Volvo S90 T8 Twin Engine AWD Plug-in Hybrid

หลังจากนำร่องขุมพลัง T8 Twin Engine AWD ในรถอเนกประสงค์ ทำเซอร์ไพรส์ให้สาวกเมืองไทยไปแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วของยนตรกรรมสุดหรูอย่าง Volvo S90 กันบ้าง … มาดูกันสิว่า “ซีดาน มาดผู้ดี สวีเดน จะเผ็ดร้อน” ได้แค่ไหน

ก่อนอื่นต้องขอเอ่ยปากชมจากใจเลยว่า ยนตรกรรมเจเนอเรชั่นใหม่ๆ จากค่าย Volvo นี่เค้ามาพร้อมกับความ “งดงาม เลอค่า” ซะจริงๆ โดยเฉพาะในเรื่องของงานดีไซน์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดเล็กน้อย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผู้ที่พบเห็น และได้สัมผัสต่างก็เกิดความหลงใหล และเราเองก็เป็นหนึ่งคนกลุ่มคนที่รู้สึกเช่นนั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซีดานคันหรูอย่าง Volvo S90 โฉมล่าสุดตรงหน้า สิ่งที่สะกดสายตาเราได้ชะงัด ตั้งแต่แรกเห็นก็คือความหรูหราในทุกมุมมอง ผสมผสานด้วยความทันสมัย ซึ่งนี่คือแนวคิดการออกแบบใหม่ที่ Volvo เค้าเรียกว่า Designed Around You ที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก โดยซุกซ่อนพัฒนาการที่ล้ำสมัยไว้ภายใน กับโครงสร้างตัวถังที่ออกแบบโดย Scalable Product Architecture (SPA) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มที่ทันสมัยที่สุดของ Volvo และได้นำมาใช้ในตระกูล 90 รุ่นใหม่ทั้งหมด

โดยย้อนกลับไปที่เรื่องของงานดีไซน์ของ Volvo S90 นั้นเรียกว่าปรับโฉมเต็มพิกัด เน้นความโดดเด่นมีเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความมั่นใจ เช่น กระจังหน้าสุดหรู ที่มีการประทับตราสัญลักษณ์ “Iron Mark” แบบใหม่ไว้กึ่งกลาง ลงตัวกับการประกบด้วยชุดไฟหน้าสุดเฉียบแบบ LED ด้วยการจำลองสไตล์ของ “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor Hammer) ด้านภายในห้องโดยสารเปี่ยมด้วยความหรูหรา ซึ่งถ้าไม่ติดว่าหน้าที่ คือ การทดลองขับล่ะก็ เราคงโดดไปนั่งเอนกายอยู่ด้านหลัง มากกว่าขึ้นไปประจำการหลังพวงมาลัย แต่เอาเถอะไม่เป็นไร จบภาระกิจก่อนดีกว่า มีโอกาสค่อยว่ากัน ฉะนั้นกลับมาต่อกันที่เรื่องของ “ออฟชั่น” คงเข้าท่ากว่า

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ติดตั้งมาให้ ต้องเรียกว่ามาแบบครบๆ พร้อมด้วยรายละเอียดที่สุดจะพิถีพิถัน ตัวอย่างเช่น  แผงหน้าปัดแบบแสดงผลกราฟฟิกที่มีขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว ตามด้วยระบบปรับอากาศ ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ Clean Zone ซึ่งสามารถดักละอองฝุ่น, เกสรดอกไม้ เพื่อให้อากาศภายในรถมีความบริสุทธิ์สะอาดเหมือนที่สวีเดน รวมถึงยังมีการออกแบบปุ่มปรับทิศทางบริเวณช่องลมแอร์ทรงแนวตั้งที่ขัดเกลา และเคลือบด้วยโลหะรูปทรงเพชร ที่เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่สะกดสายตาอีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านอรรถประโยชน์ใช้สอยแบบรอบด้าน ที่เหนือไปจากช่องเก็บของหลายจุดในห้องโดยสารแล้ว พนักพิงเบาะหลังยังสามารถแยกพับราบได้แบบ 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้เช่นกันในขณะที่ระบบความบันเทิงนั้นจัดมาเต็มๆ ตั้งแต่ เทคโนโลยีการเชื่อมสัญญาณสั่งการ และสื่อสารผ่านดาวเทียม ที่เรียกว่า Sensus Connect ซึ่งเป็นระบบแรกของโลกที่เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto จากซอฟท์แวร์ที่มากับตัวรถ โดยสามารถควบคุมได้จากทั้งปุ่มมัลติฟังก์ชันบนพวงมาลัย และระบบสั่งการด้วยเสียง Voice Control ของผู้ขับขี่ ซึ่งจะแสดงข้อมูลบนหน้าจอแสดงผลขนาด 9.0 นิ้ว นอกจากนี้บรรดา “หูเทพ” คงพึงพอใจไม่น้อยกับ Volvo S90 ที่ยกระบบเสียงของ Bowers & Wilkins มาติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งเค้าว่า “เสียงคมชัด และฟังนุ่มหูที่สุดของโลก” ส่วนรายละเอียดของเครื่องเสียงชุดนี้จะประกอบด้วย แอมพลิฟายเออร์ 1,400 วัตต์ 12-แชนเนล คลาส-ดี ส่งเสียงผ่านลำโพง 19 ตัว รอบห้องโดยสาร และสามารถเลือกฟังได้ 3 โหมด คือ Studio, Individual Stage, และ Gothenburg Concert Hall (อันนี้ผมเอาข้อมูลมาบอกกล่าวให้ฟัง เพราะ “หู” ผมดันไม่ “เทพ” พอจะแยกออกได้ว่ามันสุดยอดจริงรึเปล่า)

และไม่ใช่เรื่องของงานดีไซน์เท่านั้นที่เป็นจุดสำคัญของ Volvo เจเนอเรชั่นใหม่ แต่ยังรวมถึงเรื่องของระบบความปลอดภัยอีกด้วย โดย Volvo S90 รุ่นนี้ได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่มีชื่อว่า Intellisafe ซึ่งได้ควบรวมเอา ระบบความปลอดภัยทั้งเชิงป้องกัน และปกป้อง ให้สอดผสานทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นระบบ Pilot Assist เจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งเป็นระบบช่วยในการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ โดยทำงานที่อัตราความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม. และไม่ต้องอาศัยรถคันหน้าอีกต่อไป รวมไปถึงการติดตั้งระบบความปลอดภัยระดับ “นวัตกรรมของโลก” อย่างเช่น ระบบป้องกันรถยนต์วิ่งออกนอกช่องทาง (Run-Off Road Mitigation) ที่จะทำงานในย่านความเร็วตั้งแต่ 65-140 กม./ชม.

ตลอดจนระบบ City Safety ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจจับสัตว์ขนาดใหญ่ (Large Animal Detection) โดยทั้งหมด คือ ครั้งแรกของโลกที่นำระบบเหล่านี้มาติดตั้งในรถยนต์นั่งซีดาน ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างการขับขี่ที่ปลอดภัยตลอดการเดินทาง ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญ เพื่อมุ่งไปสู่วิสัยทัศน์ของ Volvo ที่ว่า “ในปีค.ศ. 2020 จะต้องไม่มีผู้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บสาหัสในรถ Volvo รุ่นใหม่”ในส่วนของขุมพลังนั้น Volvo S90 Twin Engine AWD Plug-in Hybrid ใหม่ มากับขุมพลังเบนซิน 4 สูบ พิกัด 2.0 ลิตร พ่วงด้วยของแรงทั้งจากเทอร์โบชาร์จ (Turbocharger) และซูเปอร์ชาร์จ (Supercharger) สร้างพละกำลังสูงสุด 320 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 2,220-5,400 ต่อนาที แถมด้วยเรี่ยวแรงจากมอเตอร์ไฟฟ้า 87 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอีก 240 นิวตันเมตร

ทำให้รวมแล้วมีพละกำลังสูงสุดที่มากถึง 407 แรงม้า และมีแรงบิดมหาศาลถึง 640 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเทคโนโลยี Drive-E กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมฟังก์ชัน Geartronic โดยในการขับเคลื่อนนั้นเครื่องยนต์จะรับผิดชอบในส่วนของล้อหน้า และมีมอเตอร์ไฟฟ้ารับผิดชอบล้อหลัง ซึ่งทั้งหมดสามารถสร้างอัตราเร่งสุดเร้าใจจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม.

นอกจากนี้เค้ายังเคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยมาให้ถึง 55.5 กม./ลิตร พร้อมด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพียง 41 กรัม/กม. ทั้งยังสามารถวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (Pure mode) ได้เป็นระยะทางไกลถึง 52 กม. ปิดท้ายด้วยการชาร์จไฟที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่สูงสุดที่ 16A และสามารถชาร์จไฟเต็มโดยใช้เวลาเพียง 2.5 ชั่วโมงเท่านั้น

สำหรับในการทดลองขับนั้นบอกเลยว่า เป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ที่แสนจะประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ลองกดคันเร่งแบบเต็มเม็ด เต็มหน่วย เพื่อลิ้มรสการทำงานสอดประสานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าขณะขับเคลื่อน จนคุณต้องตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมาเลยทีเดียว ว่านี่คือ “รถ Hybird จริงๆ ใช่มั้ย” เพราะบุคลิกของเค้านั้นสามารถเรียกได้อย่างเต็มปาก เต็มคำว่า เป็นรถซีดานหรูสมรรถนะสูง

อรรถรสในการขับขี่ยามกดคันเร่งนั้นทำเอาผมลืมไปเลยว่า Volvo S90 รุ่นนี้เป็นรถหรู เพราะมันให้ความรู้สึกราวกับเป็นสปอร์ตซาลูนขนาดใหญ่ ด้วยความกระฉับ กระเฉง ที่เกิดจากระบบพวงมาลัย ซึ่งสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็ว และฉับไว จนทำให้ขนาดของตัวรถที่ใหญ่โตมากด้วยความคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของระบบช่วงล่างที่พกพาบุคลิกสไตล์ยุโรปมาให้สัมผัสกับ “นุ่มหนึบ” และ “นิ่ง” มากพอแม้จะใช้ความเร็วสูงกว่าปกติ ก็ยังสร้างความมั่นใจได้ ทั้งในทางตรง และในทางโค้งต่างๆ ที่ต้องพบเจอบนท้องถนน

แถมเจ้านี่ยังเป็นรถที่คุณอาจจะต้องคอยระแวงความเร็วที่ใช้อยู่บ่อยครั้ง เพราะด้วยความ “นิ่ง” และการ “ตอบสนอง” ของเครื่องยนต์ที่มาเต็มอย่างต่อเนื่อง ไม่มีขาดตกบกพร่อง ทำให้เผลอเพียงแว่บเดียวคุณอาจจะใช้ความเร็วในระดับเกือบๆ แตะ 200 กม./ชม. เอาได้ง่ายๆ ซึ่งถ้าไม่คิดมากเรื่องการจำกัดความเร็วบนถนน ก็บอกได้เลยว่าคงไม่มีอะไรต้องน่าห่วงมากไปกว่านี้

เพราะด้วยมาตรฐานความปลอดภัยของ Volvo นั้นก็เรียกได้ว่าเป็นที่รู้กันอยู่ว่าจัดมาให้อย่างแน่นหนา โดยเฉพาะกับยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ที่มีการคิดค้น พัฒนา และติดตั้งมาให้อย่างเต็มพิกัด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ราวกับประจำการอยู่ในรถถัง ตั้งแต่ระบบเบรกสมรรถนะสูงที่มีการปรับเซ็ทมาอย่างดี พร้อมด้วยน้ำหนักแป้นเบรกที่สามารถคำนวนน้ำหนักเท้าได้อย่างง่ายดาย ตามด้วยการติดตั้งตัวช่วยต่างๆ ที่ทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ฉะนั้นเราถึงกล้าพูดอย่างเต็มปาก เต็มคำได้เลยว่า Volvo S90 T8 Twin Engine AWD Plug-in Hybrid นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว หากใครกำลังมองหารถยุโรปหรูๆ สักคัน ที่สามารถตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น “ความประหยัด, สมรรถนะ, ความหรูหรา, ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย” ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ราคาค่าตัวเพียง 3.79 ล้านบาทเท่านั้น

• Specification

Volvo S90 T8 Twin Engine AWD Plug-in Hybrid

• Price                     :  3,790,000 BHT
• Engine                  :  1,969 CC / 4 Cylinder 16 Valve / Turbocharger / Supercharger 320 hp @ 5,700 rpm / 400 Nm @ 2,220-5,400 rpm
• Electric Motor   :  87 hp / 240 Nm
• Transmission    :   8A/T / All-Wheel Drive
• Performance      :   0 – 100 Km/h @ 4.8 Sec / Top Speed @ 250 Km/h
• Weight                  :   N/A