TorqueThailand.com
รีวิว ทดสอบ Nissan Navara PRO4X ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ มาพร้อมเทคโนโลยีนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี เต็มรูปแบบ
รีวิว ทดสอบ Nissan Navara PRO4X ที่นุ่มนวลขึ้น…อัดเทคโนโลยีมาท้าชนคู่แข่ง
Nissan Navara PRO4X
หลังจากทางนิสสัน เปิดตัว Nissan Navara โฉมใหม่ในประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก ที่มีหน้าตาดุดันขึ้นเป็นกอง กับดีไซน์ใหม่ที่ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ และติดตั้งระบบนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะเต็มรูปแบบ โดยทางนิสสันเนรมิตพื้นที่ว่างริมแม่น้ำให้เป็นสนามทดสอบออฟโรดหลากหลายรูปแบบเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของ Nissan Navara ใหม่
รูปโฉมภายนอกมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “Unbreakable Design” ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดุดัน กระจังหน้าใหม่แบบ Interlock, ซุ้มล้อขนาดใหญ่เพิ่มความโดดเด่น ระบบไฟหน้าแบบ QUAD – LED คุณภาพสูง 4 ดวงพร้อม Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED แบบเส้นเดียวที่ทันสมัย ซึ่งในครั้งนี้ทางนิสสันทำการบ้านมาอย่างดี ที่ออกแบบหน้าตาให้โดนใจผู้ซื้อชาวไทยมากยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสารมีการตัดเสียงรบกวนภายนอกด้วยการใช้กระจกแบบ Noise-reducing acoustic glass และกระจกตอนหลังกรองแสงสีชาเพื่อความสบายตา เพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งภายในด้วยหนังแท้รอบห้องโดยสารโทนสีดำ เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ที่นั่งด้านหลังเพิ่มความสบายด้วยดีไซน์ใหม่นุ่มสบาย (Comfort rear seating cushions) มีที่พักแขนและที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง รวมถึงพอร์ต USB Type C บริเวณคอนโซลกลาง
มาพร้อมเทคโนโลยีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน สามารถทำได้ผ่าน NissanConnect ที่เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อใช้งานในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ ระบบนำทาง Navigation system หรือ แอปพลิเคชันฟังเพลงต่าง ๆ ผ่านหน้าจอเครื่องเสียงรถยนต์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
พร้อมด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียงหรือ Voice Recognition แม้โดยรวมจะมีหน้าตาเปลี่ยนไปไม่มากนัก แต่การเพิ่มออปชันต่างๆ เข้ามา ก็ช่วยให้ผู้ซื้อได้รับความสะดวกสบายและที่สำคัญคือความคุ้มค่าที่มากยิ่งขึ้น
ขุมพลังของ Nissan Navara มีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 แบบได้แก่
- เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ ทวินเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร (Nm)
- เครื่องยนต์ YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ VGS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร (Nm)
- เครื่องยนต์ YD25DDTTi ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันแบบ VGS ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร (Nm)
นอกจากนี้ ยังคงความสมบูรณ์แบบที่สามารถลุยได้ทุกที่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเทคโนโลยีที่เสริมความมั่นใจในทุกสภาวะของเส้นทาง อาทิ ระบบป้องกันการลื่นไถล (Brake Limited Slip Differential: B-LSD) และระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า (Electronic Rear Locking Differential) รวมถึงเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) ที่เสริมฟังก์ชัน Off-Road Meter เมื่ออยู่ในโหมด 4L
พร้อมเพิ่มรุ่นพิเศษกับ Nissan Navara PRO4X และ Nissan Navara PRO2X ที่มาพร้อมกับโป่งล้อที่ใหญ่ขึ้นกับการเล่นสีดำให้ดูดุดันมากขึ้น พร้อมด้วยล้อขอบ 17 นิ้วสีดำ พร้อมยางแบบ All Terrain Nissan Navara ใหม่ PRO Series มาพร้อมสีพิเศษ สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) เสริมด้วยชุดแต่งแอคเซนท์สีส้ม-แดง ภายในห้องโดยสาร และเบาะนั่งสีดำดีไซน์สปอร์ต พร้อมโลโก้ PRO4X
การขับทดสอบเราใช้รุ่นท็อปสุดอย่างเจ้ารถกระบะ Nissan Navara PRO-4X ในการตะลุยออฟโรดครั้งนี้ ซึ่งมีการจำลองสถานีออฟโรดด้วยกันถึง 6 สถานี
สถานีแรก Lateral Inclination กับการขับผ่านเนินเอียงด้านข้าง โดยในสถานีนี้เราขับขี่ Nissan Navara PRO-4X ที่โหมดระบบขับเคลื่อนตำแหน่ง 4L เพื่อการขับผ่านอุปสรรค การใช้งานโหมดขับเคลื่อน 4L ก็เพียงการหมุนสวิทซ์ มีเสียงสัญญาณแจ้ง และหน้าจอระบบขับเคลื่อนติดค้างพร้อมใช้งานทันที แต่ทุกครั้งก่อนที่เราจะปรับระบบเกียร์ 4L หรือกลับมา 4H เราต้องจอดรถให้สนิทและเข้าเกียร์ N เสมอ
การขับขี่ผ่านเนินเอียงข้างเดียวนี้ผ่านไปได้ง่าย เครื่องยนต์มีพละกำลังในการตะกรุยขึ้น แม้ล้อจะเหลืออยู่บนพื้นเพียงสามล้อก็ตาม ระบบกระจายแรงขับเคลื่อนมายังล้อที่ไม่ฟรี ช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้ง่าย ตัวรถมีความลาดเอียงกว่า 40 องศา ถือว่าสูงมากที่เดียวที่จะเสี่ยงต่อการคว่ำหงายท้อง ถ้าหลงพวงมาลัย
และด้วยกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ที่เมื่อขับด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. ตัวกล้องจะแสดงผลบนหน้าจอแบบอัตโนมัติ ออปชันนี้เองที่ช่วยทำให้เราสามารถมองเห็นพื้นถนนอุปสรรคด้านหน้าได้อย่างชัดเจน
สถานีที่ 2 สถานี Wading Capacity การขับลุยน้ำที่ท่วมขังระดับความลึกประมาณ 70 ซม. Nissan Navara PRO-4X ทำได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกังวล ทั้งนี้ก่อนที่เราจะขับลงไปในที่มีน้ำขังสูง เน้นย้ำว่าไม่ควรขับกระโจนลงไปด้วยความเร็ว เราต้องใช้ความเร็วต่ำ ไปอย่างช้าๆ และควรปิดระบบปรับอากาศหรือ AC เพื่อไม่ให้พัดลมแอร์หน้าเครื่องทำงาน เพื่อกันใบพัดตีน้ำกระเด็นเข้าไปทำความเสียหายระบบไฟในเครื่องยนต์
สถานีที่ 3 สถานี Weight Distribution สถานีที่ให้เราขับผ่านเนินจำลองในแบบการขับขึ้นแบบเอียงด้านข้าง เพื่อจับความรู้สึกอาการช่วงล่างของรถและระบบขับเคลื่อนในแต่ละล้อของรถ ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ทำให้เราทราบว่าพวงมาลัยของ Nissan Navara ให้น้ำหนักที่เบาในการใช้งานแม้ผู้หญิงก็สามารถหมุนได้ง่ายอย่างแน่นอน
สถานีที่ 4 สถานี Suspension Test เป็นการขับรูดบนพื้นผิวขุรขระ ซึ่งสถานีนี้จะเป็นหินก้อนๆ เต็มพื้นที่ การโดยให้ใช้ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในการแล่นผ่าน ความรู้สึกที่สัมผัสได้ก็คือ Nissan NavaraPRO-4X ใหม่ ทำออกมาได้ดีขึ้นกว่าในรุ่นก่อนค่อนข้างมาก ให้ฟิลลิ่งที่นุ่มนวลกว่าที่คิด การสั่นสะเทือนและความกระด้าง ที่คาดว่าจะเจอก็น้อยมาก รถรูดไปอย่างนิ่งไม่มีอาการสะท้านขึ้นหลังหรือพวงมาลัยให้ตกใจอย่างที่คิดว่าจะเป็น ถือว่าทำการบ้านมาดีมากกับการปรับเปลี่ยนในรอบนี้
สถานีที่ 5 สถานี Torque Test กับการไต่เนินชันจำลองที่มีความชันถึง 2 ระดับ ที่มีความชันกว่า 40 องศา ซึ่งถือเป็นอีกสถานีวัดใจ เพราะตัวรถเมื่อไต่ขึ้นไปเราจะไม่เห็นสองข้างของเรา และจะมองเห็นแต่ท้องฟ้า โดยในการขึ้นเนินเราใช้ระบบ 4Lo ซึ่งระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)
ที่เมื่อขับด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. ก็จะแสดงผลโดยอัตโนมัติ ผ่านหน้าจอตรงกลางซึ่งทำให้เราเห็นระยะห่างรอบคันได้ ช่วยทำให้อุ่นใจขึ้นไปอีกเยอะ เราใช้รอบเพียงแค่ 1,500 รอบต่อนาทีนิ่งๆ ตัวรถก็ไต่ขึ้นไปอย่างไม่ยากเย็น และผ่านลงมาได้อย่างปลอดภัย
สถานีที่ 6 สถานี Angle Test ที่เป็นการจำลองพื้นที่บ่อลึก เพื่อให้เราได้ทดสอบมุมปะทะของรถว่ามีความสามารถในการผ่านมุมเอียงของพื้นผิวได้ขนาดไหนซึ่งในบ่อจะมีน้ำอยู่ ทำให้เราสามารถใช้ความเร็วลงมาได้พอสมควรแม้บ่อจะล้ำกว่า 3 เมตรก็ตาม โดยที่หน้ารถไม่กระแทกกับพื้นบ่อ
นับเป็นความท้าทายใหม่ของนิสสันสำหรับการเข้ามาท้าสู้กับเจ้าตลาด ซึ่งตลาดกระบะในบ้านเราถือว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูงมาก ในครั้งนี้นิสสันได้ทำการบ้านมาดี ทั้งในเรื่องของหน้าตาและเทคโนโลยีที่เอามาท้าชนกับคู่แข่งได้อย่างสมศักดิ์ศรี ราคาก็ถือว่ามีความคุ้มค่า คงต้องจับตาดูว่าการมาครั้งนี้ของ Nissan Navara จะสามารถมาดึงยอดขายตลาดรถกระบะได้มากขนาดไหน
สำหรับ Nissan Navara 2021 มีกำหนดส่งมอบรถในช่วงเดือนธันวาคม 2563 สนนราคาสำหรับรุ่น King Cab เริ่มต้นที่ 599,000 บาท ขณะที่ Double Cab เริ่มต้นที่ 849,000 บาท และในรุ่น Nissan Navara PRO-2X 2WD 7AT เปิดราคาขายที่ 999,000 บาท ส่วน Nissan Navara PRO-4X 4WD 7AT ราคา 1,149,000 บาท สามารถสอบถามได้ที่โชว์รูมใกล้บ้านท่าน
