รีวิวทดสอบรถ MG3 ใหม่ ยนตกรรมภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC

รีวิวทดสอบรถ MG3 ใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ สมรรถนะการขับขี่ การควบคุมที่สมบูรณ์แบบ ดีไซน์สปอร์ต รวมทั้งระบบความปลอดภัยที่จัดเต็ม

รีวิวทดสอบรถ MG3 ใหม่ ยนตกรรมภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC

หลังจากเปิดตัวได้พักใหญ่ ทางบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็เชิญสื่อมวลชนมาร่วมสัมผัสรถ MG3ใหม่ ไม่ใกล้ไม่ไกลที่หัวหินเพื่อให้ลองสมรรถนะในการขับขี่บนถนนเมืองไทยที่ชื่อว่ามีทุกอรรถรสในการขับขี่ในตลอดเส้นทางกรุงเทพสู่หัวหินรวมระยะทางกว่า 240 กิโลเมตร

MG3 ใหม่ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (BRIT DYNAMIC) ที่ทำให้สมรรถนะ การควบคุม ดีไซน์สปอร์ต และความปลอดภัย สนุกยิ่งขึ้นด้วยการผสานเทคโนโลยี สีสัน ความสะดวกสบาย ความคล่องแคล่ว และความสนุกในการขับขี่เข้าด้วยกัน

ดีไซน์ ที่แปลกใหม่เตะตาด้วยกระจังหน้าใหม่ ให้ความหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเอ็มจีอย่างชัดเจน ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) สอดรับกับไฟท้ายแนวตั้งแบบแอลอีดี ไลท์ไกด์ (LED Light Guide) พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลัง ก่อนจะเพิ่มความสปอร์ตอย่างโฉบเฉี่ยว ที่ไม่มีในรถรุ่นเดียวกัน ด้วยหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า เสริมด้วยสปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ตสเกิร์ตข้างสีทูโทน และล้ออัลลอยขนาด 16นิ้ว

ภายในห้องโดยสาร ได้รับการออกแบบให้ทันสมัย โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะและพรีเมียมขึ้นด้วยแผงคอนโซลหน้าตกแต่งเส้นสายสีสันโมเดิร์นกราฟิก พร้อมระบบปรับอากาศเป็นแบบอิเล็คทรอนิก และช่องแอร์ทรงกลมสไตล์เจ็ท เทอร์ไบน์ เน้นความกว้างขวางและนั่งสบายทั้งที่นั่งแถวหน้าและแถวหลังด้วยเบาะคนขับปรับ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะโดยสารลายโมเดิร์นกราฟิก เบาะที่นั่งหลังสามารถปรับพับแยกส่วนในการเก็บสัมภาระแบบ 60:40 สร้างความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว

MG3 ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4สูบ 16วาล์ว 1,498 ซีซี VTi-TECH จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ ให้กำลังสูงสุด 112แรงม้า ที่ 6,000รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500รอบ/นาที ผสานระบบกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4จังหวะ พร้อม Manual Mode ที่ปรับปรุงใหม่ตอบสนองการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น สามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุดถึง E85

สนุกกับการควบคุมรถไปในทิศทางที่ต้องการด้วยระบบพวงมาลัยแบบพาวเวอร์ไฮดรอลิก อีกทั้งยังมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.425 เมตร ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ที่สำคัญยังคงประสิทธิภาพอันโดดเด่นด้วยระบบช่วงล่าง EUROPEAN TUNING SUSPENSION ด้านหน้ามาในรูปแบบของแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นทอร์ชันบีม สามารถตอบโจทย์และคอนโทรลรถอย่างมั่นใจไม่ว่าทางตรงหรือทางโค้ง

เราเริ่มทดสอบจากใจการเมืองย่านราชประสงค์ผ่านจราจรที่หนาแน่น ลัดเลาะสู่ทางด่วนที่ยังคงใช้ความเร็วไม่ได้มากนัก แต่ความคล่องตัวบนการจราจรที่ติดขัด พวงมาลัยตอบสนองได้อย่างแม่นยำเหมือนในรุ่นก่อน ช่วงล่างเวลาเปลี่ยนเลนก็ถือว่าเฟริ์มกำลังดี ไม่นุ่มไป แต่ก็ไม่กระด้างนั่งได้สบาย ๆ ในส่วนของอัตราเร่งแม้อาจจะไม่ปราดเปรียวมากนักในรอบต้น เหมือนในเกียร์ในรุ่นก่อน แต่ก็ได้ความสมูทแบบรถปรกติกลับมา ไม่มีอาการหัวทิ่มหัวตำให้ต้องเบาใจ เหมือนก่อน

พอออกมาจากตัวเมืองมุ่งสู่หัวหิน เราวิ่งเลาะออกมายังเส้นแก่นกระจาน ซึ่งมีโอกาสได้สัมผัสความเร็ว ซึ่งน่าแปลกใจในความสามารถของเครื่องยนต์กับเกียร์ชุดนี้ในรอบความเร็วกลางขึ้นไป กับตอบสนองได้เป็นอย่างดี โดยรถสามารถทำความเร็วได้แตะ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยในการทดสอบถนนนั้น ค่อนข้างโล่งไม่มีรถแล้วเราใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ในการขับขี่เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถ ซึ่งทำออกมาได้ดีเกินคาด และตัวรถก็ไม่มีอาการร่อนให้เห็นยังคงสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้แม้จะใช้ความเร็วสูงก็ตาม

MG3ใหม่ แม้จะใช้โครงสร้างเดิม แต่ภายนอกและภายในมีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้ทันยุคทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงฟีเจอร์เด่น ๆ ที่ในคู่แข่งไม่มี ไม่ว่าจะเป็นซันรูฟ หรือระบบสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งเป็นอีกจุดเด่นที่ต้องมีการเรียนรู้ปรับแก้กันไป ซึ่งทาง MG ก็ไม่หยุดยั้งในการพัฒนา ซึ่งก็คงต้องยอมรับว่าในบ้างเรื่องอาจจะยังไม่สมบูรณ์นัก ก็คงอยู่ที่ผู้บริโภคว่าจะยอมเปิดใจให้กับแบรนด์รถอังกฤษนี้แค่ไหน… เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์