รีวิว ลองขับ Isuzu D-Max V-Cross 4×4 เครื่องยนต์ Diesel common rail direct Injection รหัส 4JJ3-TCX พิกัด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า
รีวิว ลองขับ Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi รุ่นท็อป ราคา 1,257,000 บาท
Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi
“ปลดล็อกความท้าทาย สู่โลกการขับขี่ที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยความแข็งแกร่งใหม่ล่าสุดโดย พรีเมี่ยม สปอร์ต ออฟโรด … และนี่คือ New! Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi”
ทุกครั้งที่ “ตรีเพชร อีซูซุเซลส์” ทำการเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ เรื่อง “เซอร์ไพรส์” มักจะเกิดขึ้นเสมอ และเรื่อง “เซอร์ไพรส์” ส่วนใหญ่ที่เราเชื่อว่าหลายคนตั้งตารอคอยก็คือ “งานออกแบบ” ที่แฝงไปด้วยความล้ำหน้าด้านพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด ผ่านรูปลักษณ์ตั้งแต่ภายนอก ไปจนถึงห้องโดยสารภายใน
โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ก็ต้องยกให้ยนตรกรรม พรีเมี่ยม สปอร์ต ออฟโรด อย่าง New! Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi นี่แหละครับ เพราะยิ่งนับวัน ยิ่งผสมผสาน ทั้งความสปอร์ต, ความเป็นกระบะปิกอัพ และความอเนกประสงค์ ให้เข้ากันได้อย่างลงตัวแบบปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว
จุดเด่นของ New! Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi คือ การนำเสนอความเป็น พรีเมี่ยม สปอร์ต ออฟโรด เพราะฉะนั้นงานดีไซน์หลายๆ ส่วน จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนใหม่ ไล่มาตั้งแต่ ฝากระโปรงหน้า
เสริมด้วยความ “ใหม่” ของชุดไฟหน้าดีไซน์เอกลักษณ์แบบ Isuzu Vision Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทําหน้าที่เป็นทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยวในตัว รับกับกระจังหน้าแบบ 3-Dimension สีเทาดํา ผสมผสานโทนสี Black Chrome
ไปจนถึงกันชนหน้าที่มากับ Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic เพื่อช่วยลดแรงต้านอากาศสไตล์รถสปอร์ตหรู ดีไซน์ลงตัวกับสเกิร์ตด้านล่าง ตลอดจนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แบบ Rugged & Wild สี Matte Black
และความสะดุดตาจากด้านหลังที่มากับดีไซน์ใหม่ของชุดฝาท้าย และชุดไฟท้ายใหม่แบบ Triple-Armour LED ก่อนปิดท้ายแบบตอกย้ำความสปอร์ตด้วยชุด V-Cross Package ใหม่รอบคัน
ต่อเนื่องที่ภายในห้องโดยสาร ยังคงเน้นความพรีเมี่ยม จากแนวคิด High-Class & Sophisticated กับผลงานสไตล์ Miura Design ผสมผสานด้วยการใช้โทนสีทูโทน น้ำตาล – ดำ ตามด้วยการนำเสนอความกว้างขวางของห้องโดยสาร
ผ่านแผงคอนโซลหน้าแบบ Sharp Horizontal Layers ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายตามหลัก Usability Design เพื่อมอบประสบการณ์พิเศษในทุกการเดินทาง
ซึ่ง “ประสบการณ์พิเศษ” ดังกล่าว เราถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นความ “เซอร์ไพรส์” เช่นกัน เพราะ New! Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi เค้าจัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้อย่างครบครัน พร้อมกับมีการอัพเกรดขึ้น “ใหม่”
อาทิ หน้าจอ Integrated MID ขนาดใหญ่ถึง 7 นิ้ว สามารถแสดงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ และปรับเปลี่ยนดีไซน์หน้าจอได้ 2 สไตล์ ทั้งยังเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับ Infotainment Display ได้สะดวกมากขึ้นด้วย
ตามมาด้วย “เบาะนั่งดีไซน์ใหม่” เสริมด้วยเทคโนโลยี Coolmax ช่วยลดการสะสมความร้อน, ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ในตำแหน่งคนขับ, “จุด Charging Socket” แบบ USB-C มีมาให้ทั้งบริเวณที่นั่งด้านหน้า และด้านหลัง,
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา ตลอดจนสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5 ความบันเทิงจากหน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay*,
หน้าจอแบบ Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ Integrated MID แสดงผลได้หลากหลายฟังก์ชั่น อาทิ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS หรือแม้กระทั่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อก็ตาม
พูดถึง ADAS ทั้งที งานนี้จะไม่บอกกล่าวให้หมด คงไม่ได้ เพราะนี่คือ “เรื่องสำคัญ” ด้านความปลอดภัยที่แสดงออกถึงความ “คุ้มค่า” อย่างชัดเจน … ซึ่ง ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ของ New! Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi
มากับความล้ำสมัยของการทำงาน ด้วยโปรแกรม 3D Imaging Stereo Camera ที่มีมุมมองกว้าง และแม่นยำขึ้นกว่าเดิม จากการเพิ่มเติมของเรดาห์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน
สร้างความมั่นใจรอบด้านทุกขณะการขับขี่ด้วย ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control)
พร้อมฟังก์ชั่น Stop and Go … และ “ใหม่ล่าสุด!” กับระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) ที่มากับระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา TA-AEB (Turn Assist with AEB)
นอกจากนี้ก็ยังมี ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring), ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam), ระบบตัดกําลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation), ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning),
ระบบเบรกอัตโนมัติ หลังการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุซํ้าซ้อน MCB (Multi-Collision Brake), ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ Parking Aid System และระบบตั้งค่าจํากัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)
ทั้งยังเสริมทัพด้วยระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ทั้ง Active Safety ปกป้องก่อนเกิดอุบัติเหตุ และ Passive Safety ปกป้องขณะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก แบบอิเล็กทรอนิกส์ ABS ชนิด 4-Channel 4-Sensor,
ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว ESC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด แบบ Built-in
พร้อมระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา และเส้นกะระยะ Dynamic Guideline, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง พร้อมระบบ Crash Unlock ปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อถุงลมนิรภัยทํางาน และจุดยึดเบาะนั่งสําหรับเด็ก (ISOFIX) ที่เบาะนั่งด้านหลัง
… เหนืออื่นใด คือ ความปลอดภัยทั้งหมดที่กล่าวมา อยู่ภายในโครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแกร่งด้วยการเสริมเหล็กกล้า Ultra-High Tensile ฉะนั้นบอกเลยว่าให้ความมั่นใจได้สุดๆ ทุกการเดินทางแน่นอน
ในส่วนของขุมพลัง จะบอกว่าเป็น “เซอร์ไพรส์” ก็ว่าได้เช่นกัน เพราะยังมากับความคุ้นเคยของ เครื่องยนต์ Diesel common rail direct injection รหัส 4JJ3-TCX พิกัด 3.0 ลิตร เสริมเขี้ยวเล็บด้วยระบบอัดอากาศ VGS แปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ เพื่อสร้างกำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,600 – 2,600 รอบต่อนาที
โดยหน้าที่ความรับผิดชอบการส่งกำลัง จะเป็นชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมฟังก์ชั่น Rev Tronic และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย เป็นตัวช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้การขับขี่
ขณะที่ระบบขับเคลื่อน มากับความเหนือชั้น ซึ่งประกอบด้วย ระบบ Terrain Command ที่เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ (2H) เป็น 4 ล้อ (4H / 4L) ได้ตามความเหมาะสมสำหรับใช้งาน เสริมด้วยระบบ Electronic Diff-Lock ช่วยล็อคเฟืองท้าย ด้วยไฟฟ้า เพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลัง ไปที่ล้อหลัง ทั้งด้านซ้าย และขวาเท่าๆ กัน
อีกทั้งยังมี “ของใหม่ !” ที่เรียกว่าระบบ Rough Terrain Mode เข้ามาเสริมทัพเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยจะทำหน้าที่ควบคุมการกระจายกำลังทุกช่วงความเร็ว
ตลอดจนมี ระบบแสดงองศามุมปีนไต่, ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ แสดงผลผ่านหน้าจอ Integrated MID และ Infotainment Display เพื่อให้การฝ่าอุปสรรคเป็นไปอย่างง่ายดาย แถมยังตอกย้ำฐานะความเป็นพรีเมี่ยม สปอร์ต ออฟโรด ด้วยความสามารถในการลุยน้ำได้ลึกสุดมากถึง 800 มม.
ระบบช่วงล่าง ยังคงยึดมั่นในรูปแบบของ อิสระปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง พร้อมโช้กอัพแก๊ส ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นแบบ แหนบแผ่นรูปครึ่งวงรี พร้อมโช้กอัพแก๊ส (แหนบเหนือเพลา) ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่ามีการปรับเซ็ทเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ชนิดที่ใครได้ลองขับ เราเชื่อว่าจะจับสัมผัสได้ทันที แม้จะเป็นตัวลุย Isuzu D-Max V-Cross 4×4 ก็ตาม เนื่องจากอารมณ์โดยรวมนั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับยนตรกรรมอเนกประสงค์ เน้นความนุ่มนวล โดยสารสบายมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นตัวถัง 4 ประตู
ทำให้ในภาพรวมนั้น ค่อนข้างเป็นอะไรที่สวนทาง กับ “พละกำลัง” ซึ่งตอบสนองอย่างดุดันชัดเจน หลัก คือ แรงบิดที่จัดมาให้สูงถึงระดับ 450 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,600 – 2,600 รอบต่อนาที เพราะฉะนั้นการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งจึงกลายเป็นเรื่องบันเทิงอีกหนึ่งอย่างที่เราชอบมาก
รวมถึง “การส่งต่อกำลังของแต่ละเกียร์ ” ที่ต้องบอกว่า “รู้สึกดีเป็นการส่วนตัว” กับความเป็นอารมณ์รวมๆ ที่มีความ Old School ให้สัมผัสอยู่บ้าง
ในแง่มุมของการใช้งานปกติทั่วไป เรามองว่าข้อดีของ New! Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi อีกอย่างก็คือ การเป็นรถที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้สะดวก ตั้งแต่ มิติของตัวรถที่ยังไม่ “เบ่งขนาด” ตามเพื่อนๆ ในท้องตลาด
ตามด้วยเรื่องของทัศนวิสัย สไตล์รถปิกอัพตัวสูง ต่อเนื่องด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่เราค่อนข้างโอเค ทั้งน้ำหนักในความเร็วต่ำ และความเร็วสูง และท้ายสุดกับ พละกำลังที่มีมาให้ใช้ในสัดส่วนที่เพียงพอต่อการใช้งาน
มากกว่านั้นก็คือ ระบบขับเคลื่อน 4×4 ซึ่งถือเป็นจุดที่ “เหนือชั้น” เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่ได้ดี พอๆ กับบรรดาระบบความปลอดภัยมากมายที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และที่เราชอบมากๆ ก็คือ
การสร้างความมั่นใจง่ายๆ แค่ shift on the fly เมื่อเจอฝนตก หรือ ต้องขับขี่บนถนนเปียกลื่น ส่วนถ้าจะมากกว่านั้น เอาแบบเน้นย้ำความสามารถสไตล์ออฟโรด ณ จุดนี้เราคงต้องยกให้เป็นการพิจารณาของท่านเจ้าของรถตัวจริงดีกว่า
เพราะส่วนหนึ่งเรายังคงเชื่อว่า น้อยคนนักจะเอา Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi M 4-door A/T ค่าตัวราวๆ 1,257,000 บาท เข้าไปลุยแบบจริงจัง เป็นเรื่อง เป็นราว ฉะนั้นวิถีชิวิตที่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงดูน่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสม ทั้งยังรวมไปถึงบุคลิกโดยรวม ที่เรายังรู้สึกว่ามีความเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์กว่า ความเป็นกระบะปิกอัพ อีกด้วย
และทั้งหมดทั้งมวลนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้สไตล์การขับขี่ของเรา ส่วนใหญ่จะค่อนไปในอารมณ์ของยนตรกรรมอเนกประสงค์แทบจะตลอดเวลา ไปแบบเรื่อยๆ ไม่รีบ เพื่อพบว่า Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi M 4-door A/T ให้ความสะดวก และความสบายในการขับขี่ได้ดีเยี่ยมอย่างปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่วิศวกรพยายามบรรจงใส่ลงไปด้วยเช่นกัน
เพราะ “ความสะดวก ความสบาย” ดังกล่าวที่ได้พบเจอ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับการขับขี่ในเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความน่าประทับใจในการขับขี่นอกเมืองเช่นกัน ตอกย้ำได้อย่างชัดเจนในเรื่องของการใช้งาน ไม่ว่าจะในฐานะของ ยนตรกรรมอเนกประสงค์ หรือ เรื่องการบรรทุก ก็ตาม
Specification: Isuzu D-Max V-Cross 4×4 3.0 Ddi M 4-door A/T
- Price: 1,257,000 BHT
- Engine: Diesel / VGS Turbo / Intercooler 2,999 CC / 4 Cylinder / 16 Valve / 190 hp @ 3,600 rpm / 450 Nm @ 1,600-2,600 rpm
- Transmission: 6A/T / Two Wheel Drive
- Performance: 0 – 100 Km/h @ N/A / Top Speed @ N/A
- Weight: 1,940 Kg.