รีวิว ลองขับ BMW 530e M Sport Pro เครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริด BMW TwinPower Turbo 299 แรงม้า เมื่อชาร์จเต็ม สามารถขับได้ถึง 108 กม. (NEDC)
รีวิว ลองขับ BMW 530e M Sport Pro ราคา 3,949,000 บาท (รวม BSI)
BMW 530e M Sport Pro
เจเนอเรชั่นที่ 8 ของ 5-series ซีดานขนาดกลางจาก BMW เปลี่ยนใหม่หมดทั้งรูปโฉมภายนอกและภายใน ร่วมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น รวมไปถึงมอเตอร์ไฟฟ้าแบบใหม่ในรุ่น 530e คันที่เรานำมาทดสอบครั้งนี้ ซึ่งมีกำลังเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 75 แรงม้า ร่วมด้วยพลังจากเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นอีก 6 แรงม้า หรือหากวัดกันที่กำลังรวมเมื่อทำงานสองแหล่งพลังงานพร้อมกัน จะมากกว่าเดิม 47 แรงม้า ส่งให้รถรุ่นใหม่ ขับขี่ได้อย่างมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
คุณสามารถรับรู้ถึงพละกำลังของ 530e ใหม่ ได้ตั้งแต่เริ่มออกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาพร้อมกับแพคเกจ M SPORT PRO ซึ่งหมายถึง คุณได้ระบบ Launch Control ช่วยออกตัว ติดมาด้วย! เข้าเกียร์ D จากนั้นกดทั้งแป้นเบรกและคันเร่งให้มิด เพียงอึดใจหน้าจอแสดงผลจะแจ้งให้คุณทราบว่าระบบพร้อมทำงาน
คุณปล่อยแป้นเบรกในขณะที่เท้าขวายังคงเหยียบคันเร่งมิดพรม 530e กระโจนไปข้างหน้า (พร้อมเสียงหลอนๆ ของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่จำลองขึ้นมา) แตะ 100 กม./ชม. ในเวลา 6.3 วินาที นับว่าทรงพลังพอสมควรสำหรับการใช้งานทั่วไป
ฐานล้อที่ยาวกว่าเดิมทำให้ 5-series ใหม่ นุ่มนวลยิ่งขึ้น ช่วงล่างซึ่งถูกปรับแต่งค่าเฉพาะสำหรับรุ่น PHEV (ที่หนักถึง 2 ตัน) เกาะถนนและควบคุมการเอียงตัวขณะเปลี่ยนเลนและเข้าโค้งได้ดี น่าเสียดายที่พวงมาลัยให้น้ำหนักเบามือไปหน่อยทั้งยังมีสัมผัสแบบสังเคราะห์จึงสื่อสารความเป็นไปของล้อหน้ามาสู่มือได้ไม่ชัดเจนนัก 530e ใหม่ จึงให้อรรถรสในการขับขี่ได้น้อยกว่ารุ่นก่อนหน้านี้
แต่สิ่งที่พอจะเยียวยาจิตใจได้บ้างก็คือมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังที่เพิ่มขึ้นจาก 109 เป็น 184 แรงม้า ร่วมด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าเดิม ส่งให้ 530e สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น แรงบิด 250 นิวตันเมตร ช่วยประคับประคองน้ำหนัก 2 ตันของรถ ให้เคลื่อนตัวไปได้อย่างกระฉับกระเฉงท่ามกลางการจราจรอันวุ่นวายของกรุงเทพฯ BMW เคลมว่า
เมื่อชาร์จเต็ม สามารถขับได้ถึง 108 กม. (NEDC) และในการขับทดสอบของเราทำได้ที่ 67 กม. (ด้วยการขับขี่แบบปกติ) ซึ่งครอบคลุมการเดินทางในวันทำงานของเรา โดยไม่ต้องปลุกเครื่องยนต์ขึ้นมาทำงานแต่อย่างใด
ในการทำงานแบบ Hybrid เมื่อขับขี่บนทางด่วนและมอเตอร์เวย์ 530e เร่งแซงได้ทันใจ ทั้งยังทรงตัวมั่นคงที่ความเร็วแบบเดินทางไกล ในขณะที่ห้องโดยสารก็เงียบกริบจนแทบไม่ได้ยินเสียงยาง, ช่วงล่าง และเสียงจากรถรอบๆ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามาเล็กน้อยเมื่อคิกดาวน์เท่านั้น การจัดวางตำแหน่งพวงมาลัยและเบาะที่ลงตัว ช่วยให้ขับขี่ได้นานๆ โดยไม่เมื่อยล้า ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลายจากพื้นที่กว้างขวางรอบตัวอีกด้วย
โดยรวมแล้ว BMW 530e ใหม่ ที่แม้จะใหญ่และหนักขึ้น แต่ก็ได้พละกำลังที่มากกว่าเดิมมาช่วยหักล้าง ทำให้มันยังคงขับขี่ได้ดีใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้านี้ สิ่งที่น่าประทับใจอยู่ที่การขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลยิ่งขึ้น และห้องโดยสารที่ลูกเล่นแพรวพราวกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยราคา 3.95 ล้านบาท (รวม BSI) 530e ใหม่ คือรถที่ไม่ได้โดดเด่นแบบก้าวล้ำยืนหัวแถว ทว่ายังคงสูสีกับคู่แข่งสำคัญในตลาดอย่าง Merc ซึ่งเปิดตัว E-class ใหม่ไปแล้วเช่นกัน ดังนั้น ขึ้นอยู่กับคุณมากกว่าว่าจะชื่นชอบคันไหนมากกว่า
5-series ใหม่ มีตัวถังขนาดใหญ่ขึ้นในทุกมิติ รวมไปถึงความกว้างและความยาวฐานล้อที่มากกว่าเดิม ดีไซน์แบบใหม่รอบคันเป็นทิศทางเดียวกับภาษาการออกแบบล่าสุดของ BMW ที่เพิ่มวอลลุ่มให้กับหน้าและท้ายรถ ร่วมด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตาที่ด้านข้าง 530e มาพร้อมแพคเกจ M Sport ซึ่งมีกันชนหน้า, สเกิร์ตข้าง, กันชนหลัง และรายละเอียดอื่นๆ ที่ดีไซน์ดุดันยิ่งขึ้น
ไฟหน้าสีดำเป็นหนึ่งในแพคเกจ M Sport ‘Professional’ ซึ่งติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน 530e ไฟหน้าแบบคู่เอกลักษณ์ของ BMW เป็นระบบ Adaptive LED พร้อมไฟสูงอัตโนมัติ ร่วมด้วย DRL ทรงใหม่แนวตั้ง ที่ใช้เป็นไฟเลี้ยวในตัว นอกจากนั้น ยังเพิ่มดีเทลเล็กๆ ด้วยแถบไฟ LED สีน้ำเงิน บ่งบอกถึงความเป็นรถยนต์ Hybrid ได้เป็นอย่างดี
ชุดไฟท้ายคือจุดศูนย์รวมที่เส้นสายช่วงไหล่ด้านข้างตัวถังและส่วนโค้งของหลังคามาบรรจบกัน รูปทรงชุดไฟแนวนอนที่ดูพาดยาว (จากการเชื่อมต่อระหว่างกันด้วยแถบของที่เปิดฝาท้าย) ตลอดความกว้างของรถ ส่งให้มุมมองด้านท้ายดูเตี้ยและผายกว้างยิ่งขึ้น เส้นไฟทรงอักษร L บ่งบอกความเป็น BMW ยุคใหม่ ขณะที่ไฟสัญญาณต่างๆ เป็นเส้นแนวนอนทั้งหมด
กระจังหน้า “ไตคู่” ขนาดมหึมา วางเอียงสไตล์ “จมูกฉลาม” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก 5-series รุ่นแรก ด้วยแพคเกจ M Sport จึงได้สีดำเงาและแถบไฟเรืองแสงรอบกรอบกระจังติดตั้งมาให้ด้วย มองไปที่ช่องบนบนกระจังหน้าจะเห็นแผ่นกั้นอากาศที่จะปิดและเปิดโดยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิทำงานของเครื่องยนต์ วอลลุ่มของฝากระโปรงหน้าออกแบบให้สอดรับต่อเนื่องจากกระจังหน้า คั่นกลางด้วยสัญลักษณ์ใบพัดสี ฟ้า-ขาว ซึ่งเป็นดีไซน์ใหม่ของแบรนด์
แอโรไดนามิกส์ของ 530e ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาปฯ โดยเพิ่มพื้นที่แผ่นปิดใต้ท้องรถให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นเพื่อลดแรงต้านอากาศ โดยมีเป้าหมายที่การลด CO2 และยังเพิ่มระยะทางการวิ่งด้วยไฟฟ้าได้มากขึ้นสูงสุดถึง 10 กม. นอกจากนั้น ช่องรับและระบายอากาศตลอดทั้งคันยังเป็นช่องที่ใช้งานจริงทั้งหมด ร่วมด้วยมือเปิดประตูที่แนบเป็นระนาบเดียวกับตัวถังและสปอยเลอร์ขนาดเล็กบนฝาท้ายช่วยเพิ่มแรงกด ซึ่งติดตั้งมาพร้อมแพคเกจ M Sport เช่นกัน
ระบบขับเคลื่อนพัฒนาให้ทรงพลังยิ่งขึ้น ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ปรับปรุงให้ได้กำลังเพิ่มเป็น 190 แรงม้า ที่ 4,400-6,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิด 310 นิวตันเมตร มีให้ใช้เต็มเพดานตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,500 ไปจนถึง 4,000 รอบ/นาที (เพิ่มขึ้น 6 แรงม้า, 20 นิวตันเมตร ตามลำดับ เทียบกับรุ่นที่แล้ว) ไฮไลต์อยู่ที่มอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งให้กำลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่างมาก ที่ 184 แรงม้า (เพิ่มขึ้นถึง 75 แรงม้า) ส่วนแรงบิดยังคงเท่าเดิมที่ 250 นิวตันเมตร ตัวมอเตอร์ติดตั้งคั่นอยู่ระหว่างเครื่องยนต์และชุดเกียร์ ด้วยวิธีนี้ช่วยให้มอเตอร์ขนาดเล็กของ 530e ให้แรงขับได้สูงใกล้เคียงกับการใช้มอเตอร์ขนาดใหญ่แบบติดตั้งแยกต่างหาก (ไม่รวมอยู่ในชุดเกียร์) เมื่อทั้งสองแหล่งพลังทำงานพร้อมกันจะได้กำลังรวม 299 แรงม้า และ 450 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.3 วินาที และความเร็วสสูงสุดที่ 230 กม./ชม.
แบตเตอรี่ HV ความจุ 22.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้พลังงานในการใช้งานจริงสูงสุดที่ 19.4 กิโลวัต์ชั่วโมง หากชาร์จด้วยเครื่องแบบ 7.4 กิโลวัตต์ จะใช้เวลาการชาร์จจาก 0-100% ใน 3 ชม. 15 นาที สามารถขับขี่ด้วยโหมด EV ได้ไกลสูงสุด 108 กม. NEDC หรือที่ 93-103 กม. หากอ้างอิงตาม WLTP ชุดแบตเตอรี่ตั้งไว้บริเวณใต้ท้องรถซึ่งให้ข้อดี 2 ประการคือ รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และช่วยให้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถยังคงมีความจุ 520 ลิตร เท่ากับ 5-series รุ่นเครื่องยนต์สันดาปฯ การกู้คืนพลังงานขณะขับขี่ใช้ระบบควบคุมเวอร์ชั่นใหม่ที่สามารถใช้ข้อมูลจากระบบนำทางและเซ็นเซอร์ต่างๆ (รวมถึงกล้อง) ของระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ มาร่วมในการประมวลผล เพื่อปรับระดับการรีเจนฯ ให้เหมาะสม เช่น ไม่รีเจนฯ เลย หากผู้ขับยกคันเร่งขณะไม่มีรถอยู่ข้างหน้า เพื่อให้รถไหลต่อไปได้โดยไม่ต้องเสียพลังงาน หรือรีเจนฯ เพื่อช่วยชะลอความเร็วไปในตัว หากยกคันเร่งขณะรถวิ่งเข้าใกล้รถคันหน้า เป็นต้น
ชุดเกียร์อัตโนมัติ ‘Steptronic’ 8 จังหวะ ติดตั้งต่อจากมอเตอร์ไฟฟ้า มีอัตราทดที่จัดจ้านดุดันตามแบบฉบับของ BMW มาพร้อมระบบ Launch Control ซึ่งมีให้ในรถที่ติดตั้งแพคเกจ M Sport โดยเฉพาะ ร่วมด้วยฟีเจอร์ “Boost” ที่จะทำงานเมื่อกดแพดเดิล (ฝั่งซ้าย) หลังพวงมาลัยค้างไว้ 0.8 วินาที ขึ้นไป จากนั้นระบบจะให้อัตราเร่งสูงสุดทันที สวิตช์คันเกียร์ ‘CraftedClarity’ ให้เอฟเฟคต์ระยิบระยับแวววาว พร้อมรูปแบบการขับขี่ที่สามารถเลือกได้จากปุ่ม ‘My Modes’ ระบบสัมผัส ซึ่งจะแสดงโหมดต่างๆ ขึ้นบนจอแสดงผลส่วนกลาง
ให้ล้ออัลลอย M Aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและสามารถลดแรงต้านอากาศได้ดียิ่งขึ้น มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยล้อหน้ากว้าง 8.5 นิ้ว ร่วมกับยางขนาด 245/40 และ 10 นิ้ว กับยางขนาด 275/35 ที่ล้อหลัง ความยาวฐานล้อที่มากกว่ารุ่นที่แล้ว (และยาวที่สุดในคลาส) ส่งให้ 5-series ใหม่ นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ร่วมด้วยการเสริมความแกร่งให้กับบริเวณจุดเชื่อมต่อต่างๆ เพื่อการตอบสนองที่แม่นยำยิ่งขึ้นของช่วงล่าง ทั้งยังปรับองค์ประกอบต่างๆ ตลอดจนระบบควบคุมทั้งหมด แยกเฉพาะสำหรับรุ่น 530e เพื่อให้ได้มาซึ่งการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมแม้ต้องแบกน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของชุดไฮบริดก็ตาม ในขณะที่ระบบควบคุมการลื่นไถล นำเอาระบบควบคุมการยึดเกาะเข้าไปรวมอยู่กับระบบควบคุมเครื่องยนต์ เพื่อตัดระยะเดินทางของสัญญาณไปยังระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (DSC) จึงช่วยให้ระบบโดยรวมทำงานได้เร็วขึ้นถึง 10 เท่า ส่วนระบบเบรก M Sport มาพร้อมคาลิเปอร์สีพิเศษ ‘Dark Blue Metallic’ ให้พลังเบรกเหลือเฟือและมีสัมผัสยอดเยี่ยมเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากระบบเบรกของรุ่นเครื่องยนต์สันดาปฯ ปกติ
ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้าเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งให้การตอบสนองที่ไดเรคท์ยิ่งขึ้นและสามารถปรับอัตราทดแปรผันตามองศาการหักเลี้ยวได้ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบพบว่าพวงมาลัยยังเบาเกินไปในทุกโหมดการขับขี่ ยกเว้นเพียงโหมด Sport ที่มีน้ำหนักตึงมือยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงให้สัมผัสที่ปรุงแต่งเกินไปอยู่ดี ตัวพวงมาลัยแบบสปอร์ตมีดีไซน์สวยงาม และเน้นการใช้ช่องเจาะทะลุจึงให้ความรู้สึกถึงการลดน้ำหนักสไตล์รถแข่ง
ระบบช่วยขับขี่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ด้วยออปชั่น ‘Driving Assistance Professional’ ซึ่ง BMW ประเทศไทย ใจดีติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน 530e ใหม่ ซึ่งเพิ่มฟีเจอร์ Highway Assistance ระบบขับขี่อัตโนมัติอันชาญฉลาดมาให้เป็นครั้งแรก คุณสามารถปล่อยมือออกจากพวงมาลัยแล้วปล่อยให้ระบบควบคุมการขับขี่โดยเบ็ดเสร็จ โดยมีกล้องภายในห้องโดยสารทำหน้าที่ตรวจจับคุณเพื่อประเมินว่าคุณยังคงมีสมาธิในการขับขี่และพร้อมจะกลับมาควบคุมรถทันทีที่จำเป็น นอกจากนั้น ยังมีระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ ‘Active Lane Change’ ที่ล้ำอนาคตจนน่าขนลุกด้วยการใช้ “สายตา” ของคุณสั่งการ! โดยเมื่อระบบคาดการณ์ว่าสามารถเปลี่ยนเลนได้ ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนจากเลนขวาสุดมาอยู่เลนฝั่งซ้าย (ถัดมา) มันจะแจ้งเตือนและใช้กล้องตรวจจับดวงตาของคุณ หากคุณเหลือบมองที่กระจกมองข้างฝั่งซ้าย จะเป็นการยืนยันว่าคุณจะเปลี่ยนไปสู่เลนซ้าย ระบบจะตรวจสอบโดยรอบและ (หากปลอดภัย) จะบังคับพวงมาลัยเปลี่ยนเลนให้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องยืนยันด้วยการเปิดไฟเลี้ยวแต่อย่างใด เมื่อระบบช่วยขับขี่ถูกเปิดใช้งาน จะแสดงภาพแบบ Live View ที่จอสำหรับผู้ขับ และใช้กล้องรอบทิศทางร่วมกับเซนเซอร์รอบคันเพื่อแสดงภาพกึ่งสมจริงบนจอส่วนกลาง ทำให้ผู้ขับเห็นสภาพแวดล้อมรอบคันและรถคันอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น และแน่นอนว่า 530e ยังมาพร้อมกับระบบช่วยจอดและช่วยถอยหลังอัตโนมัติอีกด้วย
คุณภาพการประกอบและวัสดุชั้นเลิศคือสิ่งที่คุณจะได้รับจาก BMW อย่างไม่ต้องสงสัย ห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ที่เรียบง่ายตามสมัยนิยม ใช้โทนสี “Dark Silver M” ตัดกับการตกแต่งด้วยลายคาร์บอนผสานกับความแวววาวของผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’ และแสงสีแพรวพราว ช่วยเพิ่มความหวือหวาให้กับ 5-series ใหม่ได้เป็นอย่างดี เบาะนั่งรุ่น Comfort แม้ไม่โอบกระชับเท่ากับรุ่น Sport (ในรุ่น 520d M Sport) แต่ก็นั่งได้อย่างผ่อนคลายกว่า เบาะหลังออกแบบใหม่ให้พนักพิงบริเวณช่วงไหล่ขยายกว้างออกไปจนเกือบถึงขอบประตู จึงนั่งสบายยิ่งขึ้น พื้นที่โดยรวมในห้องโดยสารกว้างขวางกว่าเดิมจากฐานล้อที่ยาวกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ทั้งยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานมากมาย ซึ่งรวมไปถึงหลังคากระจก ‘Sky Lounge’ ขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่หลังคา พร้อมม่านบังแดดที่เลื่อนเก็บไปด้านหน้า (ทางกระจกหน้า) เพื่อเพิ่มพื้นที่กระจกให้กับเบาะหลัง
ศูนย์กลางของห้องโดยสารคือ BMW Curved Display แผงจอแสดงผลทรงโค้ง ครอบด้วยกระจกชิ้นเดียวแบบไร้กรอบ ภายในประกอบไปด้วย 2 จอภาพ คือ จอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ และจอส่วนกลาง ระบบสัมผัส ขนาด 14.9 นิ้ว ทำงานอย่างรวดเร็วด้วยระบบปฏิบัติการ BMW OS ล่าสุดเวอร์ชั่น 8.5 ร่วมด้วยอินเตอร์เฟซตลอดจนกราฟฟิกที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด นอกจากนั้น ยังมี HUD สำหรับผู้ขับที่สามารถเรียกดูข้อมูลสำคัญๆ ได้มากมาย และยังมาพร้อมกับเกมส์ต่างๆ ให้เล่นเพลินๆ ขณะรอชาร์จไฟหรือจอดอยู่กับที่ นี่เป็นการร่วมงานกันระหว่าง BMW และแพลตฟอร์ม AirConsole โดยผู้เล่นเพียงเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนเข้ากับรถผ่าน QR Code บนหน้าจอส่วนกลาง ก็สามารถใช้โทรศัพท์เป็นตัวควบคุมการเล่นเกมส์ได้ทันที ที่ขาดไม่ได้คือชุดเครื่องเสียงรอบทิศทางจาก Bowers & Wilkins ให้พลังเสียงหนักแน่นทีเดียว
5-series ใหม่ ผสมผสานเทคโนโลยีระบบสัมผัสเข้ากับการใช้ปุ่มกดและสวิตช์แบบดั้งเดิมได้อย่างลงตัว โดยฟังก์ชั่นหลักๆ ที่ต้องใช้บ่อยขณะขับขี่ยังคงเป็นระบบปุ่มกดและสวิตช์ เพื่อให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเป็นเวลานาน ในขณะที่ฟังก์ชั่นรองๆ ลงมา ใช้ระบบสัมผัสแบบ Haptic ร่วมด้วย “สันนูน” เพื่อให้ผู้ขับทราบตำแหน่งของปุ่มได้จากการสัมผัส ส่วนฟังก์ชั่นที่ไม่ค่อยได้ใช้งานขณะขับขี่ เช่น การบันทึกตำแหน่งเบาะ และระบบไฟส่องสว่าง (ซึ่งทำงานอัตโนมัติอยู่แล้ว) ใช้การสัมผัสไปบนแถบผลึกแก้วของ ‘Interaction Bar’ ตามจุดต่างๆ รอบๆ ห้องโดยสาร ตัวแถบแสงจะเปลี่ยนสีไปตามโหมดการขับขี่ที่เลือก ทั้งยังสามารถปรับสีที่ต้องการได้เองอีกด้วย
จุดที่ทำให้ดีไซน์ห้องโดยสารดูมินิมัลเป็นพิเศษ คือการเปลี่ยนจากช่องแอร์แบบปกติ มาใช้แบบเป็นช่องแนวนอนซ่อนอยู่ใต้ แถบ Interaction Bar นับเป็นการออกแบบที่แปลกตา ทว่าสามารถใช้งานได้จริง สามารถให้ความเย็นได้ทั่วห้องโดยสารไม่ต่างจากช่องแอร์ทรงปกติ แต่อาจต้องทำความคุ้นเคยกับตำแหน่งของปุ่มปรับทิศทางลมซึ่งมีขนาดเล็กจับยาก แถมยังซ่อนไว้ด้านล่างของแดชบอร์ดอีกด้วย ส่วนการเปิดปิดช่องแอร์เป็นระบบสัมผัสทำแยกออกมาไว้บน Interaction Bar สามารถเลือกระดับการเปิดได้หลากหลายสเตป
SPECIFICATIONS: BMW 530e M SPORT PRO
Price: ฿3,949,000 (BSI standard package included)
Drivetrain: 1998cc turbocharged 4-cyl petrol plus e-motor, 299hp, 450Nm
Transmission: 8-speed automatic, rear-wheel drive
Performance: 6.3sec 0-100km/h, 230km/h top speed, 76.9km/l, 29g/km CO2
Weight: 2080kg