รีวิว ลองขับ BMW X6 xDrive40i M Sport รถอเนกประสงค์ SAC ผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งในแบบฉบับ BMW X และความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวดุจยนตรกรรม Coupe
รีวิว ลองขับ BMW X6 xDrive40i M Sport เบนซิน 6 สูบขนาด 3.0 ลิตร 340 แรงม้า
BMW X6 xDrive40i M Sport
“BMW X6 xDrive40i M Sport คือ หนึ่งเดียวในรุ่นของการทำตลาดในเมืองไทย ภายใต้ “อัตลักษณ์” ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ … เพราะงั้นถ้าอยากจะเป็นเจ้าของ ลองไปขับแล้วถามตัวเองดูก่อนว่า “คู่ควร” กับคุณหรือไม่ …?”
“เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก” ที่เราคิดถึงประโยคนี้ขึ้นมา ก็เพราะทราบหรือไม่ …? ว่า ณ ปัจจุบัน BMW X6 รถอเนกประสงค์ SAC (Sport Activity Coupe) ได้แทรกซึมอยู่ในตลาดบ้านเรามาแล้วกว่า 10 ปี นับแต่เจนเนอเรชั่นแรก “รหัส E71” ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในราวต้นปี 2008 ด้วยความกล้าในการฉีกกรอบ และลงมือสร้างออกมาเป็นรูปธรรม เพื่อนำเสนอความต่างในยุคที่แบรนด์อื่นๆ ได้แต่วาดภาพในจินตนาการ
จากวันนั้น การโยนหินถามทางของ BMW ดูเหมือนจะเรียกได้ว่า “ถูกที่ ถูกเวลา” เพราะ E71 ได้กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภค ที่ค่อนข้างจะ “เบื่อ” กับภาพของรถอเนกประสงค์ทรงเหลี่ยมเดิมๆ จนทำให้ BMW X6 สามารถมีชีวิตอยู่ในตลาดมาได้อย่างยาวนาน
กระทั่งถูกแทนที่ด้วยเจนเนอเรชั่น 2 “รหัส F16” ในช่วงปี 2015 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสตอบรับ อยู่ในระดับที่เหนือความคาดหมาย ไม่ใช่เฉพาะแค่ชาว Bimmer เท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่มีเงื่อนไขมากมายในการมองหาคุณสมบัติอันเพียบพร้อมในรถอเนกประสงค์ และ BMW X6 ก็ดูจะเป็นคำตอบที่ “ใช่” เพราะทั้ง 2 เจนเนอเรชั่น รวมแล้วสามารถกวาดยอดจำหน่ายทั่วโลกไปต่ำๆ เกินกว่า 400,000 คันแน่นอน
และนั่นทำให้การเดินทางของ BMW X6 ได้ก้าวมาสู่เจนเนอเรชั่นที่ 3 ใน “รหัส G06” ซึ่งยังคงมากับการรักษามาตรฐานงานดีไซน์ของรถอเนกประสงค์ SAC (Sport Activity Coupe) อย่างครบถ้วน จากการผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งในแบบฉบับ BMW X และความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวดุจยนตรกรรม Coupe จากแนวเส้นหลังคาที่ลาดลงในด้านท้าย
โดยทั้งหมด คือ เส้นสายที่ถูกกำหนดให้อยู่บนมิติตัวถังที่ประกอบด้วย ความยาว 4,935 มม. ความกว้าง 2,004 มม. ความสูง 1,696 มม. บนความยาวฐานล้อ 2,975 มม. และน้ำหนักตัวที่ 2,055 กก.
เทียบมิติตัวถังกับเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งมีความยาว 4,909 มม. ความกว้าง 1,989 มม. ความสูง 1,702 มม. บนความยาวฐานล้อ 2,933 มม. จะเห็นได้ว่า BMW X6 (G06) “ใหญ่ขึ้นทั้งหมด” ตั้งแต่ความยาวที่เพิ่มขึ้น 26 มม. ความกว้างมากขึ้น 15 มม. ความสูงลดลง 6 มม. ตามด้วยระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นเป็น 42 มม. … เหนืออื่นใดเลยก็คือ “น้ำหนักตัวถัง” จากเจนเนอเรชั่นที่ 2 คือ 2,100 – 2,340 กก. ก็ลดลงมาเหลือเพียง 2,055 กก. ในเจนเนอเรชั่นที่ 3
อย่างที่กล่าวไปว่า BMW X6 (G06) ยังคงเส้นคงวาในเรื่องของงานดีไซน์สไตล์รถอเนกประสงค์ SAC (Sport Activity Coupe) แต่ก็มีการปรับแต่งรายละเอียดในภาพรวมใหม่ ซึ่งจุดเด่นๆ ที่สร้างแรงดึงดูดทางสายตา เมื่อแรกเห็น โดยเฉพาะในยามค่ำคืนก็ต้องยกให้กับ กระจังหน้าไตคู่ BMW Kidney Grille แบบ Iconic Glow ซึ่งมากับนวัตกรรม LED Fibre Optical Technology ที่สามารถเรืองแสงสีขาวได้ทั้งขณะขับเคลื่อน หรือ เปิด-ปิดประตูรถ
ไล่มาถึงเทคโนโลยีไฟหน้า BMW Laser Light ซึ่งในโหมดไฟสูงสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 500 เมตร ต่อเนื่องด้วยระบบ Welcome Light Carpet ที่มีไฟส่องสว่างแบบกราฟฟิกลงบนพื้นด้านข้างตัวรถ ซึ่งไม่ได้ช่วยแค่เพิ่มบรรยากาศ และอารมณ์ความอยากขับขี่เท่านั้น หากแต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน
มุมมองด้านหลังในความคิดส่วนตัว ผมแอบเห็นถึงความพยายามในการปรับแต่งดีไซน์ เพื่อลดความรู้สึกเทอะทะค่อนข้างมากพอสมควร หากเทียบกับเจนเนอเรชั่นที่ 2 เช่น รูปทรงของชุดไฟท้ายสไตล์ L – Shaped ที่ถูกขัดเกลาเหลาให้เรียวเล็ก และยาวขึ้น เช่นเดียวกับ Diffuser กันชนท้าย
ตลอดจนเส้นสายต่างๆ ที่มีความเฉียบคม ทำให้โดยรวมแล้ว มีการชี้นำให้เห็นถึงความสปอร์ตมากขึ้นกว่าการนำเสนออารมณ์ความแข็งแกร่งบึกบึนได้ชัดเจน
สำหรับในบ้านเรา BMW X6 (G06) จำหน่ายเพียงรุ่นเดียว คือ X6 xDrive40i M Sport ฉะนั้นงานดีไซน์ ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่สร้างความน่าหลงใหล เพราะนามสกุล M Sport ที่ต่อท้าย นั้นหมายถึงการมาพร้อมกับความเป็น “M” เช่นกัน ผ่านองค์ประกอบต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ตั้งแต่ ชุดแต่ง M Aerodynamics มาคู่กับชุดแต่ง M สีดำเงา ตามด้วยล้ออัลลอยด์ M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-Spoke จับคู่กับคาลิเปอร์เบรกแบบ M Sport ส่วนภายในแสดงออกความเป็น “M” ผ่านการตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุ Carbon Fibre, หลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite, ชุดพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M แล้วก็เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M
ขณะที่ “ออพชั่น” ต่างๆ ผมขออนุญาตไม่กล่าวถึง ด้วยคงไม่สามารถให้ความละเอียดมากพอเท่ากับแนะนำว่า ให้เข้าไปศึกษาจากในเว็บไซต์ หรือ สอบถามจากที่ปรึกษาการขาย ซึ่งจะได้คำตอบที่ต้องการครบถ้วนกว่าแน่นอน
ฉะนั้นผมจึงขอข้ามไปยังเรื่องที่น่าสนใจกว่า คือ “สมรรถนะ” จากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ซึ่งผลิตกำลังสูงสุดได้มากถึง 340 แรงม้า และแรงบิดรอบต่ำ 450 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาที ต่อเนื่องไปจนถึง 5,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ Sport Steptronic สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive
ก่อนปิดท้ายความเร้าใจด้วยชุดท่อไอเสียแบบ M Sport โดยทั้งหมดสร้างสรรค์ผลลัพธ์อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที กับความเร็วสูงสุดที่จำกัดเอาไว้ที่ 250 กม./ชม.
และนั่นคือตัวเลขที่ผมเชื่อว่าทำเอา “คนคลั่งรถ” ตาลุกวาว เช่นเดียวกับที่ผมกำลังเป็นอยู่ แล้วก็คงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ต้องรอช้าในการคว้ากุญแจรีโมทระบบสัมผัส (BMW Display Key) อันใหญ่ยักษ์บนโต๊ะทำงานมา เพื่อนำเอาเจ้า BMW X6 xDrive40i M Sport ออกไปสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นทันที
ต้องเกริ่นก่อนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการขับ BMW X6 ของผม เพราะเคยผ่านมือมาแล้วทั้ง 2 เจนเนอเรชั่น แถมต้องยอมรับความจริงว่าความทรงจำนั้นช่างเลือนรางเหลือเกิน เนื่องจากทั้งผม และ BMW X6 ไม่ค่อยได้โคจรมาพบกันมากเท่าไหร่ ฉะนั้นคงพูดได้ “ยาก” ถึงความต่างในการพัฒนาจากเจนเนอเรชั่น 2 มาสู่เจนเนอเรชั่น 3 มากแค่ไหน
แต่อย่างน้อยผมมั่นใจได้ว่าจาก “รหัสตระกูล F มาสู่ รหัสตระกูล G” หลายสิ่ง หลายอย่างดีขึ้นเป็นเท่าตัวแน่นอน เลยทำให้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง
ว่ากันตั้งแต่ระบบช่วงล่างแบบถุงลม Adaptive ที่ปรับระดับความสูง-ต่ำได้จากกุญแจรีโมท ทำให้ผมสามารถลดระดับตัวรถให้ต่ำสุด เพื่อก้าวขึ้นรถได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งหลังจากประทับตัวเองไว้หลังพวงมาลัย ตำแหน่งของเบาะนั่งปรับไฟฟ้า และพวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ก็ถูกจัดสรรให้เข้าสรีระได้ง่ายๆ แถมความเป็น “M” จากพวงมาลัย และดีไซน์ของเบาะนั่ง ก็ดูจะกลายเป็นเสิ่งยั่วยุให้เรารีบออกเดินทางไปโดยปริยายอีกด้วย
ผมออกสตาร์ทจากในเมืองช่วงสายๆ ของวัน แต่ก็ใช่ว่าจะหนีการจราจรติดขัดได้มากมาย ซึ่งหากไม่ใช่รถอเนกประสงค์ล่ะก็ สารภาพตามตรงเลยว่าคง “เบื่อ” ตายไปซะก่อน โชคดีที่วันนี้อยู่กับ BMW X6 (G06) เพราะงั้นด้วยสถานะของรถ SAC (Sport Activity Coupe) เลยทำให้ผมมีทัศนวิสัยจากมุมสูงอยู่เป็นเพื่อน รวมถึงออพชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้สำรวจ และลองเล่นเพื่อฆ่าเวลา
มากกว่านั้นที่ผมเชื่อว่าคงไม่ทำให้ใครหลายคนเบื่อ ก็คือ “สมรรถนะ” เพราะแม้ท่ามกลางสภาพการจราจรที่ติดขัด BMW X6 (G06) ก็ยังมอบความสนุกให้สัมผัสในความเร็วต่ำ ด้วยแรงบิดระดับ 450 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาที เปลี่ยนให้รถขนาดใหญ่ระดับนี้มีความกระฉับกระเฉงเกินคาด แม้จะอยู่ในโหมด Comfort ก็ตาม
แต่ถ้าอยากได้มากกว่านั้น เราแนะนำโหมด Sport ครับ รับรองว่า “อะดรีนาลีนหลั่ง” เพราะขนาดผมเองได้ลองโหมด Sport เพียงครั้ง ก็แทบจะไม่อยากกลับไปที่โหมด Comfort อีกเลยทีเดียว
นั่นก็เพราะใน BMW X6 (G06) การดีไซน์คาแร็คเตอร์ ฟังก์ชันปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ถือเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า “ไฮไลท์” ด้วยบุคลิกที่แสดงออกได้แตกต่างอย่างชัดเจนที่สุด กล่าวคือ ในโหมด Comfort เราแทบไม่รู้สึกถึงความทรงพลัง ของเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ TwinPower Turbo เรี่ยวแรง 340 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นโหมด Sport อารมณ์ก็คงไม่ต่างกับปลุกสัตว์ร้ายให้ตื่นจากหลับใหล ทั้งๆ ที่ใช้น้ำหนักคันเร่งใกล้เคียงกันทั้ง 2 โหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะที่เรี่ยวแรงทั้งหมดถาโถมออกมาสัมผัส พร้อมเสียงขุมพลังเบนซิน 6 สูบ TwinPower Turbo ที่หวานหู ทุกการกวาดของเข็มวัดรอบเครื่องยนต์ ชนิดที่เรียกได้ว่ารู้ทั้งรู้ว่า “ค่าน้ำมันแพง” แต่เราก็อดใจไม่ไหวที่อยากจะฟังทั้งเสียง และสัมผัสขีดสุดของพลัง จากการขับขี่ในโหมด Sport
ส่วนระบบช่วงล่างแบบถุงลม Adaptive ที่แปรผันไปตามโหมดการขับขี่ ผมขอสรุป ง่ายๆ ว่าต่อให้เป็นโหมด Comfort อารมณ์โดยรวม ก็ไม่ได้เป็นมิตรชนิดที่สื่อสารออกมาเป็นความนุ่มนวลชวนฝัน เพราะจากทั้งล้อขนาด 22 นิ้ว และยางซีรี่ส์ 275/35 R22 ด้านหน้า และ 315/30 R22 ด้านหลัง บวกกับความเป็น BMW ที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเน้นเสิร์ฟความสนุกไปที่ผู้ขับ
ฉะนั้นผู้โดยสารจึงอาจรู้สึกว่าเข้าไม่ถึง Inner แถมเอาเข้าจริงๆ บางครั้ง ผู้ขับมี Inner มากแค่ไหนก็ไม่ไหว เมื่อเจอถนนสภาพแย่ๆ เกินบรรยาย
เรียกว่าเกินกำลังความพยายามของช่วงล่างในการรับมือกับสภาพถนนเมืองไทยที่ “สุดจะคาดเดา” คงเข้าท่ากว่า แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นโหมด Sport แบบไม่ต้องการให้ X6 (G06) แคร์ความนุ่มนวล ความรู้สึกที่ได้กลับ “ฟิน” กว่า อารมณ์ก็น่าจะคล้ายๆ การซิ่งเจ็ทสกี ขี่หัวคลื่น “รูด” ไปตรงๆ แบบไม่ต้องโล้ไปตามลอนคลื่นให้เวียนหัว ซึ่งนั่นแหละครับ คำตอบที่ว่าทำไม ผมจึงเลือกขับขี่ด้วยโหมด Sport ซะเป็นส่วนใหญ่
ท้ายสุดก่อนจากกันไป ผมคงไม่บอกว่า X6 xDrive40i M Sport เป็นรถที่ดีที่สุด เยี่ยมที่สุด เพราะแม้จะมีค่าตัวถึงเกือบๆ 5.8 ล้านบาท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตอบโจทย์ได้ตรงใจผู้บริโภคชาวไทยทั้งประเทศ … เว้นแต่ถ้าคุณกำลังมองหา รถอเนกประสงค์จากฝั่งยุโรป ไว้เพื่อสนองความต้องการอะไรบางอย่าง และปัจจัยไม่ใช่สาระสำคัญชนิดที่ว่าจ่ายมากกว่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่ก่อนจะไปถึงมองเลยไปถึงจุดนั้น ผมขอแนะนำว่าให้ “เปิดใจ” เอา BMW X6 xDrive40i M Sport ใส่ลงไปในลิสต์อีกคันเป็นทางเลือกให้ลอง Test Drive … ผมว่าคุณน่าจะได้อะไรกลับมาบ้างไม่มากก็น้อย
Specification: BMW X6 xDrive40i M Sport
- Price: 5,739,000 BHT (BSI Standard Package)
- Engine: 2,998 CC / 6 Cylinder / 24 Valve / BMW TwinPower Turbo 340 hp @ 5,500 – 6,500 rpm / 450 Nm @ 1,500 – 5,200 rpm
- Transmission: 8A/T Sport Steptronic / xDrive (All Wheel Drive)
- Performance: 0 – 100 Km/h @ 5.7 Sec / Top Speed @ 250 Km/h
- Weight: 2,055 Kg.