จากบททดสอบของมาสด้า กับ ทริป มาสด้า BT 50 ตะลุยแดนมองโกล ที่จัดกิจกรรมทดสอบที่ดีที่สุดในต้นปีนี้ที่ผ่านมาสำหรับสื่อมวลชนเป็นการเริ่มต้นแนวทดสอบที่สร้างการเดินทางเพื่อแสดงความทรหดและสมรรถภาพของรถได้อย่างชัดเจน อีกทั้งทำให้รู้จักรถว่าสามารถตอบสนองได้ทุกเส้นทาง ตอกย้ำความแกร่งสไตล์ MAZDAได้อย่างลงตัว จากการทดสอบครั้งนั้นทำให้ทาง MAZDA THAILAND จัดกิจกรรมทดสอบในระดับประเทศในกลุ่มอาเชี่ยน โดยใช้ชื่อในการเดินทางครั้งนี้ว่า MAZDA SKYACTIV ASIAN CARAVAN โดยครั้งนี้เป็นการนำรถกลุ่ม SKYACTIV ทุกรุ่น คือ MAZDA2, MAZDA3, MAZDA CX3, MAZDA CX5 ซึ่งเป็นเครื่องเบนซินเท่านั้น เดินทางตั้งแต่ประเทศไทยบริเวณ พระบรมรูปทรงม้า มุ่งหน้าสู่ประเทศลาว เดินทางต่อเนื่องเข้ามาที่ประเทศเวียดนาม ขับลงมาจนเข้ากัมพูชา ออกด่านที่จังหวัดตราด เพื่อกลับมาประเทศไทย โดยมีระยะการเดินทาง 4,000 กว่า กิโลเมตรโดยตลอดเส้นทางมีทั้งทางปกติ ขึ้นเขา ตามแต่สภาพของประเทศนั้นๆ เพื่อเป็นการเปิดตัวให้กลุ่มประเทศอาเชี่ยนที่มีลักษณะภูมิประเทศเหมือนและคล้ายประเทศไทย ได้รับรู้ความต่อเนื่องของระบบ SKYACTIV ได้อย่างดีเยี่ยมนั่นเอง
ในการทดสอบของ MAZDA SKYACTIV ASIAN CARAVAN นี้ได้แบ่งคณะสื่อมวลชนเพื่อทดสอบจำนวน 3 กลุ่ม หลักคือกลุ่มแรก จาก ลานพระบรมรูปทรงม้าถึงเมืองฮานอยประเทศเวียดนามตอนเหนือ กลุ่มที่2 จากฮานอยประเทศเวียดนามเหนือมุ่งหน้าสู่นครโฮจิมินห์ซิตี้ประเทศเวียดนามใต้ และกลุ่มสุดท้ายเดินทางจากโฮจิมินห์ซิตี้ประเทศเวียดนามใต้เข้ากัมพูชาและผ่านออกมาทางตราดนั่นเองระยะเวลาเดินทางตั้งแต่ 27 มิถุนายน 2559 – 5 กรกฎาคม 2559 รวม 10 วันกับ 4,000 กว่ากิโลเมตรกับสภาพเส้นทางและอากาศเท่าที่สัมผัสได้ไม่ต่างจากประเทศไทยนั่นเอง ในการทดสอบครั้งนี้ทาง หนังสือ TORQUE MAGAZINE และ TORQUE THAILAND.COM ได้มีโอกาสทดสอบรถในกลุ่ม MAZDA SKYACTIV ASIAN CARAVAN เป็นกลุ่มที่ 2 ของการทดสอบนี้
โดยเริ่มออกเดินทางจากประเทศไทย วันที่ 29 มิถุนายน 2559 ตั้งแต่ช่วงเช้าโดยการนัดหมายกับทีมพี่ PR ของ MAZDA เมื่อถึงเวลาก็นั่งเครื่องมาลงที่เมือง ฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นโซนเวียดนามเหนือ เมื่อถึงฮานอยกิจกรรมแรกที่เราสามารถรับรู้ถึงวัฒนธรรมหลักของเวียดนามคือการขับขี่โดยใช้สัญญาแตร คือเนื่องด้วยที่เวียดนามยังเป็นลักษณะประเทศพึ่งเปิดไม่นาน ระบบในการคมนาคมยังค่อยข้างวุ่นวายเมื่อเทียบกับประเทศไทยคือทุกแยกพร้อมจะมีรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ผ่าไฟแดงได้อย่างสม่ำเสมอ โดยประเทศเวียดนามมีประชากรทั้งประเทศอยู่ราวๆ 90 ล้านคน แต่การเดินทางเนื่องจากมีระบบรายได้เป็นตัวกำหนดนั้นทำให้คนส่วนใหญ่จะใช้ รถมอเตอร์ไซค์เป็นจำนวนมากคิดเป็นสัดส่วนคือ 2:1 พูดง่ายๆไม่งง คือคนเวียดนามทุก 2 คน จะใช้มอเตอร์ไซค์ 1 คันก็มากถึง 45 ล้านคัน
โดยรถส่วนใหญ่ถ้าเทียบปัจจัยด้านราคาแล้วจะแพงกว่าประเทศไทย 30-40% เลยทีเดียว แต่ลักษณะการซื้อรถนั้นจะซึ้อเป็นเงินสด ด้านทางเดินรถประเทศเวียดนามจะสลับช่องทางเดินรถกับประเทศไทยอย่างชัดเจนทำให้เราต้องปรับตัวเป็นอย่างมากสำหรับการเดินทางหรือขับขี่ในช่วงแรก เพราะรถที่เวียดนามจะเป็นรถ พวงมาลัยซ้าย ทั้งหมดนั่นเอง ในส่วนของเมืองฮานอย นั้นเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน มีประชากรอยู่ประมาณ 7,100,000 ล้านคน ซึ่งถ้าเทียบเป็นตารางกิโลเมตรจะเท่ากับ 2,100 คน/ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งฮานอยนี้แต่ก่อนตอนที่ประเทศเวียดนามแบ่งเป็นเวียดนามเหนือและใต้นั้น เมืองหลวงฮานอยนี้ได้เป็นเมืองหลวงหลักมาโดยตลอด จะมีช่วงเปลี่ยนแปลงก็สมัยย้ายเมืองหลวงไปเมืองเว้เท่านั้นแต่พอตกไปอยู่ในส่วนของอินโดจีนฝรั่งเศส เมืองฮานอยก็กลับมาเป็นเมืองหลวงเหมือนเดิมในปี 2430 โดยภายหลังได้มีการประกาศอิสรภาพในช่วงที่มีการแยกดินแดงเวียดนามเหนือและใต้ ในปี 2519 จึงทำให้เมืองฮานอยได้เป็นเมืองหลวงหลักหนึ่งเดียวจนถึงทุกวันนี้ ในการทดสอบของกลุ่ม 2 ในชุด MAZDA SKYACTIV ASIAN CARAVAN เราได้มาเจอเพื่อรับช่วงเดินทางต่อจากลุ่มแรกที่เมืองฮานอย นี้นั่นเอง
โดยช่วงแรกของการขับรถในวันแรกที่เวียดนามนั้นมีจุดหมายปลายทางจาก เมืองฮานอยไปเมือง ด่งเฮ้ย ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลนั่นเอง หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็มารับกุญแจจากทีมงาน วันนี้วันแรกประเดิมกับ MAZDA CX3 สำหรับรถรุ่นนี้ในเวียดนามถือว่าเป็นรถที่มีความแปลก ตัวรถถูกมองด้วยสายตาของคนเวียดนามเพราะเท่าที่ดูยังไม่เห็น CX3 วิ่งในเวียดนามตลอดการเดินทางแต่เรากับเจอ MAZDA 6 ที่ฮานอยเยอะพอสมควร ด้วยรูปทรงที่มีแนวการออกแบบแนว KODO Design เน้นแนวความคิดแบบ See the World in New Angle หรือการมองโลกมุมใหม่ อิสระไร้ขีดจำกัด ด้วยขนาดตัวรถที่มองจากภายนอกดูไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไปทำให้การขับขี่เป็นไปได้คล่องแคล่ว ถ้าพูดถึง KODO Design นั้นใน New MAZDA CX3 จะเห็นการออกแบบที่โค้งมนแบบมีเส้นสายที่ทรงเสน่ห์ โคมไฟแบบใหม่ที่เป็นแบบ LED และมี Daytime Running Lamp ทำให้ MAZDA CX3 เป็นเหมือนรถที่มี Design ที่ลงตัวนั่นเองและเนื่องจากค่ายรถ MAZDA มักจะให้ขนาดล้อที่ใหญ่เหมะกับซุ้มล้อเป็นขนาดมาตราฐานจากโรงงาน ตรงนี้เมื่อมองด้านข้างจะสัมผัสได้ถึงการทรงตัวและความมั่นคงของฐานล้อและการออกแบบที่ดีมาก
โดยในการขับขี่ในเมืองหลวงฮานอยซึ่งออกเดินทางประมาณเกือบๆ 8 โมงเช้าจากโรงแรมที่เราพักช่วงแรกของการขับขี่ครึ่งวันเช้าจะเป็นบัดดี้ คุณลิขิต น้าประเสริฐ จาก บก. นิตยสาร 4WHEEL ในเครือฟอร์มูล่า ในการออกเดินทางสภาพอากาศมีฝนตกพร่ำๆสลับแรงเล็กน้อย สภาพการจารจรของเวียดนามปกติขับค่อนข้างหนาแน่และดูอันตรายสำหรับคนไทยที่ไปขับขี่ที่เวียดนามในครั้งแรกแน่นอน ด้วยเกี่ยวกับกฎหมายที่ทางเวียดนามบังคับใช้ค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับการใช้ความเร็วโดยจะมีป้ายบอกว่าตอนนี้กำลังเข้าเมืองจะใช้ความเร็วได้เต็มที่ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจะมีตำรวจจราจรบันทึกรถที่มีความเร็วเกินในระหว่างการเดินทางในเมือง เมื่อถูกบันทึกความเร็วเกินแล้วจะถูกส่งไปให้ตำรวจจราจรที่ประจำตรงปลายทางออกเมืองของเมืองๆนั้นๆเป็นรูปภาพหลักฐานที่มีทะเบียนรถและความเร็วเกินกำหนดในรูปอย่างชัดเจน โดยทางทีมงานเคยเล่าให้ฟังว่าจัดทัวร์เวียดนามประกอบด้วยมอเตอร์ไซค์ 15 คันและรถกระบะ 2 คันโดยปรับความเร็วในการขับเกินปกติในเมืองค่าปรับสูงถึง 30,000 บาทไทย อันนี้ต่อลองลดราคาแล้ว ดังนั้นคนเวียดนามจึงกลัวกฎหมายจราจรมากไม่กล้าทำผิดเพราะถ้าทำผิดโดยปรับแล้วยังโดยยึดใบขับขี่อีก 3 เดือนด้วย
โดยทะเบียนรถปกติที่วิ่งในเวียดนามแบ่งง่ายๆ 3 สี คือ ทะเบียนรถของเอกชนจะใช้ดำขาวเหมือนประเทศไทย ส่วนทะเบียนรถของราชการจะเป็นสีฟ้า และของทหารทะเบียนจะเป็นสีแดง ซึ่งถ้ามีรถทะเบียนสีแดงไล่แซงเรา เราต้องหลบทันทีเพราะที่เวียดนามทหารยังเป็นอาชีพที่มีอำนาจมากที่สุด ในการขับ MAZDA CX3 ช่วงเช้ากับรถติดมากในเวียดนามดูคล่องตัวสูง ระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับเบรคได้ใช้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ร่วมกับระบบหยุดรถอัตโนมัติ (SCBS) เนื่องจากการขับขี่ในเมืองฮานอยเพื่อออกมาชานเมืองเข้าถนนเส้นหลัก AH1 (ซึ่งเป็นถนนเส้นเดียวที่วนไปรอบเวียดนามเหนือและใต้ ) โดยใช้เวลาอยู่ในเมืองเกือบ 2 ชั่วโมงกับระยะการเดินทางเพียงแค่ 20 กว่ากิโล ด้วยความแออัดนี้ทำให้เกิดการเบียดแย่งและการเร่งเพื่อเกาะขบวนให้ใครมาแทรกทำให้ระบบดังกล่าวคอยช่วยในกรณีที่เราเผลอหรือเร่งแล้วโดยตัดหน้ากระทันหัน อีกทั้งระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับของสายตาในขณะที่เปลี่ยนเลน (ABSM) จะติดตั้งอยู่ในกระจกมองข้างเป็นรูปสีเหลี่ยมๆ 2 อัน จะเกิดไฟสีส้มเห็นชัดเจนขึ้นในขณะที่มีรถอยู่ในมุมอับของสายตาจึงช่วยลดปัญหาในการแซงเพื่อตามขบวนได้อย่างดีเยี่ยม
โดยเมื่อออกนอกเมืองฮานอยแล้วนั้นขุมพลัง 2,000 ซีซี ของเครื่อง CX3 SKYACTIVนั้นไม่ทำให้ผิดหวังสามารถใช้ความเร็วได้อย่างใจแต่ติดที่ถนนวิ่งระหว่างเมืองนั้นมีการกำหนดความเร็วอีกเหมือนกันคือความเร็วที่ใช้ระหว่างเมืองหนึ่งไปยังเมืองหนึ่งนั้น จะใช้ความเร็วไม่เกิน 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เราก็ยังเพลินกับอุปกรณ์ต่อเชื่อมระบบสื่อสารต่างๆในรถไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบโทรศัพท์แฮนด์ฟรี หรือการเชื่อมต่อบลูทูธ กับโทรศัพท์มือถือนั่นเอง รวมถึง USB ที่สามารถใช้สายเสียบเป็นการลิงค์ข้อมูลเพลงได้ในทันทีใช้ง่ายตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ได้ทุกช่วงวัย โดยจุดหมายปลายทางที่จะพักของ กลุ่ม 2 ในการเดินทางทดสอบ MAZDA SKYACTIV ASIAN CARAVAN วันแรกคือเมือง ด่งเฮ้ย โดยเป็นเมืองที่ติดชายทะเลของเวียดนามอยู่ในส่วนเวียดนามเหนือโดยระยะเดินทางวันแรกเกือบ 500 กิโลเมตรเราออกจากเมืองหลวงฮานอยใกล้ๆ 8 โมงเช้าแต่มาถึง เมืองด่งเฮ้ย ตอน 2 ทุ่มกว่าๆ ระยะเวลาอยู่บนรถที่นานแสนนานมากแต่ทำให้เรารู้จักรถ MAZDA CX3 ทุกอย่าง ความประทับใจคือการเร่งความเร็วที่ทันใจกับระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมทำให้คนขับและบัดดี้มาถึงที่พักในวันแรกโดยปราศจากปัญหาใดๆ
โดยเมื่อออกนอกเมืองฮานอยแล้วนั้นขุมพลัง 2,000 ซีซี ของเครื่อง CX3 SKYACTIVนั้นไม่ทำให้ผิดหวังสามารถใช้ความเร็วได้อย่างใจแต่ติดที่ถนนวิ่งระหว่างเมืองนั้นมีการกำหนดความเร็วอีกเหมือนกันคือความเร็วที่ใช้ระหว่างเมืองหนึ่งไปยังเมืองหนึ่งนั้น จะใช้ความเร็วไม่เกิน 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เราก็ยังเพลินกับอุปกรณ์ต่อเชื่อมระบบสื่อสารต่างๆในรถไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบโทรศัพท์แฮนด์ฟรี หรือการเชื่อมต่อบลูทูธ กับโทรศัพท์มือถือนั่นเอง รวมถึง USB ที่สามารถใช้สายเสียบเป็นการลิงค์ข้อมูลเพลงได้ในทันทีใช้ง่ายตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ได้ทุกช่วงวัย โดยจุดหมายปลายทางที่จะพักของ กลุ่ม 2 ในการเดินทางทดสอบ MAZDA SKYACTIV ASIAN CARAVAN วันแรกคือเมือง ด่งเฮ้ย โดยเป็นเมืองที่ติดชายทะเลของเวียดนามอยู่ในส่วนเวียดนามเหนือโดยระยะเดินทางวันแรกเกือบ 500 กิโลเมตรเราออกจากเมืองหลวงฮานอยใกล้ๆ 8 โมงเช้าแต่มาถึง เมืองด่งเฮ้ย ตอน 2 ทุ่มกว่าๆ ระยะเวลาอยู่บนรถที่นานแสนนานมากแต่ทำให้เรารู้จักรถ MAZDA CX3 ทุกอย่าง ความประทับใจคือการเร่งความเร็วที่ทันใจกับระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมทำให้คนขับและบัดดี้มาถึงที่พักในวันแรกโดยปราศจากปัญหาใดๆ
เมื่อแวะเก็บบรรยากาศพอสมควรแล้วก็มุ่งหน้าต่อไปยังที่พักเย็นนี้ระหว่างทางเราได้แวะสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากๆในอดีตของเวียดนามคือเส้นขนานที่ 17 ประวัติมีว่าตรงนี้จะมีสะพาน 2 สีใช้แบ่งแยกเวียดนามเหนือและใต้ในอดีตที่ยังแยกประเทศกันอยู่จุดนี้ถ้าคนที่อยู่ในช่วงสงครามนั้นจะรู้สึกถึงความขมขื่นอย่างมากเพราะเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลกเนื่องจากต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพราะเป็นช่วงสงครามทำให้เกิดการพลัดพรากระหว่างครอบครัวบ้างพ่ออยู่เวียดนามใต้ แม่กับลูกอยู่เวียดนามเหนือได้แต่มองดูกันคนละข้ามของฝั่งสะพานซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอดีตนั่นเอง โดยรูปสะพานจะเป็น 2 สี สีฟ้าจะเป็นฝั่งเวียดนามเหนือ สีเหลืองจะเป็นฝั่งเวียดนามใต้
ต่อมาเรามาแวะสถานที่ในอดีตที่มีการสู่รบและก่อให้เกิดการขุดอุโมงค์เพื่อหลบกระสุนปืนใหญ่ อุโมงค์นี้ชื่อว่า วินมก เป็นอุโมงค์ที่ใช้หลบภัยในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันถูกพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ผ่านอุโมงค์ที่เจาะผ่านภูเขาชื่อ อุโมงค์หายเวิน โดยมีระยะจากทางเข้าสุดทางออกยาวถึง 6.28 กิโลเมตร ซึ่งตรงนี้ช่วยย่นการเดินทางได้จากเวลาปกติประมาณ 3-4 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยในอุโมงค์นี้ได้ถูกสร้างจากรัฐบาลจีนนั่นเอง โดยรถที่จะวิ่งเข้าอุโมงค์ได้จะเป็นรถ 4 ล้อเท่านั้น ถ้ามอเตอร์ไซค์ จะเข้ามาวิ่งนั้นไม่ได้ยกเว้นมีบริการขนมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถขนเพื่อบรรทุกผ่านอุโมงค์นี้ค่าใช้จ่ายอยู่ราวๆ 100,000 ดอง โดยการขับขี่ตลอดทั้งวันนี้ยังคงอยู่กับ MAZDA 2 ถึงจะเป็นน้องเล็กที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ไม่ว่าขนาดตัวรถและเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กว่ารุ่นพี่ทั้ง 3 รุ่นเพียง 1500 ซีซี เนื่องจากเป็นเครื่องที่ออกแบบจากตระกูล SKYACTIV ย่อมไม่มีคำว่าธรรมดาอยู่แล้ว โดยเครื่องตัวนี้เป็นเครื่องเบนซินที่มาพร้อมกับอัตราเร่งแซงไม่แพ้รุ่นพี่ในตระกูลเลยไม่ว่าจะเป็นเครื่องที่ประจำการณ์อยู่ใน MAZDA3 , MAZDA CX3 หรือ MAZDA CX5 เมื่อถึงเวลาที่ต้องนำพาร่างกายพุ่งไปกับรุ่นใหญ่ในรูปแบบของขบวนก็วิ่งตามได้แบบสบายไม่เหนื่อย
ตลอดการใช้งานจุดที่ชอบมากที่สุดคงเป็นอุปกรณ์บอกความเร็วแบบสะท้อนดิจิตอลตรงบริเวณเหนือหน้าปัทม์ ที่ทำให้เราดูรู้สึกว่าขับรถแข่งอยู่ทีเดียว ด้านระบบช่วงล่างหนึบนิ่มแบบสบายตามลักษณะของรถ MAZDA ทำให้ตลอดการขับขี่นั้นง่ายไม่ยากถึงจะใช้รถที่มีเครื่องขนาดเล็ก และที่สำคัญระบบความปลอดภัยกลับได้มาเหมือนรุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นระบบ กันล้อล็อค 4W-ABS มากับรถ MAZDA2 เป็นอุปกรณ์ฆาตราฐาน และถุงลมนิรภัยคู่หน้าทั้งคนนั่ง และคนขับทำให้เรามั่นใจในการเดินทางว่าทุกอย่างที่ MAZDA เตรียมไว้ในรถ MAZDA2 สามารถสร้างความรู้สึกปลอดภัยได้ตลอดการเดินทาง จนเวลาประมาณเดิมๆเหมือนเมื่อวานก็ถึงที่หมายสำหรับพักผ่อนในคืนนี้ที่อยู่ ฮอยอันหรือ โหย่อาน นั่นเองหลังจากพักทานข้าวเอาของเก็บเรียบร้อยก็มาเดินดูวิถีชาวบ้านในยามค่ำคืนกัน โดยไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นชาวเวียดนามจะมานั่งดูแม่น้ำกันเป็นคู่ๆหรือกลุ่มๆ โดยจะมีร้านค้าขายน้ำอ้อยผสมมะนาวจำหน่ายพร้อมกับปลาหมึกแห้งย่าง ดูก็แนวๆดีเหมือนกัน
ตื่นเช้าด้วยบรรยากาศที่ดีมากเนื่องจากเป็นเมืองที่ใกล้ทะเล ทำให้มีความสดชื่นมากยิ่งขึ้นวันนี้เปลี่ยนมาขับ MAZDA3 ซึ่งการขับคงเหมือนเดิมขับในช่วงบ่ายครับ ช่วงเช้าเลยสามารถเก็บบรรยากาศได้เยอะพอสมควรโดยออกเดินทางตอนเช้ากว่าเดิม 1 ชั่วโมง จุดหมายวันนี้ออกจาก เมืองฮอยอัน มุ่งหน้าสู่ เมืองตุยหวา ระยะทางวันนี้ 400 กิโลเมตร ดูจากเอกสารที่แจกให้คนทดสอบก่อนออกเดินทาง ถ้าปกติบ้านเรา 400 กิโลเมตรก็ไม่เกิน 5 ชั่วโมงถ้าวิ่งต่อเนื่องไม่พักมากก็คงถึงสำหรับประเทศเวียดนามนี่ ออกจากโรงแรม 8.00 โมงเช้าเลยนะครับและถึง ทุ่มกว่าๆ ตอนค่ำกันเลยทีเดียวเหตุผลเงื่อนไขเดิมครับจำกัดความเร็ว ระหว่างทางวันนี้เส้นทางถูกบังคับให้ขึ้นเขาเป็นขบวนขับตามรถนำขบวนมาเรื่อยๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด ณ ตรงถนนขึ้นเขานี้ทางผู้ทดสอบได้มีโอกาศรู้จักกับรถ MAZDA3 อย่างถ่องแท้
ในการขับเป็นขบวนคือมีเงื่อนไขที่ต้องตามกลุ่มให้ทันเรามีการสื่อสารที่ต่อเนื่องจากคันนำขบวน ตรงช่วงที่เกิดการตอบสนองหลายๆอย่างและเทคโนโลยี SKYACTIV ทุกระบบของ MAZDA 3 นั้น เมื่อสิ้นคำพูด “ออกมาเลยครับว่าง” ตรงนั้นเป็นถนนขาลงเข้าแบบโค้งเลี้ยวไปทางซ้าย ด้วยการตอบสนองของเครื่อง MAZDA3 เรากดคันเร่งขึ้นไปทันทีตัวรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วกับเครื่องยนต์ 2000 ซีซี ที่มีระบบไอเสียแบบสูตร 4-2-1 ช่วยเพิ่มการเร่งสูงสุดได้เร็วและดียิ่งขึ้นทันใจในการเร่งแซง โดยผู้เขียนเป็นรถคันหน้าที่ต้องแซงรถ 18 ล้อที่ลงเขาแบบความเร็วปกติและมีน้องทีมทดสอบตามมาอีกคันในรถอีกคันด้านหลังเมื่อจะพ้นรถ 18 ล้อดังกล่าว ในเลนที่เปิดคันเร่งเติมที่ส่งมานั้นมีรถสวนเป็น 18 ล้อเหมือนกัน เกิดอุทานมากมายในรถ แต่เป็นเพราะระบบต่างๆที่มาในระบบ SKYACTIV มาช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ในวินาทีนั้นได้ยกคันเร่งออกแล้วทำการโยนรถไปทางขวาหน้ารถที่แซงมาผมเกิดอาการท้ายส่ายดึงซ้ายดึงขวา ด้วยระบบ Dynamic Stability Control (DSC) ช่วยซับอาการส่ายที่เกิดขึ้นจากการเหวี่ยงทำให้เกิดความเสถียรในการทรงตัวให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว และในขณะที่โยนรถไปทางขวานั้น ระบบ Traction Control System (TCS) ที่ช่วยลดการลื่นไถลที่ไม่จำเป็น ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ช่วยได้อย่างดีเยี่ยม โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่ออาการรถปกติแล้วมองดูที่กระจกหลังพบน้องอีกคันได้ตามมาก็กดคันเร่งส่งต่อโดยกำลังเครื่องหลังจากที่เรายกคันเร่งไม่ได้สูญหายไปเลยทำให้ทั้ง 2 คันเข้าขบวนได้อย่างปลอดภัย
หลังจากผ่านจุดระทึกแล้ว ก็ขับขี่ต่อมายังสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ คนพื้นที่หรือไกด์บอกว่า เราเป็นกลุ่มคนไทยกลุ่มแรกที่มา ณ ตรงนี้กับจุดชมวิว ด๋าได๋ ความพิเศษคือตรงที่เราจดรถก่อนทางเข้า วิวแถวนี้สวยมาก ตรงนี้ผมเป็นจุดที่ 3 ที่สวย งานแต่จุดที่ 2ลืมบอกไปว่าอยู่ตรงเส้นขนานที่ 17 ครับ ลงจากรถรีบเดินไปดูความสวยงามของเกาะและทะเล กดภาพอยู่สักพัก ไกด์เดินมาตามพวกเราบอกว่าข้างในสวยกว่านี้ ตรงนี้เดินไปไกลพอสมควรจะเจอทางลงไปยังโขดหินครับ ที่บอกว่าสวยคือโขดหินที่ลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยม เรียงซ้อนกันตามแนวสันหินตั้งนั่นเอง โดยหินตรงนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ได้เป็นฝีมือขอมนุษย์อย่างแน่นอน เมื่อดูเสร็จก็มุ่งหน้าสู่ที่พักของคืนนี้ที่ เมืองตุยหวา
กลับการทดสอบขับวันสุดท้ายในเวียดนาม ตอนนี้เราอยู่ใกล้เวียดนามใต้ที่เป็นจุดหมายปลายทางคือ นครโฮจิมินห์ เพียง 550 กิโลเมตรเท่านั้นการทดสอบของกลุ่ม 2ก็จะเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ วันนี้ออกเดินทางเช้ากว่าเดิมคือ 7.00 โมงเช้าล้อต้องหมุนทันที เราเดินทางออกจากที่พักพร้อมรถอีกรุ่นซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของการทดสอบนี้กับ MAZDA CX5 คำอธิบายง่ายๆครับ ความสบายของสายเดินทางที่ไม่รู้จบ ในช่วงแรกของการเดินทางเจอเขาเหมือนเดิม ด้านความสูงของตัวรถกับระบบ SKYACTIV ของเครื่อง เกียร์ และช่วงล่าง ดีไปหมดทุกอย่างจริงๆ มิน่าหลายคนที่ใช้รุ่นนี้อยู่ถึงบอกว่าเป็นรถครอบครัวที่ดีเยี่ยมจริงๆ ถนนวันนี้ไม่มีอะไรหวือหวามากแต่ เรามีเวลาที่ต้องไปถึง นครโฮจิมินห์ ให้ทันกับการส่งต่อรถให้กับผู้ทดสอบกลุ่ม 3 ที่มารอเราที่ นครโฮจิมินห์ ตั้งแต่ตอนสายของวันนี้
โดยระหว่างทางข้อจำกัดด้านความเร็วคงเป็นปัจจัยหลักในการเดินทางเหมือนเดิม ทำให้การทำเวลาสำหรับการเดินทางโดยใช้เส้นทางหลายรูปแบบเกิดขึ้นโดยอาศัยปัจจัยจากผู้นำขบวนเป็นการแจ้งเพื่อแซงหรือ รอก่อนแต่ก็มีบางครั้งเมื่อเบี่ยงหัวรถออกมาแล้วถูกเบรกด้วยคำพูด ยกเลิกมีรถสวน ถือเป็นการสร้างความเป็นกันเองและเป็นเรื่องเล่าขำขันเมื่อ จบการทดสอบโดยไม่มีความเสียหายและอุบัติเหตุ โดยถนนที่เราเดินทางเข้า นครโฮจิมินห์ ยังเป็นเส้น AH1 ดังนั้นจำนวนประชากรในท้องถนนนี่โคตรเยอะแต่ด้วยการที่เรามาขับขี่และรับรู้วัฒนธรรมของคนเวียดนามมา 4 วันแล้วนั้น วันนี้จึงถือเป็นเรื่องเกือบปกติสำหรับผู้ทดสอบเลยที่เดียวในเส้นการทดสอบนี้ในด่านผ่านเมืองสุดท้ายก่อนเข้าโฮจิมินห์ เมื่อจ่ายค่าผ่านทางแล้วตรงจุดนี้จะเป็นทางด่วนที่ใช้เข้าเมืองกำหนดความเร็วอยู่ที่ 120 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง แต่เนื่องจากเวลาที่ถูกกำหนดไว้ทำให้ทั้งทีมวิ่งด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง MAZDA CX5 ไม่ทำให้ผิดหวังเลยสามารถพาไปจนลงทางด่วนได้ในเวลาไม่นาน
และด้วยสภาพทางที่เข้าช่วงหัวค่ำแล้วในขณะใช้ความเร็วบนทางด่วน ด้วยระบบ ALH (Adaptive LED Headlamps) ตรงจุดนี้ได้อ่านข้อมูลมาระดับหนึ่งจึงสังเกตการส่องสว่างของไฟ ด้วยระบบอัจฉริยะของระบบนี้ช่วยทำให้วิสัยทัศน์ดูง่ายขึ้นในการขับขี่ช่วงกลางคืน และทำให้สามารถกำหนดระยะแซงได้อย่างแม่นยำ จนถึงทางลงเพื่อเข้าตัวเมือง นครโฮจิมินห์ รถติดมากมายยิ่งกว่าวันไหนๆ ผู้ทดสอบมีโอกาสได้ทดสอบระบบเบรกของ MAZDA CX5 คือระบบ ESS (EMERGENCY SIGNAL SYSTEM) ระบบนี้จะทำงานในกรณีที่มีการเบรกฉุกเฉิน ซึ่งตรงนี้การขับต่อกันเป็นขบวนเพื่อไม่ให้ใครเข้ามาแทรกได้นั้นก็ต้องมีการเร่งและเบรกตลอดเวลา โดยเมื่อมีการกดเบรกแบบฉุกเฉิน ระบบจะทำการสั่งให้ไฟสัญญาณฉุกเฉิน ทำงานเพื่อเป็นการแจ้งกับรถคันหลังให้ชลอหรือระวัง และเมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรกไฟฉุกเฉินจะหยุดทันที ซึ่งระบบนี้เป็นระบบช่วยที่สนองความรู้สึกต่อคนขับรถที่ตามเรามาให้เราระวังมากขึ้น มีประโยชน์อย่างมากในการใช้ในเมืองที่มีการจารจรวุ่นวายและมีรถเยอะอย่างประเทศในกลุ่มอาเซี่ยนนั้นเอง
จากการทดสอบ MAZDA SKYACTIV ทุกรุ่นในการเดินทางตั้งแต่เมืองหลวงฮานอย สู่ นครโฮจิมินห์ ในครั้งนี้ทำให้เราเข้าในความเป็น SKYACTIV ที่สื่อสารด้วยการตอบสนองมากมายในแต่ละวันของรุ่นรถ ถ้าคนเคยใช้รถ MAZDA ตั้งแต่อดีต ย่อมรู้ว่า MAZDA นั้นมีการเพิ่มเทคโนโลยีมากมายเพื่อตอบสนองให้ MAZDA มีรูปธรรมที่ชัดเจนในปัจจุบัน หนึ่งในนั้นคือ SKYACTIV ผู้ทดสอบได้สัมผัสจากประสบการณ์จริง ทุกรุ่น ทำให้เข้าในอย่างหนึ่งว่า MAZDA ทำการบ้านมาเยอะมากกว่าจะมาถึงตรงนี้ ถ้ามองตรงจุดการประชาสัมพันธ์ของ MAZDA นั้นครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงทุนที่สุดยอดกับการสร้างประวัติศาสตร์ 4,000 กิโลใน 10 วัน เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดในรถหลายๆรุ่น ถ้ามองกระแสจากประเทศไทย MAZDA ประเทศไทยมีการจำหน่ายที่ดีขึ้นทุกไตรมาสเนื่องจากการ ดีไซน์ ที่ถูกใจวัยรุ่น คนทำงาน และการเริ่มสร้างครอบครัว MAZDA ประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ที่ครบและคุณภาพเยี่ยมในทุกวัยของการใช้รถจริงๆ ขอขอบคุณ MAZDA ประเทศไทยที่ให้ TORQUE MAGAZINE และ TORQUETHAILAND.COM ได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้กับรถที่ดีที่สุดในการทดสอบในเอเซี่ยน กับ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN.