MAZDA CX-3 FOR YOUR URBAN LIFESTYLE
เราสัมผัสถึงความรุดหน้าของ Mazda ได้อย่างต่อเนื่อง และ CX-3 ก็เป็นหนึ่งในนั้น… อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ใกล้เคียงมากๆ ทีเดียว
ยอมรับเถอะว่า ทุกครั้งที่เรากำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจจะซื้อรถคันใหม่ เหตุผลหลักๆ ที่ขึ้นมาอยู่ใน Top lists ของเราก็คือ “ราคาขายต่อ” และนั่นทำให้หลายต่อหลายครั้ง เราพลาดอะไรดีๆ บางอย่างไป แน่ล่ะว่า ถ้าคุณซื้อรถจากแบรนด์ที่ไม่เข้าขั้นยอดนิยม คุณอาจต้องปวดใจกับเงินที่หายไป 40-60 เปอร์เซ็นต์ ของราคาที่ซื้อมาจากโชว์รูม เมื่อถึงเวลาต้องขายออกไป แต่เดี๋ยวก่อนนะ! มันจะเป็นอย่างไรล่ะ ถ้าคุณได้รถที่ตอบสนองการใช้งานของคุณอย่างตรงประเด็น และสร้างความประทับใจให้คุณได้ตลอดระยะเวลาที่คุณได้ครอบครองมัน?
ถูกแล้วครับ ผมกำลังหมายถึงการได้เป็นเจ้าของ CX-3 แบบเดียวกับคันที่คุณเห็นอยู่ในรูปนี่แหละ… Mazda เป็นแบรนด์ล่าสุดที่ก้าวเข้ามาร่วมวงในตลาด B-segment SUV ของไทย ซึ่งมี Nissan Juke มากรุยทางเอาไว้ให้ ตามมาด้วย HR-V จาก Honda ที่ขายดิบขายดีจนผลิตไม่ทัน รถแบบนี้คือความแปลกใหม่สำหรับประเทศไทย และด้วยราคาเริ่มต้นที่ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ในหลักแสน (และข้ามไปที่ 1 ล้านนิดๆ ถ้าเป็นเกรดสูงสุด เหมือนคันทดสอบของเรา) ทำให้ความฝันที่จะได้ครอบครอง SUV สักคัน ไม่ได้ไกลเกินจริงอีกต่อไป
ถึงพวกมันจะเป็น SUV คันเล็กจิ๋วไปหน่อยก็เถอะ…
CX-3 ก็เช่นกัน มันเป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัด เพราะแชร์แพลทฟอร์มกับ Mazda2 นั่นหมายถึง มันมีความยาวฐานล้อเท่ากันที่ 2,570 มม. แต่ตัวถังยาวกว่า 215 มม. และกว้างกว่า 70 มม. ในขณะที่ฐานล้อก็กว้างกว่าเล็กน้อยที่ 30 มม. จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่คุณสามารถลัดเลาะไปตามถนนการจราจรได้อย่างคล่องแคล่วเช่นเดียวกับซูเปอร์มินิทั่วไป แถมด้วยข้อดีของทัศนวิสัยที่ไกลขึ้นจากการเพิ่มความสูงระบบกันสะเทือนขึ้นอีก 40 มม. เมื่อเทียบกับ Mazda2 นอกจากนั้น ทั้งช็อคอับและสปริงก็ได้รับการปรับตั้งใหม่เพื่อความเหมาะสมกับส่วนสูงของมัน บุชของจุดยึดต่างๆ ก็เปลี่ยนมาใช้แบบที่มีความแข็งเพิ่มมากขึ้น ขณะที่หลายๆ ชิ้นส่วนของช่วงล่างก็ผลิตจากโลหะที่มีความแข็งแกร่งสูง แบบเดียวกับที่ใช้อยู่ใน Mazda3
รถของ Mazda หลังยุคมิลเลเนียม ทำให้ผมค่อยๆ หลงรักเพิ่มขึ้นๆ เรื่อยๆ พวกเขาโฟกัสไปที่สมรรถนะการขับขี่มากยิ่งขึ้น ผลผลิตในยุคหลังๆ จึงรุดหน้าไปอย่างก้าวกระโดด และแม้จะเป็นรถแบบ SUV อย่างเช่น CX-3 คันนี้ แต่มันก็ยังขับได้สนุก และทำให้คุณรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ด้วยช่วงล่างที่ปรับให้เฟิร์มขึ้นจาก Mazda2 ยนตรกรรมคันจิ๋วของเราจึงลัดเลาะไปตามเส้นทางได้อย่างกระฉับกระเฉง มันออกไปทางกระด้างนิดๆ แต่เมื่อรวมเข้ากับพวงมาลัยที่เฉียบคม (แม้จะถูกปรับอัตราทดให้ช้าลงเล็กน้อย และเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นนิดหน่อย เมื่อเทียบกับ Mazda2) และอัตราเร่งที่ทันอกทันใจแล้ว CX-3 คือความกลมกล่อมที่คุณไม่อาจหาได้จากรถคันไหนในคลาสเดียวกัน
ขุมพลัง 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ขนาด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที กับแรงบิดขนาด 204 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที คือหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ไขประตูแห่งความสำเร็จให้กับสมรรถนะของ CX-3 มันทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ได้อย่างสอดประสาน ที่ความเร็วต่ำในเมือง SUV ตัวเล็กจิ๋วจะแสดงให้คุณเห็นศักยภาพที่อยู่ในตัวได้อย่างชัดเจน มันคล่องแคล่ว, ปราดเปรียว และตอบสนองได้ตามใจปรารถนา แป้นคันเร่งที่เซ็ตมาให้แข็งเล็กน้อย ช่วยให้คุณกะประมาณน้ำหนักเท้าได้ง่าย และแน่นอนว่า CX-3 จะทำตามใจคุณได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คุณจะรับรู้ได้ถึงอัตราเร่งของมันทุกครั้งที่กดคันเร่งลงไป แค่กะระยะให้ดีและออกคำสั่ง CX-3 จะปฏิบัติตามบัญชาอย่างภักดี
นอกจากนั้น CX-3 ยังมาพร้อมกับระบบสนับสนุนการขับขี่ อาทิ ระบบ i-Stop ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เมื่อรถจอดอยู่กับที่ เพื่อช่วยลดอัตราสิ้นเปลือง, สัญญาณเตือนเมื่อมีรถข้างๆ เข้ามาใกล้ในขณะที่คุณกำลังจะเปลี่ยนเลน ซึ่งใช้งานได้ดีมากๆ สำหรับการขับขี่ในเมือง ขณะที่ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถเริ่มคร่อมเลน อาจรบกวนสมาธิอยู่บ้างเมื่อคุณกำลังจะเปลี่ยนเลน แต่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว มันจะส่งเสียง “ตื๊ดดดดด…” ต่ำๆ ออกมาทางลำโพงฝั่งที่คุณกำลังจะคร่อมเลน ซึ่งสำหรับผมแล้ว บอกตรงๆ ว่า บางทีก็ทำให้ตกใจได้เหมือนกัน และถ้าคุณเป็นเหมือนผมล่ะก็… สวิตช์ปิดระบบนี้ อยู่ใต้แดชบอร์ด ใกล้ๆ กับคอพวงมาลัยครับ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ถูกจัดสรรมาให้อย่างเต็มพิกัดภายในห้องโดยสารนี้ เรียกได้ว่าลิสต์ของมันยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว แต่ที่เป็นไฮไลต์จริงๆ คงหนีไม่พ้นระบบ Entertainment ที่คุณสามารถควบคุมการทำงานหลักๆ ได้ผ่านสวิตช์บนพวงมาลัย ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ จะทำได้จากจอยสติ๊กซึ่งติดตั้งไว้หลังคันเกียร์ หน้าตาของมันดูคล้ายกับ iDrive ของ BMW และก็ทำหน้าที่ใกล้เคียงกัน โดยข้อมูลต่างๆ แสดงผลผ่านจอภาพขนาด 7 นิ้ว ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางแดชบอร์ด
คุณจะพบว่าตัวเองถูกห้อมล้อมอยู่ท่ามกลางการตกแต่งที่มีคลาส เมื่อนั่งอยู่ใน CX-3 ทุกอย่างในนี้ช่างน่าหลงใหล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเลือกเกรด 2.0 SP แบบคันทดสอบของเรา ซึ่งจะได้เบาะนั่งและแผงข้างประตูหุ้มด้วยหนังสีดำ สลับกับผ้าหนังกลับ ด้ายสีแดง และหนังสีแดงเข้มในบางจุด ชิ้นส่วนที่ผลิตจากพลาสติกก็ได้รับการปรับปรุงให้มีผิวสัมผัสที่ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนทัศนวิสัยโดยรอบค่อนข้างดี อาจมีตำหนิบ้างตรงที่เบาะนั่งต่ำไปนิด และการปรับให้สูงขึ้นทำได้เพียงแค่ยกด้านหลังของเบาะรองนั่ง ซึ่งก็จะทำให้ตัวคุณไหลไปด้านหน้าได้ในขณะขับขี่ อีกอย่างก็คือ ด้วยราคาระดับล้านต้นๆ ควรจะเป็นเบาะปรับไฟฟ้ามากกว่าที่จะต้องใช้มือดึงไปมา
จากการใช้แพลทฟอร์มร่วมกับ Mazda2 ทำให้พื้นที่ในห้องโดยสารค่อนข้างจำกัด แม้เบาะคู่หน้าจะมีพื้นที่วางขาและเหนือศีรษะค่อนข้างเยอะ แต่เบาะหลังของ CX-3 กลับไม่ใช่ที่ซึ่งคุณจะอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะกับคนที่ตัวสูงมากกว่า 170 ซม.ขึ้นไป เนื่องจากมีพื้นที่เหนือศีรษะไม่มากนัก เบาะรองนั่งก็สั้นไปเล็กน้อย เช่นเดียวกับพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถที่แม้จะถูกขยายสัดส่วนให้ยาวขึ้นอีก 100 มม. จาก Mazda2 ทว่ามันกลับไม่กว้างขวางนัก (ซึ่งก็เป็นไปตามมิติของตัวรถ) และด้วยหลังคาที่ลาดต่ำ แม้เบาะหลังสามารถพับให้ราบเสมอกับพื้นท้ายรถได้ แต่คุณก็ไม่สามารถใส่สัมภาระที่มีความสูงมากๆ ได้
เช่นเดียวกับการเก็บเสียงที่ทำให้เราผิดหวังอยู่บ้าง แม้ในการใช้งานทั่วไปมันจะทำได้ดี แต่ที่ความเร็วเกินกว่า 140 กม./ชม. ขึ้นไป CX-3 กลับทำได้ไม่ดีอย่างที่มันควรจะเป็น เช่นเดียวกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่ดูจะเริ่มอิดออดเมื่อต้องขยี้มันที่รอบสูงๆ นั่นอาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะในชีวิตจริงคงไม่มีใครตะบี้ตะบันแบบนั้นบ่อยๆ เพียงแต่ผมอาจจะคาดหวังกับมันมากไปหน่อยเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังคงเส้นคงวาก็คือระบบบังคับเลี้ยวและประสิทธิภาพของช่วงล่าง CX-3 เกาะหนึบติดถนนอย่างสัมผัสได้ มันยังคงให้ความมั่นใจกับคุณได้ในระดับสูง แม้จะอยู่ในช่วงความเร็วที่ไม่ธรรมดา มือของคุณจะรับรู้ถึงความเป็นไปของล้อหน้าได้อย่างชัดเจนผ่านพวงมาลัย มันสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติไม่ต่างจากตอนคืบคลานในเมือง ทั้งแม่นยำ, เฉียบคม และสื่อสาร จากโค้งสู่โค้ง CX-3 อาจทำให้คุณหลงคิดว่ากำลังอยู่ใน Mazda3 Hatch เลยทีเดียว!
แต่ก็อย่าไปใส่ใจกับเรื่องนี้นักเลย… CX-3 ผุดขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของผม ไม่ใช่เพราะการใช้งานที่ความเร็วสูง แต่ด้วยความน่าประทับใจเมื่อต้องอยู่ร่วมกับมันในชีวิตประจำวันเสียมากกว่า ที่ทำให้รถคันนี้น่าลุ่มหลง แม้ในระดับ 1 ล้านบาท อาจมีตัวเลือกมากมายให้คุณได้คิด ไม่ว่าจะเป็นรถซีดานที่ช่วงล่างนุ่มนวลกว่า, MPV ที่จุผู้โดยสารได้มากกว่า หรือแม้แต่รถกระบะที่ขนาดใหญ่และขนสัมภาระได้เยอะกว่า ทว่ารถพวกนั้นจะมีความโดดเด่นเฉพาะด้าน ในขณะที่ CX-3 ทำได้ทุกอย่าง จริงอยู่ที่มันไม่ได้ทำได้ดีไปเสียหมด แต่ก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจไม่น้อย
มันเป็นรถที่คุณสามารถปรับตัวเข้าหาได้ภายใน 5 นาทีในการขับเพียงครั้งแรก ไม่มีอะไรซับซ้อนใน CX-3 แค่สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วก็ขับออกไป หลังจากนั้นคุณจะพบว่า อะไรๆ ก็ดูพอเหมาะพอเจาะไปเสียทั้งหมด ขนาดที่กะทัดรัด, อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบพร้อม, ตำแหน่งเบาะนั่ง, การบังคับควบคุม เรื่อยไปถึงพละกำลังของเครื่องยนต์และอัตราทดเกียร์ ที่ช่วยให้การขับขี่ในเมืองเป็นไปอย่างกระฉับกระเฉง CX-3 จะพาคุณไปทำงาน, ช้อปปิ้ง, แฮงค์เอาท์ หรือขนข้าวของที่คุณจับจ่ายใช้สอยมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต ได้อย่างไม่มีปัญหา แถมด้วยความสูงของตัวรถที่ช่วยให้คุณขับมันไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องกังวลว่ากันชนหรือใต้ท้องรถจะไปครูดกับอะไรเข้า บวกกับความสามารถแบบออฟโรด (แต่ต้องแบบซอฟต์คอร์นะ) หากคุณต้องการใช้ชีวิตแบบเอาท์ดอร์ในวันหยุดสุดสัปดาห์
ราคาขายต่ออาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับ CX-3 เพราะผมมั่นใจว่าคุณจะได้รถที่คุ้มค่ากับทุกบาททุกสตางค์ที่คุณจ่ายไปอย่างแน่นอน นี่คือรถที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ตรงประเด็นที่สุด และขับใช้งานในเมืองได้เหมาะสมที่สุด มันอาจไม่โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ก็สามารถทำทุกอย่าง เท่าที่รถยนต์คันหนึ่งจะทำได้
จนเมื่อถึงวันที่คุณต้องขายมันออกไป ไม่ว่าจะได้ราคาเท่าไหร่ในตอนนั้น ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ดี