช่วงล่างยุค 90’s พร้อมเปลี่ยนกันโคลงหน้าหลังมาเป็นของสำนัก NISMO ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเยอะทีเดียว ในส่วนของช่วงล่างเป็นชุดโช๊คของ Tein แบบปรับสไตล์กระบอกได้ และปรับตั้งแข็งอ่อนได้ แต่ได้มีการเปลี่ยนสปริงออกเป็นระบบถุงลมจาก Accuair จาก USA แทน ซึ่งทำให้หมดปัญหาการยกสูงต่ำของตัวรถ แถมยังทำให้ตัวรถดูสวยงามมากขึ้นเวลาจอดนิ่ง
หลังจากเกริ่นถึง S14 ไปพอสมควร เราก็ได้มีโอกาสมาลองขับใช้จริงเสียที เบื้องต้นงานติดฟิลม์ออกมาเนียนมากดูพิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่ติดตั้ง จนไปถึงการทำความสะอาดพื้นผิว นอกจากนี้ก่อนออกมายังมีทีมงานมาให้ความรู้ว่าสิ่งที่ควรต้องปฎิบัติหลังติดฟิลม์ให้เจ้าของรถทราบอีกด้วย ซึ่งมีหลักปฎิบัติดังนี้
- ห้ามเปิด-ปิดกระจกขึ้นลงเป็นเวลา 7 วัน
- ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกเป็นเวลา 30 วัน
- ห้ามใช้สารเคมีที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียมาเช็ดกระจก
- ห้ามใช้ผ้าหยาบเช็ดกระจกรถยนต์
หลังจากกลับมาประจำการณ์อยู่หลังพวงมาลัยสิ่งที่รู้สึกได้คือความสบายตา โดยที่ภายในห้องโดยสารยังคงสว่างอยู่ โดยแดดช่วงเดือนนี้ต้องบอกเลยว่าโหดมากจริงๆ ในระดับทำลายล้าง ท่ามกลางสภาพอากาศภายนอกที่ร้อนอบอ้าว 38˚ ในช่วงบ่ายโมงนี่ ทำให้ไม่จำเป็นแทบไม่มีใครอยากออกไปไหน ในการขับขี่จริงสิ่งที่เรารู้สึกคือภายในรถ แอร์ยังเย็นอยู่
ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าแอร์ในรถรุ่นเก่ามักจะไม่ค่อยเย็น แต่ในรถคันนี้ผมถือว่าเย็นสบายทีเดียว แถมเมื่อมองจากภายนอกจะดำสนิท เพราะฟิล์มเซรามิก CARDINAL TUXEDO จะดูดแสง ไม่สะท้อน ขับแล้วสบายตา และยังทำให้ภายในสว่าง คมชัดยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการปกป้องภายในห้องโดยสารของท่านให้ทนอยู่ไปได้นานยิ่งขึ้นไม่เสียหายก่อนเวลาอันสมควร เพราะรถยุคเก่าๆ อะไหล่บ้างชิ้นก็หาได้ไม่ง่ายแล้ว
ซึ่งอาจจะมีหลายท่านอาจจะสับสนเกี่ยวกับชื่อเสียงของทาง CARDINAL คือทางบริษัทฯ ได้นำฟิลม์จากอเมริกามาทำแบรนด์ในไทยเอง ซึ่งหลายท่านอาจจะหาข้อมูลในต่างประเทศไม่เจอ แต่รับรองได้ว่าแตกต่างจากฟิลม์ทั่วๆ ไปในท้องตลาดอย่างแน่นอน และฟิล์มเซรามิกที่ทาง CARDINAL เลือกใช้ก็มีความทนทานสูง เกรดอากาศยานพัฒนาจากประเทศสหรัฐอเมริกา
โดย Plastic View International Inc. ใช้เทคโนโลยีฟิล์มเดียวกันกับม่านฟิล์มที่ใช้ตามหอบังคับการบินซึ่งจะมีความทนทาน และคมชัดเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับฟิล์มทั่วไป ซึ่งจากเสียงผู้ใช้จริง ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั่นขอบอกว่าจริงอย่างแน่นอน แม้ราคาอาจจะสูงไปนิดเมื่อเทียบกับฟิลม์ที่มีอยู่ท้องตลาดต่างๆ ที่มีจำหน่ายในราคาถูกๆ แต่ CARDINAL ก็คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ท่านจะต้องจ่าย โดยเฉพาะกับรถที่ท่านรัก…คุ้มกว่าแน่นอน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- Line @cardinalfilm https://lin.ee/fTBngOx
- Messenger https://m.me/cardinalfilmthailand
- Website:www.cardinalfilm.com
- ดูศูนย์ติดตั้งทั่วประเทศได้ที่ http://www.cardinalfilm.com/place